ใช้สมุนไพรอย่างไร...ให้ปลอดภัย
ใช้สมุนไพรอย่างไร...ให้ปลอดภัย
สมุนไพรมีบทบาทในการรักษาโรคเป็นระยะเวลานานหลายพันปีมาแล้ว ถึงแม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่สรรพคุณของสมุนไพรไม่ได้เปลี่ยนไปสมุนไพรเหมาะกับคนทุกยุคทุกสมัยและทุกระดับ
สมุนไพรคืออะไรกันแน่
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “สมุนไพร” คนทั่วไปมักเข้าใจว่า หมายถึงยาที่ได้จากพืชเท่านั้น แต่ความจริงแล้วรวมถึงสิ่งที่ได้จากสัตว์และแร่ธาตุต่างๆด้วย เช่นกระดูกสัตว์และเขาสัตว์ เป็นต้น สมุนไพรนอกจากนำมาใช้เป็นยาแล้ว ยังมีการนำมาใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นด้วย เช่น นำมาเป็นอาหาร อาหารเสริม เครื่องดื่ม สีผสมอาหาร สีย้อม และเครื่องสำอาง รูปแบบที่นำมาใช้ก็มีความหลากหลาย
สมุนไพรดีจริง?
สมุนไพรจัดเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างหนึ่งที่สืบทอดกันมาก ในสมัยที่ยังไม่มียาแผนปัจจุบัน เมื่อมีความเจ็บป่วยก็จะมีแต่สมุนไพรเท่านั้นที่นำมาใช้เพื่อรักษาโรค และก็ได้มีการบอกกล่าวหรือจดบันทึกไว้เป็นตำรา เมื่อมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีความรู้ต่างๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น วิธีการใช้สมุนไพรก็เปลี่ยนไป มีการสกัดและสังเคราะห์สารต่างๆ ขึ้นมาใช้แทนสมุนไพร ปัญหาที่ตามมาคือการเกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยา และที่สำคัญยามักมีราคาแพง เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูง
ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพร
การใช้สมุนไพรมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้เนื่องจากการใช้ยาแผนปัจจุบันไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น การใช้สมุนไพรก็อาจเกิดปัญหาเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน ถ้าใช้อย่างระมัดระวัง การนำสมุนไพรมาใช้จึงมีสิ่งที่ควรระมัดระวัง ดังนี้
1. ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการใช้สมุนไพรในการรักษาโรคชนิดนั้นๆ
2. ต้องวินิจฉัยโรคให้ถูกต้องว่าเป็นโรคอะไร เพื่อสามารเลือกใช้สมุนไพรได้ตรงกับโรคนั้น
3. ต้องใช้สมุนไพรให้ถูกต้น ถูกส่วน ว่าเป็นส่วนไหนของพืชที่ต้องนำมาใช้ เช่น ดอก ใบ ราก หน่อ หรือเมล็ด ถูกฤดูกาลและถูกอายุของพืช
4. ต้องรู้วิธีการเตรียมสมุนไพรชนิดนั้น เช่น โดยการต้ม ชง หรือดอง เพื่อทำให้ตัวยาที่มีอยู่ออกฤทธิ์มากที่สุด
5. ต้องระวังการปนเปื้อนของสิ่งที่มีพิษ เช่น เชื้อโรค ปุ๋ย หรือยาฆ่าแมลง โดยทำการเก็บเกี่ยวหลังจากใช้ปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลงในช่วงเวลาที่ปลอดภัย
6. มีเพียงบางโรคเท่านั้นที่สามารถรักษาให้หายได้ ด้วยสมุนไพร ไม่ควรใช้สมุนไพรกับโรคที่มีความรุนแรงและอันตรายถึงชีวิต นอกจากสามารถควบคุมอาการของโรคได้แล้ว และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์แผนปัจจุบัน * ความผิดปกติที่ใช้สมุนไพรรักษาได้ ได้แก่โรคผิวหนังอักเสบ อ่อนเพลีย เป็นไข้ ท้องผูก ท้องเสีย ไอ หวัด แผลในกระเพาะและเบื่ออาหาร เป็นต้น * ไม่ควรใช้สมุนไพรรักษาโรคที่มีความรุนแรง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง งูพิษกัด กระดูกหัก ไข้สูง และความเจ็บป่วยที่ร้ายแรงอื่นๆถึงแม้จะมีข้อห้ามใช้สมุนไพร ความผิดปกติบางอย่างอาจใช้สมุนไพรร่วมกับการใช้ยาแผนปัจจุบันได้ เช่น โรคเบาหวาน มะเร็ง เอดส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น เป็นการเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย และบางครั้งเป็นการบรรเทาอาการข้างเคียงที่เกิดจากยาแผนปัจจุบัน ไม่ใช่การรักษาโดยตรง ผู้ป่วยยังจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิดจากแพทย์แผนปัจจุบัน
7. ถ้าใช้สมุนไพรแล้วไม่ได้ผลภายใน 2-3 วัน ควรรีบปรึกษาแพทย์