การปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงของยุคใหม่
การปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงของยุคใหม่
ยุคแห่งโลกาภิวัตน์เปรียบได้กับขบวนรถไฟที่มีอัตราแล่นความเร็วสูง ซึ่งผู้โดยสารจะต้องพยายามขึ้นรถไฟให้ทันเวลา มิฉะนั้นก็จะพลาดรถไฟเที่ยวนั้นและหมายถึงการพลาดโอกาส ข้อสังเกตดังกล่าวนี้เกิดในยุคการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในห้าทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีการกล่าวเสมอว่า ประเทศด้อยพัฒนาประเทศใดก็ตามที่ไม่สามารถจะปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยในการพัฒนาเศรษฐกิจ ก็เท่ากับจะพลาดขบวนรถไฟกลายเป็นประเทศตกหลังที่ล้าหลังอย่างน่าเสียดายยิ่ง
แต่ข้อที่น่าสังเกตก็คือ การเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันซึ่งได้แก่ยุคโลกาภิวัตน์และยุคข่าวสารข้อมูลเกิดขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าการเปลี่ยนแปลงในหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เนื่องจากว่าการเปลี่ยนแปลงในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้นมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 300 ปีที่แล้วในอังกฤษ และขยายต่อไปยังยุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริกา และยุคปัจจุบันเป็นยุคข่าวสารข้อมูลหรือที่เรียกว่ายุค Digital ซึ่งทุกอย่างเคลื่อนไหวเร็วมาก วิทยาการและเทคนิคใหม่ๆ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น กล้องถ่ายรูปสมัยใหม่ซึ่งได้แก่กล้องถ่ายรูปยุคดิจิตอลได้ทำให้กล้องโบราณซึ่งใช้ฟิล์มและอัดรูปกลายเป็นของเก่าซึ่งต้องอยู่ในพิพิธภัณฑ์ในที่สุด
คงจำกันได้ว่า วิทยาการการถ่ายรูปได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากกล้องถ่ายรูปแบบเก่าซึ่งเป็นภาพขาวดำ จนมาถึงการถ่ายรูปซึ่งเป็นภาพสี และการถ่ายรูปฉับพลันได้แก่กล้องโพรารอยด์ ในกณรีของกล้องถ่ายรูปนั้นเริ่มตั้งแต่กล้องบอกซ์จนมาถึงกล้องที่ถ่ายเสร็จและโยนทิ้งได้เลย และมาในปัจจุบันก็ได้แก่กล้องถ่ายรูปดิจิตอลในรูปแบบธรรมดาหรือแม้แต่ในรูปแบบโทรศัพท์มือถือ การพัฒนาที่รวดเร็วเช่นนี้ทำให้หลายคนติดตามไม่ทัน
ในแง่ของห้องทำงานของนักธุรกิจนั้น ในปัจจุบันไม่มีนักธุรกิจรุ่นใหม่คนใดที่จะไม่มีสมองกลอยู่ในห้องทำงาน ซึ่งถ้าขาดสมองกลเมื่อใดกิจกรรมทั้งหมดของสำนักงานนั้นก็คงจะกลายเป็นง่อยทันที เครื่องพิมพ์ดีดแบบเก่ามีคุณสมบัติเป็นเพียงของเก่าโบราณมากกว่าการทำงาน
จริงๆ แล้วเพียงประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา เครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าถือเป็นนวัตกรรมที่สำคัญยิ่งในขณะนั้น ห้องแล็ปคอมพิวเตอร์จะมีเครื่องจักรใหญ่มหึมาซึ่งทำหน้าที่เพียงแจงนับความถี่เท่านั้น การคำนวณก็จะใช้คำนวณแบบพื้นๆ มีตารางแบบธรรมดา และนักศึกษาที่อยู่ในห้องแล็ปคอมพิวเตอร์ก็จะง่วนอยู่กับเครื่องจักรใหญ่โดยมีแผ่นกระดาษที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องพร้อมกับตัวเลขที่ได้จากการคำนวณต่างๆ
ในปัจจุบันเครื่องสมองกลเล็กขนาดเท่ากับสมุดบันทึกที่เรียกว่าโน็ตบุ๊คสามารถทำงานแทนเครื่องจักรใหญ่ๆ และยิ่งถ้าเป็นสมองกลฉบับกระเป๋าโดยสามารถใส่ในกระเป๋าเสื้อได้ก็เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่ง เครื่องดังกล่าวสามารถใช้เป็นเครื่องโทรศัพท์พร้อมทั้งส่งแฟกซ์ ส่งอีเมล์ ได้ด้วย ความอัศจรรย์ในส่วนนี้เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้
