อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192260084.jpg
สร้างขึ้นปี พ.ศ. 2518 ตั้งอยู่ริมถนนจรดวิถีถ่องทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ ลักษณะพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระบรมรูปหล่อด้วยทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ขนาดสองเท่าขององค์จริง สูง 3 เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทบนพระแท่นมนังคศิลาบาตร พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน พระแท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้างๆ ด้านข้างของพระบรมรูป มีภาพแผ่นจำหลักจารึกเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ ตามที่ได้จารึกไว้ในศิลาจารึกหลักที่ 1
วัดมหาธาตุ
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192260965.jpg
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192260981.jpg
เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่กลางเมืองมีกำแพง และคูล้อมรอบเขตวัด มีสระใหญ่ 3 สระ และสระเล็กๆ วัดมหาธาตุเป็นศูนย์รวมงานทางศิลปะด้านสถาปัตยกรรมในสมัยกรุงสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ซึ่งเป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ เป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์แปดองค์บนฐานเดียวกันได้แก่ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้งสี่ และเจดีย์แบบศรีวิชัยผสมลังกาก่อด้วยอิฐอยู่ที่มุมทั้งสี่ ภายในรายล้อมไปด้วยเจดีย์ถึง 209 องค์ วิหาร 10 แห่ง มณฑป 8 ซุ้ม พระอุโบสถ 1 หลัง ตระพัง (สระน้ำขนาดเล็ก) 4แห่งด้านตะวันออกของเจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่เรียกว่า วิหาร 11 ห้อง ปัจจุบันปรักหักพังเหลือแต่เสาศิลาแลงขนาดใหญ่ มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดหน้าตักกว้าง 6.25 เมตรปัจจุบันประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารหลวง วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร ด้านเหนือและใต้ของเจดีย์ประธานมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้มเรียกว่า "พระอัฎฐารส"
เนินปราสาท
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192261396.jpg
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานที่มองเห็นต่างจากสิ่งอื่นภายในเขตเมือง เพราะเป็นเพียงเนินดินสูงที่สุดของเมือง เดิมนักโบราณคดีและผู้รู้มีความเห็นว่าเป็นฐานปราสาทราชวัง แต่ในระยะหลังนักวิชาการบางท่าน เช่น อาจารย์พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ มีความเห็นว่าปราสาทราชวังน่าจะอยู่ที่อื่น ดังในจารึกวัดสรศักดิ์ได้กล่าวถึงพระราชาธิบดีศรีมหาจักรพรรดิราช พร้อมด้วยพระราชมารดากับพระมาตุจฉา เสด็จประทับ ณ พระตำหนักด้านทิศตะวันออกของวัดสรศักดิ์ ลักษณะเป็นฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อด้วยอิฐ ส่วนเครื่องบนที่คาดว่าเป็นเครื่องไม้ ได้หักพังลงหมด ในปี พ.ศ. 2376 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังทรงผนวช ได้เสด็จธุดงค์มายังเมืองเก่าสุโขทัย ทรงพบศิลาจารึกสุโขทัย (ศิลาจารึกหลักที่ 1) และพระแท่นมนังศิลาบาตรในบริเวณเนินปราสาทแห่งนี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคม
