โรคไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออก
ไข้เลือดออก เป็นการติดเชื้อไวรัส มีเชื้ออยู่สองชนิดใหญ่ๆที่ทำให้เกิดไข้เลือดออก คือเชื้อ เดงกี่ (dengue) และชิกุนกุนย่า
(chigunkunya) มากกว่า 90% เกิดจากเชื้อตัวแรก เชื้อเดนกี่มี 4 พันธ์ โดยทั่วไป ในการรับเชื้อครั้งแรก มักไม่ค่อยมีอาการรุนแรงมาก
นัก ซึ่งสามารถเกิดในเด็ก ๆ ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป การติดเชื้อครั้งต่อไปจะรุนแรงขึ้น และภูมิคุ้มกันที่มีจะไม่ช่วยป้องกันไม่ให้เราเป็น
แต่กลับทำให้การติดเชื้อครั้งหลังรุนแรงขึ้น หมายความว่าเป็นแล้ว เป็นอีกได้
ผู้ป่วยไข้เลือดออกส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เท่าๆกัน เด็กที่อายุน้อยที่สุดที่พบว่าเป็น
ไข้เลือดออก คือ อายุประมาณ 2 เดือน เด็กอายุ 5-9 ปี มีโอกาสเป็นโรคบ่อย ระยะหลังพบว่าเด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่ มีแนวโน้มเป็นไข้
เลือดออกมากขึ้น
โรคนี้ไม่ติดต่อจากคนสู่คนโดยตรง แต่จะต้องติดผ่านทางยุงลายเท่านั้น ยุงลาย ซึ่งเป็นยุงที่อยู่ในเมือง เพาะพันธุ์ในน้ำใส เช่น
ในภาชนะที่ขังน้ำฝน แอ่งน้ำขังบริเวณบ้าน โอ่งน้ำ ถ้วยรองขาตู้กันมด ยุงลายจะกัดเฉพาะเวลากลางวัน โดยยุงตัวเมียจะกัดและดูดเลือด
ผู้ป่วยที่กำลังเป็นไข้เลือดออกและมีเชื้อไวรัสอยู่ในตัวผู้ป่วย เมื่อไวรัสตัวนี้เข้าไปอยู่ในตัวยุงจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและจะมีชีวิตอยู่ใน
ตัวยุงได้ตลอดอายุไขของยุง (ประมาณ 1-2 เดือน) ยุงจะแพร่เชื้อไวรัสได้ทุกครั้งที่กัดคน โรคไข้เลือดออกมักระบาดในฤดูฝนเนื่องจาก
จำนวนยุงจะมีมากขึ้นในฤดูนี้
ที่มา http://www.fm100cmu.com/blog/GoodHealth/uploads/2104.jpg
คนที่ได้รับเชื้อ แบ่งได้ 4 กลุ่มคือ
1. ไม่มีอาการใด ซึ่งส่วนใหญ่ 80-90% อยู่ในกลุ่มนี้
2. ไข้จากการติดเชื้อไวรัส ที่ไม่สามารถแยกได้จากการติดเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ
3.โรคไข้เด็งกิ่ว (Dengue Fever) โดยมีอาการเด่นคือ ไข้สูง 39-41 องศาเซลเซียส มีอาการปวดศีรษะ ปวดตามกล้ามเนื้อ
อย่างมาก ร่วมกับอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน จะมีระยะไข้ประมาณ 2-6 วัน เมื่อหายเป็นปกติ ผู้ป่วยอาจจะมีผื่นแดงตามตัว
แขน ขา อาจพบมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง หรือเลือดออกได้แต่อาการจะไม่รุนแรง
4.โรคไข้เลือดออก (Dengue Hemorrhagic Fever) แบ่งได้เป็นสามระยะคือ
- ระยะไข้ เชื้อมีระยะฟักตัวตั้งแต่ ถูกยุงกัด จนเริ่มมีไข้ประมาณ 5-8 วัน เด็กที่เป็นไข้เลือดออกระยะเริ่มต้นจะมีอาการเหมือนกับ
ไข้เด็งกิ่ว มีไข้สูงแบบเฉียบพลัน ไข้อาจสูงถึง 39-41 องศาเซลเซียส นาน 2-7 วัน ส่วนใหญ่ไม่มีอาการของหวัดที่ชัดเจน เช่น ไอ
น้ำมูก แต่อาจพบเจ็บคอเล็กน้อยร่วมกับไอเล็กน้อย อาการเด่นที่พบคือหน้าตาจะดูแดงๆ อาการอื่นที่พบร่วมด้วยบ่อยคือ เบื่ออาหาร
คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปวดตามตัว ในเด็กเล็กอาจมีอาการชักจากไข้สูงได้ด้วย
- ระยะช็อค เป็นระยะต่อจากไข้ ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว แต่เด็กจะดูป่วยมากกว่าเดิม ในโรคอื่นๆเมื่อไข้ลด เด็กจะสบายดี ทานได้เล่น
ได้ แต่โรคนี้ระยะไข้ลดเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด ในรายที่อาการหนัก เด็กจะทรุดลงเร็วมาก มือเท้าเย็น เหงื่อออกมาก กระวนกระวาย
ปวดท้อง แน่นท้อง กระสับกระส่าย หายใจแรงและเร็ว ชีพจรเต้นเบาเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำลงจนช๊อค ในขณะที่บางรายจะมี เลือด
กำเดาไหล จุดเลือดออกตามผิวหนัง เลือดออกในกระเพาะหรือลำไส้ ทำให้อาเจียนเป็นเลือดดำๆ หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ระยะช็อค
ส่วนใหญ่ไม่เกิน 48 ชั่วโมง ในรายที่อาการไม่มาก จะมีอาการ ชีพจรเต้นเบาเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำลงเล็กน้อย เป็นช่วงเวลาสั้นๆ
แล้วกลับเป็นปกติได้เองหรือหลังได้รับการรักษาช่วงระยะสั้นๆ
- ระยะพักฟื้น ภายหลังจากที่ผู้ป่วยผ่านพ้นระยะอันตรายมาแล้วก็จะเข้าสู่ระยะพักฟื้น ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่มีอาการช็อกก็จะฟื้นตัวอย่าง
รวดเร็ว มีปัสสาวะมาก มีความอยากอาหาร และอาจพบผื่นแดงๆทั้งตัวโดยเฉพาะบริเวณขา
วิธีการรักษา
การรักษาโรคไข้เด็งกิ่ว เป็นการรักษาตามอาการ ผู้ป่วยสามารถรับยาแก้ไข้ พาราเซตามอลได้ ควรเช็ดตัวให้ผู้ป่วยเมื่อมี
ไข้สูง ห้ามให้ยาลดไข้ที่มีแอสไพริน ควรนอนพักและดื่มน้ำให้เพียงพอ หากมีอาการเหงื่อออกมากหรืออาเจียน ควรรับประทานน้ำเกลือ
ชดเชยด้วย
ที่มา http://www.cablephet.com/board/images/news/d18_1369_1118396073.jpg
ไปยัง โรคติดต่อ