รัชกาลที่ ๔
ภาพจาก http://www.prdnorth.in.th/The_King/picture/ram4.jpg
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามงกุฎ
ทรงพระราชสมภพในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พุทธศักราช 2347
ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 43 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบรมราชินี
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พุทธศักราช 2367 ขณะสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎ ทรงเจริญพระชันษาได้เกือบ 20 พรรษา
ได้เสด็จออกผนวชตามโบราณราชประเพณีที่วัดสมอราย (หรือวัดราชาธิวาสในปัจจุบัน)
หลังที่ทรงผนวชได้เพียง 15 วัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยพระราชบิดาก็เสด็จสวรรคต
โดยมิได้ทรงตรัสมอบราชสมบัติให้แก่เจ้านายพระองค์ใด พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางและขุนนางชั้นผู้ใหญ่มีมติให้ทูลเกล้าฯ
ถวายราชสมบัติแด่กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระราชโอรสองค์ใหญี่ทประสูติแต่พระสนมเอก เนื่องจากกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
ทรงเข้มแข็งและรอบรู้ในข้อราชการซึ่งเหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองที่ยังไม่สงบเรียบร้อยในขณะนั้น พระวชิรญาณเถระ
หรือสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎจึงตัดสินพระทัยดำรงอยู่ในสมณเพศต่อไปตลอดรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 นับเป็นเวลาได้ 27 ปี
ทั้งนี้เพื่อเป็นการตัดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจนเป็นสาเหตุให้เกิดข้อบาดหมางพระทัยกันระหว่าง
พระองค์และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในระหว่างทรงผนวช สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎทรงมีโอกาสศึกษาภาษาต่างประเทศ ได้แก่ ภาษาละติน
และภาษาอังกฤษจากบาทหลวงและมิชชั่นนารีที่เข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนาอย่างแตกฉาน ทำให้ทราบถึงนิสัยใจคอของคนตะวันตก
ในยุคนั้น และยังได้ทรงทราบถึงวิทยาการความรู้สมัยใหม่ในตอนนั้น รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นภายนอกประเทศของเราได้อย่างกระจ่างชัด
ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอย่หัวจะเสด็จสวรรคต ได้ตรัสเวนคืนราชสมบัติให้พระบรมวงศานุวงศ์และบรรดาข้าราชการ
ชั้นผู้ใหญ่ เพื่อสถาปนาพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ตามแต่ความคิดเห็นส่วนใหญ่ของที่ประชุม ภายหลังจากที่รัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคต
แล้ว ที่ประชุมมีมติให้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามงกุฎสมมติเทวาวงศ์พงษ์อิศรกษัตริย์ ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุ 46 พรรษา
เศษ เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบต่อจากพระบรมเชษฐา เมื่อวันที่ 2 เมษายน พุทธศักราช 2394 ทรงพระนาม
ตามพระสุพรรณบัฎว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎสุทธิ สมมุติเทพยพงศวงศาดิศรกษัตริย์ วรขัตติยราชนิกโรดม
จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธิเคราะหณี จักรีบรมนาถ อดิศวราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิตอุกฤษฐวิบูลย
บูรพาดูลยกฤษฎาภินิหาร สุภาธิการรังสฤษดิ ธัญญลักษณ วิจิตรโสภาคสรรพางค์ มหาชโนตมางคประณตบาทบงกชยุคล
ประสิทธิสรรพสุภผลอุดม บรมสุขุมาลยมหาบุรุษยรัตน ศึกษาพิพัฒนสรรพโกศล สุวิสุทธิวิมลศุภศีลสมาจารย์ เพ็ชรญาณประภาไพโรจน์
อเนกโกฎิสาธุ คุณวิบุลยสันดานทิพยเทพวตาร ไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ เอกอัครมหาบุรุษ สุตพุทธมหากระวี
ตรีปิฎกาทิโกศล วิมลปรีชามหาอุดมบัณฑิต สนุนทรวิจิตรปฎิภาณ บริบูรณ์คุณสาร สัสยามาทิโลกยดิลก มหาปริวารนายกอนันต์
มหันตวรฤทธิเดช สรรพพิเศษ สิรินธรมหาชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัตินพปฎลเศวตฉัตราดิฉัตร
สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเศกาภิษิต สรรพทศทิศวิชิตวิไชย สกลมไหศวรินมหาสยามินทร มเหศวรมหินทร
มหาราชาธิราชวโรดม บรมนารถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อุกฤษฐศักดิอัครนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย
อโนปมัยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิเบนทร ปรเมนทรธรรมมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบรมบพิตร
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวย นับเป็นรัชกาลที 4 แห่งราชจักรีวงศ์
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จอยู่ในสิริราชสมบัติแล้ว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนาเจ้าฟ้าชายจุฑามณี พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งเป็นพระอนุชาร่วมพระชนนี
โดยในขณะนั้นดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ขึ้นเป็นพระสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
ดำรงพระราชอิสริยยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดินทุกประการ ทำให้เป็นที่กล่าวกันว่าในรัชกาลที่ 4 นี้ไทยมีพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์
พระราชกรณียกิจที่สำคัญ วัดประจำรัชกาลที่ ๔ ตราประจำรัชกาลที่ ๔