วัดศรีสวาย
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192262518.jpg
เดิมเป็นเทวสถานในศาสนาพราหมณ์ ลักษณะเป็นปรางค์สามยอดแบบขอม อยู่ทางทิศใต้ของวัดมหาธาตุ มีคูน้ำล้อมรอบปรางค์สามองค์ โบราณสถานดังกล่าวนี้มีที่มาจากทรงปราสาทแบบขอม แต่ได้รับการดัดแปลงแตกต่างจากต้นแบบ เช่นส่วนประดับของปราสาทขอมที่เรียกว่า บันแถลง กลายเป็นรูปกลีบขนุน และปูนปั้นประดับกลีบขนุนเป็นรูปครุฑยุดนาค และเทวดา ปรางค์วัดศรีสวาย จึงแตกต่างจากปรางค์สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่มีต้นแบบจากปรางค์ในศิลปะขอมและคล้ายคลึงแบบขอมมากกว่าปรางค์ในแบบของช่างสุโขทัย
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองสุโขทัย ทรงพบรูปพระอิศวรและโบราณวัตถุหินจำหลักเป็นทับหลังรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ รูปพระนารายณ์สี่กร และชิ้นส่วนของเทวรูปและศิวลึงค์ทำด้วยสำริด จึงทรงสันนิษฐานว่า วัดนี้คงเป็นสถานที่พวกพราหมณ์ใช้ทำพิธีโล้ชิงช้า (ตรียัมปวาย) แต่ต่อมาเมื่อคนไทยเข้ามาครอบครองกรุงสุโขทัย วัดนี้จึงถูกดัดแปลงให้เป็นวัดทางพระพุทธศาสนา
ศาลผาตาแดง
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192262930.jpg
อยู่ใกล้กับตระพังตระกวนวัดสระศรี เป็นศาสนสถานของศาสนาพราหมณ์ อาคารที่เหลือมีฐานยกสูง ด้านหน้าเป็นมุขปรางค์แต่องค์ปรางค์หักเกือบหมดไม่เห็นรูปร่าง สิ่งก่อสร้างดังกล่าวเป็นศิลาแลงทั้งหมด รูปแบบทางสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะสมัยนครวัด (ราวพุทธศตวรรษที่ 17-18) นักโบราณคดีบางท่านสันนิษฐานว่า เป็นโบราณสถานร่วมสมัยกับนครวัด จัดเป็นโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเมืองสุโขทัย
วัดตระพังเงิน
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192263593.jpg
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192263634.jpg
อยู่ทางทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ จุดเด่นของวัดคือสระน้ำใหญ่อันเป็นที่มาของชื่อ ตระพังเงิน ตระพัง เป็นเป็นภาษาขอม หมายถึงสระน้ำ วัดตระพังเงินตั้งอยู่บริเวณขอบตระพังเงินด้านทิศตะวันตก และมีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หรือดอกบัวตูมเป็นประธาน บริเวณเรือนธาตุจะมีชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นประทับยืนทั้ง 4 ทิศ ด้านหน้าเป็นวิหาร 7 ห้อง ฐานและเสาก่อด้วยศิลาแลง มีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ภายใน ตรงกลางตระพังเป็นเกาะขนาดเล็กเป็นที่ตั้งพระอุโบสถ บริเวณตระพังมีดอกบัวขึ้นอยู่รอบสระทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามมาก
วัดตระพังทอง
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192263924.jpg
