_{http://4.bp.blogspot.com/_7uslOMfcowo/SL5pkfkqMBI/AAAAAAAAABM/GWc8nIw7ITE/s320/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C+2.jpg}

 

              กติกาสากลการเล่นเปตองฉบับนี้ สหพันธ์เปตองนานาชาติได้อนุมัติให้ใช้เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2527 ณ

เมืองโรตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

ข้อ 1 เปตองเป็นกีฬาที่เล่นโดยมีผู้เล่น 2 ฝ่าย และแบ่งการเล่นออกได้ดังนี้

• ผู้เล่นฝ่ายละ 3 คน (Triples)

• ผู้เล่นฝ่ายละ 2 คน (Doubles)

• ผู้เล่นฝ่ายละ 1 คน (Singles)

• ในการเล่นฝ่ายละ 3 คน ผู้เล่นแต่ละคนต้องมีลูกบูลคนละ 2 ลูก

• ในการเล่นฝ่ายละ 2 คน ผู้เล่นแต่ละคนต้องมีลูกบูลคนละ 3 ลูก

• ในการเล่นฝ่ายละ 1 คน ผู้เล่นต้องมีลูกบูลคนละ 3 ลูก

• ห้ามจัดให้มีการเล่นนอกเหนือจากกฎที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 1 นี้

 

ข้อ 2 ลูกบูลที่ใช้ในการเล่นต้องได้รับการรับรองจากสหพันธ์ฯและต้องมีลักษณะดังนี้

1. เป็นโลหะ

2. มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 7.05-8.00 ซ.ม.

3. มีน้ำหนักระหว่าง 0.650-0.800 ก.ก. และต้องมีเครื่องหมายของโรงงานผู้ผลิต ตัวเลข แสดงน้ำหนักและเลขรหัส

    ปรากฏบนลูกบูลอย่างชัดเจน

4. เป็นลูกบูลที่ผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ฯ และห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพเดิม ไม่ว่าจะใช้ตะกั่วบัดกรี

    หรือนำเอาดิน ทราย มาติดเพิ่มหรือใส่ไปในลูกบูลในลักษณะที่มีเจตนาส่อไปในทางทุจริต แตjอนุญาตให้เจ้าของสลัก

    ชื่อหรือเครื่องหมายบนลูกบูลได้

•  ผู้เล่นที่ฝ่าฝืนหรือละเมิดกฎข้อ 4 จะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันทั้งทีมทันที

•  ลูกบูลที่ถูกเปลี่ยนแปลงสภาพ ผู้กระทำผิดจะถูกลงโทษดังนี้

       ก. ผู้เล่นที่ฝ่าฝืนหรือละเมิดกฎข้อ 4 จะถูกถอนใบอนุญาต (บัตรประจำตัวนักกีฬา) อย่างน้อย 15 ปี และอาจถูกลง

           โทษจากคณะกรรมการวินัยอีกด้วย

       ข. การใช้ความร้อนเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพของลูกบูล ผู้กระทำผิดจะถูกถอนใบอนุญาต (บัตรประจำตัวนักกีฬา) 5 ปี

           และห้ามเข้าทำการแข่งขันชนะเลิศแห่งชาติ และนานาชาติ 5-10 ปี

• กรณีหนึ่งกรณีใดที่ได้ระบุไว้ในข้อ ก. และ ข. ถ้าผู้เล่นได้ยืมลูกบูลจากผู้อื่นมาเล่น เจ้าของลูกบูลผู้ให้ยืมจะถูก

  ลงโทษภาคภัณฑ์ 5 ปี

• ถ้าลูกบูลนั้นมิได้ถูกกระทำทุจริต แต่เนื่องจากลูกบูลนั้นเก่ามาก หรือมีการผิดพลาดจากโรงงานผู้ผลิต และเมื่อตรวจ

  สอบแล้วไม่ได้ลักษณะตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 1, 2 และ 3 จะต้องเปลี่ยนลูกบูลนั้นทันที

• เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตน ก่อนทำการแข่งขันทุกครั้ง ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายควรตรวจสอบ ลูกบูลของฝ่ายตน

  และฝ่ายตรงข้ามให้ถูกต้องตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 1, 2 และ 3

