• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:e88ab062f1773c5129eb71f121345073' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<strong>  คำกริยา</strong> คือ คำที่แสดงอาการ สภาพ หรือการกระทำของคำนาม และคำสรรพนามในประโยค คำกริยาบางคำอาจมีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง บางคำต้องมีคำอื่นมาประกอบ และบางคำต้องไปประกอบคำอื่นเพื่อขยายความ\n</p>\n<p>\n<strong>หน้าที่ของคำกริยา มีดังนี้</strong>\n</p>\n<p>\nทำหน้าที่เป็นกริยาสำคัญของประโยค เช่น คนกินข้าว นกบินมาเป็นฝูง เป็นต้น <br />\nทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น กินมากทำให้อ้วน เป็นต้น <br />\nทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค เช่น ฉันชอบเต้นแอร์โรบิกตอนเช้า เป็นต้น <br />\nทำหน้าที่ช่วยขยายกริยาสำคัญให้มีความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น พี่คงจะกลับบ้านเย็นนี้ เป็นต้น <br />\nทำหน้าที่ช่วยขยายคำนามให้เข้าใจเด่นชัดขึ้น เช่น ฉันชอบกินก๋วยเตี๋ยวผัด น้องชายชอบบะหมี่แห้ง เป็นต้น <br />\nคำกริยา แบ่งออกเป็น 4 ชนิดคือ\n</p>\n<p>\n1. สกรรมกริยา <br />\n2. อกรรมกริยา <br />\n3. วิกตรรถกริยา <br />\n4. กริยาอนุเคราะห์ <br />\n         1. <strong>สกรรมกริยา</strong> คือคำกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับ จึงจะได้ใจความสมบูรณ์ เช่น\n</p>\n<p>\nแม่ค้าขายผลไม้ <br />\nน้องตัดกระดาษ <br />\nฉันเห็นงูเห่า <br />\nพ่อซื้อของเล่นมาให้น้อง <br />\nฉัน กิน ข้าว <br />\nเขา เห็น นก <br />\n         2. <strong>อกรรมกริยา</strong> คือคำกริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารับก็ได้ความหมายสมบูรณ์ ชัดเจนในตัวเอง เช่น\n</p>\n<p>\nครูยืน\' <br />\nน้องนั่งบนเก้าอี้\' <br />\nฝนตกหนัก <br />\nเด็กๆหัวเราะ <br />\nคุณลุงกำลังนอน <br />\nเขานั่ง เขายืนอยู่ <br />\n         3. <strong>วิกตรรถกริยา</strong> คือคำกริยาที่ไม่มีความหมายในตัวเอง ใช้ตามลำพังแล้วไม่ได้ความ ต้องมีคำอื่นมาประกอบจึงจะได้ความ คำที่มารับนั้นไม่ใช่กรรมแต่เป็นส่วนเติมเต็มหรือมาช่วยขยายความหมายให้สมบูรณ์ คำกริยาพวกนี้ได้แก่ เป็น เหมือน คล้าย เท่า คือ เสมือน ดุจ เช่น\n</p>\n<p>\nผม เป็น นักเรียน <br />\nลูกคนนี้ คล้าย พ่อ <br />\nเขาคือ ครูของฉันเอง <br />\nรองเท้า 2 คู่นี้เหมือนกัน <br />\nชายของฉันเป็นตำรวจ <br />\nเธอคือนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ <br />\nลูกดุจแก้วตาของพ่อแม่ <br />\nแมวคล้ายเสือ <br />\n         4. <strong>กริยาอนุเคราะห์ </strong>หรือ กริยาช่วย เป็นคำที่เติมหน้าคำกริยาหลักในประโยคเพื่อช่วยขยายความหมายของคำกริยาสำคัญ เป็นกริยาที่ไม่มีความหมายในตัวเอง ทำหน้าที่ช่วยคำกริยาให้มีความหมายชัดเจนขึ้น ได้แก่ จง กำลัง ได้ แล้ว ต้อง อย่า จง โปรด ช่วย ควร คงจะ อาจจะ จะ ย่อม คง ยัง ถูก เถอะ เทอญ เป็นต้น ตัวอย่างเช่น\n</p>\n<p>\n นายแดง จะไป โรงเรียน <br />\n เขา ได้รับ คำชม\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/44455/edit\"><img border=\"0\" src=\"/files/u19245/esah.gif\" height=\"28\" width=\"50\" /></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" src=\"http://img524.imageshack.us/img524/2476/9line03dh7.jpg\" height=\"25\" width=\"250\" />\n</p>\n', created = 1715642499, expire = 1715728899, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:e88ab062f1773c5129eb71f121345073' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