เป็นโบราณสถาน ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนใหม่และยังมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ ตั้งอยู่กลางตระพังทองซึ่งกว้างยาวด้านละประมาณ 200 เมตร มีสระน้ำอีกหลายสระ ภายในวัดมีพระอุโบสถเก่าอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนพระอุโบสถใหม่นั้นราษฎรเรี่ยไรเงินกันสร้างขึ้นอยู่ทางทิศตะวันตก
จุดเด่นของวัดที่เห็นได้ชัดคือ กลางตระพังเป็นเกาะที่ตั้งของพระเจดีย์ทรงกลมแบบลังกา ซึ่งยอดและคอระฆังหักพังลงมาแล้ว มีสะพานไม้ขนาดใหญ่ทอดข้ามไปยังเกาะนี้ บนเกาะมีมณฑปสร้างใหม่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ซึ่งปรากฏในจารึกสุโขทัยหลักที่ 8 ศิลาจารึกเขา สุมนกูฎว่า พระมหาธรรมราชาลิไทโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตามแบบรอยพิมพ์จากลังกาใน พ.ศ. 1902 และให้นำไปประดิษฐาน ณ ภูเขาทางทิศตะวันตกของเมืองสุโขทัย เรียกว่า เขาสุมนกูฎ ดังในลังกาทวีป (ปัจจุบันเรียกว่า เขาพระบาทใหญ่) มีงานนมัสการพระบาทนี้เป็นประจำทุกปี
วัดพระพายหลวง
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192264322.jpg
อยู่ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ ก่อสร้างก่อนการตั้งเมืองสุโขทัย มีความสำคัญเป็นอันดับสอง รองจากวัดมหาธาตุ เพราะมีรูปแบบศิลปกรรมตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของสุโขทัย และมีการสร้างเพิ่มในสมัยสุโขทัยตอนปลาย วัดพระพายหลวงจึงเป็นแหล่งรวมงานศิลปกรรมหลายยุคหลายสมัย ผังบริเวณวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีคูน้ำล้อมรอบ 3 ชั้น คูชั้นนอกเรียก คูแม่โจน มีปรางค์ศิลาแลง 3 องค์เป็นประธานของวัด องค์กลางและองค์ด้านทิศใต้พังเหลือแต่ฐาน เหลือเพียงองค์ด้านเหนือ หน้าบันประดับลายปูนปั้นเป็นศิลปะสมัยสุโขทัยตอนต้นที่งดงามมาก สันนิษฐานว่าสร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นศิลปะขอมสมัยบายน (รัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7) บริเวณหน้าปรางค์มีวิหารที่เหลือเพียงเสาใหญ่ศิลาแลง ถาวรวัตถุที่สร้างเสริมต่อขยายออกไปทางด้านหน้าของพระปรางค์สามองค์ เช่น เจดีย์เหลี่ยมที่เหลือเพียงยอดปรักหักพัง และมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปสี่อิริยาบท ได้แก่ นั่ง ยืน เดิน และนอน ปัจจุบันปรักหักพังลงเกือบหมด
วัดศรีชุม
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192264554.jpg
ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีคูน้ำล้อมรอบนอกเมืองเก่าสุโขทัยทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นวัดที่แปลกที่สุดเพราะผู้สร้างมีความคิดลึกซึ้งและมีความคิดก้าวไกล หากมองผิวเผินเพียงภายนอกจะมองเห็นมณฑปมีพระพุทธรูปประทับนั่งอยู่ตรงกลางเพียงองค์หนึ่ง แต่ที่แท้จริงมณฑปหลังนี้มีผนังหนามากก่ออิฐเป็นกำแพง 2 ชั้นมีบันไดเป็นขั้นๆ ขึ้นสู่ยอดมณฑปได้ เรามักเรียกกันว่า อุโมงค์วัดศรีชุม มีทางเข้าทั้งด้านซ้ายและด้านขวา แต่ทางด้านซ้ายเท่านั้นที่เข้าไปได้ถึงช่องลมด้านข้างและช่องหลังพระเศียรพระพุทธรูป