• ในกรณีที่มีการผ่าลูกบูลเพื่อตรวจสอบ ถ้าลูกบูลนั้นมิได้ถูกกระทำทุจริต ฝ่ายประท้วงจะต้องรับผิดชอบชดใช้ หรือ

  เปลี่ยนลูกบูลนั้นให้แก่ฝ่ายเสียหาย และเจ้าของลูกบูลไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ อีก

• ในระหว่างการแข่งขัน ผู้ตัดสินและกรรมการชี้ขาดอาจตรวจสอบลูกบูลของผู้เล่นทุกคน ได้ทุกเวลา

• การประท้วงของนักกีฬาว่าด้วยเรื่องการตรวจสอบลูกบูลจะกระทำได้ในระหว่างการเล่น 2 เที่ยวแรกเท่านั้น

• หลังจากเริ่มเล่นเที่ยวที่ 3 แล้ว ถ้ามีการประท้วงเกี่ยวกับลูกบูลของฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายที่ประท้วงจะถูกปรับ 3 คะแนน

  โดยนำไปเพิ่มในป้ายคะแนนของฝ่ายตรงข้าม

• ลูกเป้าต้องทำด้วยไม้ มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 25-35 ม.ม. และอาจทาสีได้ แต่ต้องเป็นสีที่สามารถมองเห็นได้

  ชัดเจนในขอบเขตสนาม

 

ข้อ 3 ก่อนเริ่มการแข่งขัน หากกรรมการผู้ตัดสินหรือผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามขอตรวจสอบใบอนุญาต (บัตรประจำตัวนักกีฬา)

        ผู้เล่นนั้น ๆ จะต้องแสดงให้ดูทันที

• ใบอนุญาต (บัตรประจำตัวนักกีฬา) ทุกประเภทต้องเป็นของสหพันธ์เปตองแห่งชาติ มีตรานูน ของสหพันธ์ฯ ประทับ

   อยู่ด้านหลัง มีรูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว มีลายเซ็นของผู้ถือบัตร และลายเซ็นของผู้ออกบัตร และต้องมีตราของชมรมหรือ

   สมาคมนั้นๆ ประทับคาบอยู่บนรูปถ่ายด้วย

•  ผู้เล่นที่มีใบอนุญาต (บัตรประจำตัวนักกีฬา) ไม่ถูกต้องตามข้อแรก ไม่มีสิทธิ์ลงทำการแข่งขัน

ข้อ 4 ห้ามผู้เล่นทุกคนเปลี่ยนลูกเป้าหรือลูกบูลในระหว่างการแข่งขัน เว้นแต่ในกรณี ดังนี้

• ลูกเป้าหาย

• ลูกบูลหาย

• ถ้าลูกบูลลูกหนึ่งแตกเป็น 2 ชิ้น หรือหลายชิ้น ให้ปฏิบัติตามกฎข้อย่อย ดังนี้

      -  ถ้าหมดลูกบูลเล่นแล้ว ให้นับคะแนนจากชิ้นที่ใหญ่ที่สุด

      -  ถ้ายังมีลูกบูลเหลือเล่นอยู่ ให้นำลูกบูลอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาเปลี่ยนทันที โดยให้นำมาวางแทนที่ตำแหน่ง

         ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดของลูกบูลที่แตกนั้น แล้วเล่นต่อไปตามปกติ

•  กฎจุดที่ 3 นี้ ให้ใช้กับลูกเป้าด้วย

 

ข้อ 5 เปตองเล่นได้กับสนามทุกสภาพ โดยมีคณะกรรมการจัดการแข่งขันหรือผู้ตัดสินเป็นผู้กำหนด ผู้เล่นทุกทีต้องเล่นใน

        สนามที่กำหนดให้ สำหรับการแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งชาติ และนานาชาติสนามต้องมีขนาดกว้าง 4 เมตรและยาว 15

        เมตร เป็นอย่างน้อย

• ส่วนการแข่งขันอื่น ๆ สหพันธ์ฯ อาจอนุโลมให้เปลี่ยนแปลงขนาดของสนามได้ ตามความจำเป็นและเหมาะสม

• เกมหนึ่งกำหนดให้มี 13 คะแนน สำหรับการแข่งขันในรอบแรกและรอบสองจะใช้เพียง  11 คะแนนก็ได้