สมัยอยุธยา
วรรณคดีสมัยอยุธยา (ประมาณ พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒๓๑๐)
มีวรรณคดีมรดกหลายเรื่องที่ลูกหลานไทยสมควรรักษาไว้อย่างภาคภูมิใจ เช่น ลิลิตยวนพ่าย ลิลิตพระลอ สมุทรโฆษคำฉันท์ โคลงกำสรวล และกาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์
เป็นร้อยกรองประกอบด้วยร่ายดั้นและโคลงดั้นบาทกุญชรมีชั้นเชิงการใช้ภาษาสูงมาก กวีนิพนธ์เรื่องนี้เป็นพงศาวดารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อครั้งทรงทำสงครามชิงหัวเมืองฝ่ายเหนือคืนจากพระเจ้าติโลกราชกษัตริย์เมืองเชียงใหม่
เป็นวรรณคดีท้องถิ่นไทยภาคเหนือ กล่าวถึงความรักที่มีอุปสรรคของพระลอกับพระเพื่อนพระแพง ซึ่งทั้ง ๓ คนยึดมั่นในความรักจนถึงกับยอมแลกด้วยชีวิต บทประพันธ์ใช้ภาษาที่เรียบง่าย สะเทือนอารมณ์ การแต่งถูกต้องตามรูปแบบฉันทลักษณ์ ถือเป็นตัวอย่างของโคลงสี่สุภาพที่มีการบังคับเสียงวรรณยุกต์ เอก ๗ โท ๔ เช่น
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤาพี่
สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ
เป็น "ยอดแห่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์" รูปแบบของการประพันธ์ประกอบด้วยฉันท์และกาพย์ วรรณคดีมรดกเรื่องนี้มีผู้ประพันธ์ถึง ๓ ท่าน เริ่มต้นจาก พระมหาราชครูรับกระแสพระราชดำรัสจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ท่านแต่งได้เกือบจบตอนที่ ๒ ก็ถึงแก่อนิจกรรม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงทรงพระราชนิพนธ์ต่อ แต่ก็ยังไม่จบ ทิ้งร้างไว้จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสทรงพระนิพนธ์ต่อจนจบครบทั้ง ๔ ตอน เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๒ สมุทรโฆษคำฉันท์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยที่สนุกสนานตื่นเต้นของพระสมุทรโฆษและนางพินทุมดี ที่ได้พระขรรค์วิเศษพาเหาะไปเที่ยวยังที่ต่างๆได้ ต่อมาพระขรรค์ถูกลักไป ทั้งสองต้องพลัดพรากจากกัน ต่างผจญภัยต่อไปอีกจนกลับถึงพระนคร และได้ครองเมืองอย่างมีความสุข
เป็นบทประพันธ์ที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งของศรีปราชญ์ ผู้เป็นกวีเอกคนหนึ่งในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระอนิรุทธเป็นพระนัดดาของพระกฤษณะ ผู้ทรงเป็นนารายณ์อวตาร วันหนึ่งพระอนิรุทธบรรทมหลับใต้ต้นไทร พระไทรจึงอุ้มพระอนิรุทธไปสมกับนางอุษา ธิดาของพระยายักษ์พานาสูร พระยายักษ์จับตัวพระอนิรุทธเอาไว้ได้พระกฤษณะต้องยกกองทัพมาช่วยพระนัดดา พระยายักษ์จึงไปขอให้พระศิวะช่วยเพราะสู้พระกฤษณะไม่ได้ และต้องยอมให้พระอนิรุทธและนางอุษาได้ครองรักกันอย่างมีความสุข
ซึ่งกวีได้บรรยายอารมณ์เศร้าที่ต้องพลัดพรากจากผู้เป็นที่รักได้อย่างซาบซึ้งกินใจยิ่งนัก ซึ่งกวีในสมัยหลังถือเป็นแบบฉบับสำหรับการประพันธ์นิราศ เช่น พระยาตรังแต่งโคลงนิราศตามเสด็จลำน้ำน้อย และนายนรินทรธิเบศ (อิน) แต่งโคลงนิราศนรินทร์
เป็นวรรณคดีมรดกสมัยอยุธยาที่ลูกหลานไทยภาคภูมิใจมากอีกเรื่องหนึ่ง อันที่จริงเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) ทรงพระนิพนธ์บทร้อยกรองไว้หลายเรื่อง แต่บทเห่เรือของพระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นบทพระนิพนธ์ที่ดีที่สุด เพราะมีรูปแบบแปลกใหม่ คือ ทรงแบ่งเนื้อเรื่องออกเป็นตอนๆ แต่ละตอนนำด้วยโคลงสี่สุภาพ ๑ บท แล้วแต่งกาพย์ขยายความ ลักษณะการประพันธ์เช่นนี้เรียกว่า กาพย์ห่อโคลง