หากออกไปแอบอยู่ทางช่องนี้แล้วพูดออกมาดังๆ ผู้ที่อยู่ในวิหารก็อาจเข้าใจว่าพระพุทธรูปพูดได้
เตาทุเรียง
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192264874.jpg
เตาทุเรียง เป็นชื่อเรียกเตาเผาถ้วยชามสังคโลกสมัยสุโขทัย เตาทุเรียงที่สำรวจพบมีอยู่ 3 บริเวณด้วยกัน คือ เตาทุเรียงบริเวณเมืองเก่าสุโขทัย เตาทุเรียงป่ายาง และเตาทุเรียงเกาะน้อย ที่อำเภอศรีสัชนาลัย เตาทุเรียงบริเวณเมืองเก่าสุโขทัยเป็นเนินดินอยู่ระหว่างวัดศรีชุมและ วัดพระพายหลวง ชาวบ้านเรียกกันว่า เนินร่อนทอง บริเวณนี้นักโบราณคดีได้พบเตาเผาสังคโลกไม่น้อยกว่า 49 เตา เต็มไปด้วยร่องรอยมูลดินกับเศษถ้วยชามสังคโลก เตาแบบนี้เป็นเตาเผาแบบอิฐ กว้าง 1.50-2.00 เมตร ยาว 4-5 เมตร ทำเป็นรูปคล้ายประทุนเกวียนแบ่งเป็น 3 ตอน คือ ที่ใส่ไฟ ที่วางถ้วยชาม และปล่องไฟ
วัดเชตุพน
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192265119.jpg
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192265146.jpg
อยู่ห่างจากเขตเมืองชั้นในประมาณ 2 กม. เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่มีคูน้ำล้อมรอบ สวยงามด้วยเทือกเขาหลวงเป็นฉากหลัง ลักษณะเด่นของโบราณสถานแห่งนี้ คือ พระพุทธรูปสี่อิริยาบทขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ในมณฑปหินชนวน ซึ่งสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ผนังด้านทิศเหนือของมณฑปเป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง ด้านทิศใต้เป็นพระพุทธรูปประทับนอน ด้านทิศตะวันออกเป็นพระพุทธรูปลีลา ด้านทิศตะวันตกเป็นพระพุทธรูปประทับยืน ปัจจุบันพระพุทธรูปประทับนั่งและพระพุทธรูปประทับนอนหักพังเสียหายหมด เหลือแต่พระพุทธรูปประทับยืน และพระพุทธรูปลีลา ซึ่งก็ไม่สมบูรณ์เต็มองค์ ส่วนอื่นของวัดประกอบด้วยกำแพงแก้วล้อมมณฑปโดยทำจากหินชนวนที่มีขนาดใหญ่และหนา โดยมีการสกัดและบากหินเพื่อทำเป็นกรอบและซี่กรงเลียนแบบเครื่องไม้ ด้านหลังมณฑปใหญ่มีมณฑปขนาดเล็กย่อมุมไม้ยี่สิบ มีหลังคาก่อซ้อนกันเป็นเสา แลใช้หินชนวนขนาดใหญ่ทำเป็นเพดาน ยังปรากฏร่องรอยของพระพุทธรูปปางมารวิชัย แต่ชำรุดมากแล้ว ที่ผนังด้านนอกมีร่องรอยภาพเขียนสีดำลายพรรณพฤกษาอยู่บนกรอบประตู ด้านหน้าเป็นพระวิหารเสากลมสองแถว
ไม่ปรากฏหลักฐานว่าวัดนี้สร้างในสมัยใด แต่มีกล่าวอ้างถึงในจารึกวัดสรศักดิ์ ซึ่งบันทึกเหตุการณ์กลางพุทธศตวรรษที่ 20 จากข้อความที่ระบุชื่อวัดเชตุพน ประกอบกับรูปแบบทางศิลปะกรรม แสดงให้เห็นว่า วัดเชตุพนคงเป็นวัดที่มีความสำคัญและเจริญร่งเรืองในช่วงสุโขทัยตอนปลาย หลักฐานอีกชิ้นหนึ่งคือ มีการพบจารึกวัดเชตุพน ที่วัดนี้กล่าวถึงเจ้าธรรมรังษีซึ่งบวชได้ 22 พรรษา เป็นผู้มีจิตศรัทธาสร้างพระพุทธรูปขึ้นในพ.ศ. 2057
วัดเจดีย์สี่ห้อง
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192265401.jpg