คำกริยา

  คำกริยา คือ คำที่แสดงอาการ สภาพ หรือการกระทำของคำนาม และคำสรรพนามในประโยค คำกริยาบางคำอาจมีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง บางคำต้องมีคำอื่นมาประกอบ และบางคำต้องไปประกอบคำอื่นเพื่อขยายความ

หน้าที่ของคำกริยา มีดังนี้

ทำหน้าที่เป็นกริยาสำคัญของประโยค เช่น คนกินข้าว นกบินมาเป็นฝูง เป็นต้น
ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น กินมากทำให้อ้วน เป็นต้น
ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค เช่น ฉันชอบเต้นแอร์โรบิกตอนเช้า เป็นต้น
ทำหน้าที่ช่วยขยายกริยาสำคัญให้มีความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น พี่คงจะกลับบ้านเย็นนี้ เป็นต้น
ทำหน้าที่ช่วยขยายคำนามให้เข้าใจเด่นชัดขึ้น เช่น ฉันชอบกินก๋วยเตี๋ยวผัด น้องชายชอบบะหมี่แห้ง เป็นต้น
คำกริยา แบ่งออกเป็น 4 ชนิดคือ

1. สกรรมกริยา
2. อกรรมกริยา
3. วิกตรรถกริยา
4. กริยาอนุเคราะห์
         1. สกรรมกริยา คือคำกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับ จึงจะได้ใจความสมบูรณ์ เช่น

แม่ค้าขายผลไม้
น้องตัดกระดาษ
ฉันเห็นงูเห่า
พ่อซื้อของเล่นมาให้น้อง
ฉัน กิน ข้าว
เขา เห็น นก
         2. อกรรมกริยา คือคำกริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารับก็ได้ความหมายสมบูรณ์ ชัดเจนในตัวเอง เช่น

ครูยืน'
น้องนั่งบนเก้าอี้'
ฝนตกหนัก
เด็กๆหัวเราะ
คุณลุงกำลังนอน
เขานั่ง เขายืนอยู่
         3. วิกตรรถกริยา คือคำกริยาที่ไม่มีความหมายในตัวเอง ใช้ตามลำพังแล้วไม่ได้ความ ต้องมีคำอื่นมาประกอบจึงจะได้ความ คำที่มารับนั้นไม่ใช่กรรมแต่เป็นส่วนเติมเต็มหรือมาช่วยขยายความหมายให้สมบูรณ์ คำกริยาพวกนี้ได้แก่ เป็น เหมือน คล้าย เท่า คือ เสมือน ดุจ เช่น

ผม เป็น นักเรียน
ลูกคนนี้ คล้าย พ่อ
เขาคือ ครูของฉันเอง
รองเท้า 2 คู่นี้เหมือนกัน
ชายของฉันเป็นตำรวจ
เธอคือนักแสดงที่ยิ่งใหญ่
ลูกดุจแก้วตาของพ่อแม่
แมวคล้ายเสือ
         4. กริยาอนุเคราะห์ หรือ กริยาช่วย เป็นคำที่เติมหน้าคำกริยาหลักในประโยคเพื่อช่วยขยายความหมายของคำกริยาสำคัญ เป็นกริยาที่ไม่มีความหมายในตัวเอง ทำหน้าที่ช่วยคำกริยาให้มีความหมายชัดเจนขึ้น ได้แก่ จง กำลัง ได้ แล้ว ต้อง อย่า จง โปรด ช่วย ควร คงจะ อาจจะ จะ ย่อม คง ยัง ถูก เถอะ เทอญ เป็นต้น ตัวอย่างเช่น

 นายแดง จะไป โรงเรียน 
 เขา ได้รับ คำชม

สร้างโดย: 
นางสาวอมรรัตน์ บุนนาค และคุณครูศรีสวาสดิ์ บุนนาค โรงเรียนสตีศรีสุริโยทัย กทม.

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 475 คน กำลังออนไลน์