การเสนอบทความซึ่งเคยกระทำโดยการใช้เครื่องฉายสไลด์หรือโปรเจ็กเตอร์พร้อมทั้งแจกเอกสารเป็นปึกๆ ได้เปลี่ยนเป็น Power Point เพียงแผ่นดิส 1 แผ่น ในส่วนนี้นั้นทำให้นักวิชาการจำนวนไม่น้อยตกหลังไม่ทันยุคอย่างน่าเสียดายยิ่ง ที่น่าตลกก็คือยังมีนักวิชาการจำนวนหนึ่งถามหาดินสอเป็นจำนวนหลายแท่งเพื่อใช้ในการร่างเอกสาร ซึ่งนักวิชาการยุคใหม่จะพิมพ์เข้าสมองกลทันที และสิ่งที่จะนำมาที่ทำงานก็มีเพียงแผ่นดิส 1 แผ่น ที่น่าแปลกใจก็คือ นักวิชาการรุ่นเก่าจำนวนไม่น้อยไม่มีความรู้แม้กระทั่งจะพิมพ์ดีดจึงไม่สามารถจะใช้เครื่องสมองกลได้ สิ่งที่เห็นชัดที่สุดขณะนี้ก็คือ ลูกคิดแบบจีนซึ่งใช้ในเมืองจีนและญี่ปุ่นอันเป็นเรื่องอัศจรรย์ในอดีตถูกแทนที่ด้วยเครื่องคิดเลขราคาถูกๆ ซึ่งสามารถจะซื้อขายได้ในตลาดโดยทั่วไป
การใช้สมองกลได้แผ่ไปในวิถีชีวิตหลายแง่หลายมุม สิ่งที่ปรากฏเห็นชัดก็คือการใช้สมองกลในการขายสินค้าที่เรียกว่า e-commerce การประกอบธุรกิจโดยใช้เครื่องจักรสมองกล อีเมล์ เครื่องแฟกซ์ ที่เรียกว่า e-business การศึกษาทางไกลโดยเครื่องมือสื่อสารยุคใหม่ ที่เรียกว่า e-education การดูการแข่งขันกีฬา การแสดงดนตรีข้ามทวีปผ่านดาวเทียม ที่เรียกว่า e-entertainment และการบริหารราชการแผ่นดินของระบบราชการสมัยใหม่รวมทั้งการประชุมสมัยใหม่ซึ่งไม่ต้องแบกข้อมูลแต่ส่งข้อมูลมาทางสมองกลซึ่งเรียกว่า e-government แม้กระทั่งแหล่งร้องเพลงคาราโอเกะก็ต้องทำการเลือกเพลงจากสมองกลแล้วสั่งเลือกเพลงที่ต้องการได้ทันที การปรับเครื่องรับโทรทัศน์ต้องใช้ความรู้พอสมควรเพราะเมื่อกดเมนูจะปรากฏทางเลือกต่างๆ มากมาย ผู้จะทำการปรับโทรทัศน์นั้นต้องมีความจัดเจนสมควรกับเครื่องจักรดังกล่าว และบางครั้งก็ต้องอาศัยช่างผู้ชำนาญจึงจะปรับโทรทัศน์ได้ ในสหรัฐฯ และที่อื่นแม้แต่แม่บ้านก็จะใช้สมองกลบันทึกรายการอาหารที่ต้องจับจ่าย และแม้กระทั่งร้านขายเป็ดย่างแถวลาดพร้าวแห่งหนึ่งก็จะมีที่อยู่พร้อมทั้งรายละเอียดทิศทางที่จะไปสู่ที่อาศัยของลูกค้าในกรณีที่มีการสั่งทางโทรศัพท์
ในบ้านของคนยุคใหม่แทบทุกบ้าน การมีสมองกลเป็นส่วนประกอบของบ้านเช่นเดียวกับตู้เย็น โทรทัศน์ และโทรศัพท์ ซึ่งต้องมีการส่งอีเมล์ การใช้พิมพ์ดีด อินเตอร์เน็ต และการใช้สมองกลในส่วนอื่นๆ สิ่งอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คือมีโฆษณาชิ้นหนึ่งในโทรทัศน์ถ่ายให้เห็นเกษตรกรแก่ๆ คนหนึ่งกำลังกดปุ่มโน็ตบุ๊คเพื่อหาตัวเลขผลการผลิตการเกษตรเพื่อตอบคำถามของนักธุรกิจที่โทรถามรายละเอียดเกี่ยวกับผลผลิตทางการเกษตรชนิดต่างๆ
ยิ่งไปกว่านั้น คนขายปลาสลิดที่นั่งอยู่ข้างร้านสรรพสินค้าโดยมีปลาวางอยู่ข้างหน้ากำลังพูดคุยโทรศัพท์อยู่กับเพื่อน และมีการกล่าวเชิงตลกว่าแม้ขอทานจัดตั้งซึ่งแบ่งเป็นสายต่างๆ ก็ยังมีการประสานงานกันด้วยโทรศัพท์มือถือ