ตั้งอยู่ทางตะวันออกของวัดเชตุพน ห่างไปราว 100 เมตร นอกจากวิหาร เจดีย์ประธาน และเจดีย์รายต่างๆ แล้ว สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในวัดนี้ คือ รูปปูนปั้นอันงดงามที่ประดับอยู่รอบฐานเจดีย์ประธาน เป็นรูปเทวดา สวมอาภรณ์และเครื่องประดับต่างๆ กัน ในมือถือภาชนะมีพรรณพฤกษาโผล่พ้นออกมา แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญงอกงาม ภาชนะนี้เรียกว่า หม้อปูรณะฆฎะ นอกจากนี้ก็เป็นปูนปั้นรูปช้างและสิงห์ประดับ องค์เจดีย์ประธานที่ได้รับการบูรณะมาแล้วหลายสมัย เป็นทรงระฆังกลม ส่วนยอดเจดีย์ได้หักพังลง คงปรากฏแต่ส่วนปล้องไฉนตกอยู่ที่ฐานเจดีย์
วัดตระพังทองหลาง
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192265964.jpg
อยู่ริมถนนจรดวิถีถ่อง เยื้องกับวัดช้างล้อม มีมณฑปขนาดกลางที่งดงามที่สุด ด้านหน้ามณฑปมีฐานวิหารเสาศิลาแลง สิ่งที่น่าชมของวัดตระพังทองหลางคือ ศิลปกรรมปูนปั้นบนผนังทั้งสามด้านของมณฑปรูปสี่เหลี่ยม มณฑปด้านทิศตะวันออกเป็นซุ้มประตู อีกสามด้านเป็นผนังที่ประดับด้วยรูปปูนปั้นที่ชำรุดเกือบหมดแล้ว เป็นเรื่องตามพุทธประวัติ ดังนี้
ผนังด้านเหนือ เป็นภาพพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าทรมานช้างชื่อ นาฬาคีรี ปั้นเป็นรูปพระพุทธองค์ประทับยืนเคียงข้างด้วยพระอัครสาวก คือ พระอานนท์ ที่ปลายพระบาทของพระพุทธเจ้ามีร่องรอยปูนปั้นรูปหัวเข่าช้างคุกเข่ายอมแพ้
ผนังด้านใต้ เป็นภาพพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีพระอินทร์ พระพรหม และ ทวยเทพตามเสด็จมาส่ง ปัจจุบันภาพพิมพ์ที่ถอดจากภาพปูนปั้นนี้จัดแสดงอยู่ใน พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติรามคำแหง
ผนังด้านตะวันตก เป็นภาพพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าประทานเทศนาโปรดพระบิดากับกษัตริย์ศากยวงศ์ ขณะทรงสั่งสอนทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ เป็นรูปรัศมีเปลวไฟล้อมรอบพระพุทธองค์ และมีรูปบรรดาพระญาติแวดล้อมอยู่ภายนอกรูปรัศมีนั้น
ภาพปูนปั้นเหล่านี้แสดงถึงลักษณะศิลปกรรมสมัยสุโขทัยที่เจริญสูงสุด หรือที่เรียกว่า ยุคทองของศิลปะสมัยสุโขทัย ซึ่งมีอายุอยู่ในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 20
วัดสะพานหิน
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192266637.jpg
ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีความสูง 200 เมตร ซื่อวัดเรียกตามลักษณะทางที่ปูลาดด้วยหินชนวนจากตีนเขาขึ้นไปเป็นระยะทาง 300 เมตร ก่อนถึงตัววัดบนเนินลาดมีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ขนาดเล็ก บนยอดเนินเป็นวิหารพระยืน ผนังรับองค์พระก่อด้วยอิฐ พระวิหารใช้เสาศิลา ปัจจุบันปรักหักพังมาก สิ่งสำคัญในวัด คือ พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย มีขนาดใหญ่สูง 12.50 เมตร เรียกว่า พระอัฎฐารส ซึ่งหมายถึงพระพุทธรูปประทับยืน ที่นิยมสร้างกันในสมัยสุโขทัย สันนิษฐานกันว่า พระอัฎฐารสนี้ คือพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ที่ศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวถึงเมืองสุโขทัยสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชว่า "ในกลางอรัญญิก มีพิหารอันณึ่งมนใหญ่ สูงงามแก่กม มีพระอัฎฐารสอันณึ่งลุกยืน" และสันนิษฐานอีกว่า วัดสะพานหินนี้น่าจะเป็นวัดที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงช้างเผือกชื่อ รูจาคีรี ขึ้นไปนบพระทุกวันข้างขึ้น 15 ค่ำและข้างแรม 15 ค่ำ
