หมู่โลหิตระบบ Rh
หมู่โลหิตระบบ Rh
http://school.obec.go.th/uts_s/webpages/bio/blood_group/contents/07.html
การค้นพบหมู่โลหิตระบบ Rh นั้น ในปี ค.ศ.1939 มีนักวิทยาศาสตร์ 2 คนชื่อ เลอวิน และ ลีเวน เวล สเต็ดสัน ได้พบว่าหลังจากที่ทำการถ่ายโลหิตให้สตรีผู้หนึ่งซึ่งเสียโลหิตจากการคลอดบุตรที่ตายในครรภ์ จากการศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าโลหิตในตัวลูกมีปฏิกิริยากับเม็ดโลหิตแดงของแม่ ทำให้เม็ดโลหิตแดงแตกในตอนนั้นเข้าใจว่าในตัวสตรีผู้นั้นได้รับสารชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะต่างจากเม็ดโลหิตแดงของลูกซึ่งถ่ายจากพ่อ ต่อมาในปี ค.ศ.1940 มีนักวิทยาศาสตร์อีก 2 คนชื่อ คาร์ล แลนด์ สไตเนอร์ ร่วมกับอเล็กซานเดอร์ วินเนอร์ ทำการทดลองฉีดเม็ดโลหิตแดงของลิงเข้าไปในกระต่าย และหนู พบว่าน้ำเหลืองของกระต่ายทำปฏิกิริยากับเม็ดโลหิตแดงของลิง และยังทำปฏิกิริยากับเม็ดโลหิตแดงของคนอีก 84 % ต่อมาภายหลังได้พบปรากฏการณ์เช่นนี้ในคน 3 คน ที่ได้รับโลหิตหมู่ ABO ที่ตรงกัน ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากโลหิตหมู่พิเศษ นอกเหนือไปจากหมู่โลหิต ABO จึงได้ตั้งชื่อ "หมูโลหิตนี้ว่า อาร์เอช (Rh)"
การจำแนกหมู่โลหิตระบบ Rh
การจำแนกหมู่โลหิตระบบ Rh จะจำแนกโดยสังเกตจากสารโปรตีนที่ฉาบอยู่บนผิวของเม็ดโลหิตแดง ซึ่งเรียกว่า สารโปรตีน ดี (Antigen-D) ซึ่งโปรตีนชนิดนี้ใช้เป็นตัวบ่งบอก หมู่โลหิตระบบ Rh แบ่งออกเป็น 2 หมู่ คือ
1. หมู่โลหิต Rh บวก (Rh positive) คือ หมู่โลหิตที่มีสารโปรตีน ดี (Antigen-D) อยู่ที่ผิวของเม็ดโลหิตแดง ในคนไทยมีหมู่โลหิต Rh บวก ประมาณ 99.7 % ซึ่งหมู่โลหิต Rh บวกนี้ เราเรียกง่าย ๆ ว่า “หมู่โลหิตธรรมดา”
2. หมู่โลหิต Rh ลบ (Rh negative) คือหมู่โลหิตที่ไม่มีสารโปรตีน ดี (Antigen-D) อยู่ที่ผิวของเม็ดโลหิตแดง ในคนไทยพบว่ามีหมู่โลหิตนี้เพียง 0.3 % หรือ 1,000 คน จะพบเพียง 3 คนเท่านั้น ซึ่งเราเรียกง่าย ๆ ว่า “หมู่โลหิตหายาก” หรือ “หมู่โลหิตพิเศษ” (Rh negative) นั่นเอง