การฟื้นฟูปรับปรุงชาติบ้านเมือง >> สงครามเก้าทัพ
สงคราม 9 ทัพ (พ.ศ.2328)
ที่มาของรูปภาพ : http://www.rta.mi.th/21000u/hitory/hitory4/Military%20Of%20Thailand_files/img29-1.jpg
สงครามครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากพระเจ้าปะดุง (โบดอพญา) ปราดาภิเษกขึ้นครองราชย์ได้ 4 ปี และ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ได้ 3 ปี
>>เหตุผล พระเจ้าปะดุงทรงต้องการแผ่อำนาจครอบคลุมดินแดนสุวรรณภูมิ และทำลายอาณาจักรไทยไม่ให้เติบโตเป็นอาณาจักรใหญ่อย่างกรุงศรีอยุธยาได้อีก
>>ยุทธวิธีฝ่ายพม่า พระเจ้าปะดุงจัดทัพเป็น 9 ทัพ หวังจะให้กองทัพเหล่านี้ รุกเข้าทำลายหัวเมืองต่างๆ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ แล้วบรรจบกันเข้าตีกรุงเทพมหานคร ตามยทธวิธีดั้งเดิมที่เคยใช้ได้ดีในสมัยอยุธยา
ทัพพม่าทั้ง 9 ทัพ มีดังนี้
ที่มาของรูปภาพ : http://www.rta.mi.th/21000u/hitory/hitory4/Military%20Of%20Thailand_files/img25-1.jpg
ทัพที่1 แบ่งเป็นทัพบกและทัพเรือ ทัพบกมีหน้าที่ตีหัวเมืองปักษ์ใต้ ตั้งแต่เมืองชุมพรถึงสงขลาเป็นการตัดความช่วยเหลือจากทางใต้ ส่วนทัพเรือมีหน้าที่ตีหัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันตก ตั้งแต่เมืองตะกั่วป่าลงไปจนถึงเมืองถลาง และยังมีหน้าที่หาเสบียงอาหารให้แก่กองทัพด้วย
ทัพที่ 2 ให้รวบรวมที่ทวายและให้เดิรทัพเข้าทางด่านบ้องตี้ (อยู่ที่จังหวัดราชบุรี) ให้ตีเมืองราชบุรี เพชรบุรี ไปบรรจบกับทัพที่ 1 ที่ชุมพร
ทัพที่ 3 เข้ามาทางเมืองเชียงแสน ตีเมืองลำปาง สวรรคโลก สุโขทัย นครสวรรค์ ลงมาบรรจบกับทัพหลวงที่กรุงเทพฯ
ทัพที่ 4,5,6,7,8 ชุมนุมทัพที่เมืองเมาะตะมะก่อน ต่อจากนั้นจึงเดินทัพตามลำดับกันเข้าเมืองไทยทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ลงมาตีกรุงเทพฯ
ทัพที่ 9 มีหน้าที่ตีหัวเมืองเหนือริมฝั่งแม่น้ำปิง ตั้งแต่เมืองตาก กำแพงเพชร ลงมาบรรจบกับทัพหลวงที่กรุงเทพฯ
>>ยุทธวิธีฝ่ายไทย พระบามสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงเห็นว่าสงครามคราวนี้พม่ามีรี้พลมากกว่าไทยมาก ยกมาทุกทิศทุกทาง แต่จุดประสงค์ก็คงจะต้องเข้าตีกรุงเทพมหานครในที่สุด หากรอรับศึกในกรุงจะรักษากรุงไว้ไม่ได้เพราะกำลังน้อยกว่า จึงเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ไม่ตั้งรับในกรุงเหมือนที่เคยทำ ในสมัยอยุธยา แต่ให้จัดทัพออกไปรับมือข้าศึก ไม่ให้มีโอกาสเข้าประชิดกรุง แต่จะแบ่งกำลังของไทยออกไปรับศึกทุกจุดไม่ได้ จะต้องโจมตีเฉพาะจุดที่สำคัญก่อน เมื่อชนะแล้วจึงค่อยนำกำลังไปโจมตีจุดอื่นๆ ต่อไป จนกว่าจะทำลายทัพพม่าได้หมดสิ้น การจัดทัพตามยุทธวิธีนี้ ไทยจัดทัพเป็น 4 ทัพ ดังนี้
ทัพที่ 1 (กองทัพวังหน้า) รับผิดชอบทิศตะวันตก กรมพระราชวังบวรฯ เป็นแม่ทัพยกไปโจมตีพ่าที่จะยกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ (จังหวัดกาญจนบุรี) ทัพวังหน้านี้เป็นทัพใหญ่ที่สุดของไทย เพราะคาดว่าพระเจ้าปะดุงจะยกทัพหลวงหนุนเนื่องเข้ามาด้านนี้
ทัพที่ 2 (กองวังหลัง) รับผิดชอบทิศเหนือ กรมพระราชวังหลังฯ ขณะยังดำรงพระยศเป็นเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์เป็นแม่ทัพ ยกไปโจมตีทัพพม่าซึ่งจะมาทางเหนือที่เมืองนครสวรรค์ สกัดไม่ให้ยกมาถึงกรุงเทพฯได้
ทัพที่ 3 รับผิดชอบทิศใต้ เจ้าพระยาธรรมา(บุญรอด) เป็นแม่ทัพร่วมกับเจ้าพระยายมราชมีหน้าที่ช่วยกันโจมตีทัพพม่าที่ยกมาทางใต้ และทางด่านบ้องตี้ (จังหวัดราชบุรี)
ทัพที่ 4 (ทัพหลวง) พระบาทสทเด็จพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงเป็นจอมทัพตั้งมั่นอยู่ ณ กรุงเทพมหานคร ทำหน้าที่เป็นกองหนุน ศึกหนักด้านใดจะยกไปช่วยด้านนั้น
สงครามครั้งนี้แม้ว่ากำลังฝ่ายไทยจะน้อยกว่าพม่า แต่อาศัยที่มีผู้นำดีมีความสามารถ ทหารจึงมีกำลังใจเข้มแข็งในการสู้รบ ประกอบกับทหารไทยส่วนใหญ่ได้ผ่านศึกในสงคราม กู้ชาติเมื่อครั้งกรุงธนบุรีมาแล้วจึงมีความพร้อม สามารถตีทัพพม่าแตกพ่ายไปทุกทัพ
ที่มาของรูปภาพ : http://www.rta.mi.th/21000u/hitory/hitory4/Military%20Of%20Thailand_files/img68-1.jpg
>>ผลของสงคราม 9 ทัพ ทำให้เกิดวีรสตรีไทย 2 ท่านที่สามารถรักษาและป้องกันเมืองถลาง มิให้ตกไปเป็นของพม่า คือ คุณหญิงจัน ภรรยาเจ้าเมืองถลาง และนางมุก น้องสาว เมื่อเสร็จศึกครั้งนี้แล้วได้รับพระราชทานบำเหน็จความชอบ คุณหญิงจันได้เป็นท้าวเทพกษัตรี และนางมุกได้เป็นท้าวศรีสุนทร