วัดเขาพระบาทน้อย
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192266896.jpg
อยู่นอกกำแพงเมืองด้านทิศตะวันตก ห่างจากประตูอ้อประมาณ 2.7 กิโลเมตร อยู่บนเนินเขาเตี้ย สูงประมาณ 150 เมตร วัดนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดพระบาทน้อย โบราณสถานที่สำคัญ คือ เจดีย์ทรงจอมแห ซึ่งมีรูปลักษณะแปลกไปจากเจดีย์แบบอื่นๆ ที่พบกันทั่วไป มีปรากฏที่วัดเขาพระบาทน้อยเพียงองค์เดียวในเมืองสุโขทัย ลักษณะของตัวเจดีย์เป็นรูประฆัง แต่ก่อเป็นริ้วๆ ลักษณะคล้ายแห จึงเรียกกันว่า เจดีย์ทรงจอมแหฐานของเจดีย์เป็นฐานบัว 3 วั้น ชั้นที่สามมีซุ้มคูหา 4 ทิศประดิษฐานพระพุทธรูปข้างใน ด้านหน้าเจดีย์ทรงจอมแหมีวิหารประดิษฐานรอยพระพุทธบาท 4 รอย (ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง) ด้านหลังมีกุฏิสงฆ์ก่อด้วยศิลาปนอิฐ
วัดมังกร
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192267048.jpg
อยู่กลางถนนที่จะเข้าเมืองสุโขทัยทางประตูอ้อ เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของกลุ่มวัดทางทิศตะวันตก มีวิหารขนาดใหญ่ เสาแปดเหลี่ยม ชื่อ วัดมังกร อาจมาจากรูปมังกรที่พันอยู่รอบฐานของวิหาร และรูปมังกรมีเกล็ดทำด้วยกระเบื้องเคลือบ ปัจจุบันรูปมังกรรอบฐานวิหารไม่ปรากฏแล้ว เมื่อครั้งกรมศิลปากรขุดแต่งวัดนี้ พบกระเบื้องเคลือบมากมาย และยังเครื่องสังคโลก รูปพญาครุฑจับนาคที่สวยงามมาก (ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง) ส่วนหนึ่งของโบราณสถานที่ยังคงอยู่ คือ กำแพงแก้วทำด้วยเครื่องสังคโลกเคลือบสีขาว และเจดีย์ 2 องค์ องค์หนึ่งยังสมบูรณ์อยู่คือมีทั้งฐาน และตัวเจดีย์ทรงลังกา และยอดเป็นปล้องไฉน อีกองค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงลังกาเหมือนกับองค์แรก แต่มีขนาดใหญ่กว่าและยอดเจดีย์ปรักหักพังลง
สรีดภงส์
http://www.siamfreestyle.com/forum_classic/uploads/post-1-1192267268.jpg
สรีดภงส หรือ ทำนบพระร่วง เป็นทำนบดินกั้นระหว่างเขากิ่วอ้ายมา กับเขาพระบาทใหญ่ ซึ่งสันนิษฐานว่าในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช คือที่ทำนบที่ใช้เก็บกักน้ำจากโซกต่างๆ ตามบริเวณเขาถึง 17 โซก โดยมีลำรางระบายน้ำส่งเข้าตัวเมือง และเก็บกักน้ำไว้ในสระใหญ่และสระเล็กโดยเฉพาะสระน้ำตามวัดต่างๆ หรือ ตระพัง เช่น ตระพังเงิน ตระพังทอง ตระพังสอ เป็นต้น
สรีดภงสในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่ ให้เป็นเขื่อนดินมีความสูงและแข็งแรงกว่าเดิม คือสูงประมาณ 10 เมตร และสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 400,000 ลูกบาศก์เมตร