ที่อัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือ ในปัจจุบันคนที่เดินอยู่แถวสยามสแควร์ในตอนเที่ยงวันสามารถจะโทรคุยกับเพื่อนที่ไทม์สแควร์ที่นครนิวยอร์คซึ่งเป็นเวลาเที่ยงคืนซึ่งอยู่จุดตรงข้ามสองจุดของซีกโลก และคนซึ่งอยู่สองจุดของโลกสามารถจะโทรศัพท์คุยกันได้และสามารถมองเห็นหน้ากันได้ในเครื่องสมองกลเสมือนหนึ่งอยู่ในห้องรับแขก ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อสามีอยู่นครนิวยอร์คกำลังเลือกแหวนเพชรให้กับภรรยาก็สามารถถ่ายภาพแหวนเข้าเครื่องโทรศัพท์ของตน จากนั้นก็ส่งภาพดังกล่าวเข้าโทรศัพท์ของภรรยาเพื่อให้เห็นสภาพของแหวนประกอบการตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ชอบแหวนดังกล่าวหรือไม่อย่างไร
ความอัศจรรย์ทั้งหมดนี้เกิดคำถามขึ้นมาก็คือ คนส่วนใหญ่ในสังคมโลกสามารถตามทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งกำลังกลายเป็นกระแสที่แผ่ไปทั่วทุกมุมโลกได้หรือไม่อย่างไร และที่สำคัญ ประเทศที่ไม่สามารถจะตามทันกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะประสบผลเสียหายอย่างไรบ้างในอนาคต
ที่มาของภาพ : http://www.edutopia.org/images/graphics/001365_42.jpg
อัลวิน ทอฟเฟอร์ (Alvin Toffer) ซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับยุคที่สามหรือยุคแห่งข่าวสารข้อมูลซึ่งเป็นคลื่นยุคโลกาภิวัตน์ ก่อนหน้านั้นมีคลื่นสองลูกคือ สังคมเกษตร คลื่นลูกที่สองคือสังคมอุตสาหกรรม ประเด็นก็คือ ในหลายสังคมจะมีประชาชนอยู่ในคลื่นทั้งสามลูก ตัวอย่างเช่น ในกรณีประเทศไทยนั้น 60% หรือประมาณ 36 ล้านคน ยังอยู่ในคลื่นลูกที่หนึ่งคือสังคมเกษตรโดยมีระดับการศึกษาเพียง 4-6 ปี ขณะเดียวกันคนที่อยู่ในคลื่นลูกที่สองคือสังคมอุตสาหกรรมก็มีเพียงจำนวนหนึ่ง และคนที่อยู่ในคลื่นลูกที่สามมีจำนวนน้อยที่สุด แต่เมื่อคนที่อยู่ในคลื่นลูกที่หนึ่งพยายามจะใช้เครื่องจักรของคลื่นลูกที่สาม เช่น ใช้กล้องถ่ายรูปดิจิตอลก็จะกลายเป็นภาพที่ตลกเพราะไม่สามารถจะใช้เครื่องจักรดังกล่าว ความสามารถในการรับวิทยาการใหม่ๆ ของคลื่นลูกที่สามคือสังคมข่าวสารข้อมูล หรือคลื่นลูกที่สองคือสังคมอุตสาหกรรม โดยคนที่เป็นคลื่นลูกที่หนึ่งซึ่งได้แก่สังคมเกษตรไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ขณะเดียวกันความสามารถในการรับวิทยาการของคลื่นลูกที่สามอันได้แก่ข่าวสารข้อมูลของคนที่อยู่ในคลื่นลูกที่สองซึ่งได้แก่สังคมอุตสาหกรรม ก็ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างราบรื่นเสมอไป ปัญหาทั้งหมดนี้จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์เจาะลึกเพื่อจะหาทางปรับความสามารถในการรับรู้ของคนในสังคม
ซึ่งที่เป็นแง่ดีก็คือ ถึงแม้จะไม่สามารถปรับคนให้เข้ากับคลื่นลูกที่สามได้ทั้งหมดแต่โดยทั่วไปแล้วมนุษย์สามารถเรียนรู้ได้ ขึ้นอยู่กับว่านโยบายของรัฐมุ่งเน้นมิติดังกล่าวมากน้อยเพียงใด เป็นต้นว่า มีหลักฐานอันน่าเชื่อว่าประเทศเวียดนามกำลังขวนขวายสมองกลและภาษาอังกฤษอย่างเร่งรีบเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของยุค คำถามก็คือ ในกรณีประเทศไทยนั้นเราได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวมากน้อยเพียงใด และมีความพยายามมากน้อยเพียงใดที่จะผลักดันให้คนในสังคมปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้ เพื่อไม่ให้ตกหลังตามไม่ทันกับวิวัฒนาการของโลกและมนุษยชาติ
เทคโนโลยีคืออะไร ? การปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงของยุคใหม่
เทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต แนวโน้มการใช้เทคโนโลยีขององค์การ
การเปรียบเทียบระหว่างเทคโนโลยีเก่าและใหม่ ผู้จัดทำ