ศาสนา ร.2
1. การแต่งสมณฑูตไปลังกา
ในสมัยนี้ได้มีพระสงฆ์ชาวลังการูปหนึ่ง ชื่อ พระสาสนวงศ์ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกับต้นโพธิ์ลังกาเข้ามาถวาย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยบอกว่า สมเด็จพระสังฆราชโปรดให้นำมา รัชกาลที่ 2 ทรงมีพระราชดำริว่า พระสงฆ์ในลังกาก็เป็นสมณวงศ์แบบเดียวกับพระสงฆ์ไทย เคยมีสัมพันธไมตรีติดต่อกันมาช้านาน ประกอบกับพระพุทธศาสนา ในลังกาเริ่มเศร้าหมอง เพราะลังกาตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ รัชกาลที่ 2 จึงโปรดแต่งสมณทูตคณะหนึ่ง ประกอบด้วย พระสงฆ์จำนวน 9 รูป มีพระอาจารย์ดีและพระอาจารย์เทพเป็นหัวหน้าเมื่อกลับมาถึงไทย พระอาจารย์ดี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น พระคัมภีรปรีชา และพระอาจารย์เทพได้รับการแต่งตั้งให้เป็น พระปัญญาวิสารเถร นับเป็นสมณทูตไทยคณะแรก สมัยรัตนโกสินทร์ (เริ่มเดินทาง พ.ศ. 2357 กลับมาถึงประเทศไทย พ.ศ. 2361) ได้นำหน่อพระศรีมหาโพธิ์ จากเมืองอนุราธบุรี กลับมาโดยเชื่อกันว่าเป็นต้นโพธิ์เชื้อสายของพระศรีมหาโพธิ์ ที่พระพุทธเจ้านั่งตรัสรู้ จำนวน 6 ต้น โดยปลูกไว้ที่ รัฐกลันตัน 1 ต้น จังหวัดนครศรีธรรมราช 2 ต้น จังหวัดกรุงเทพฯ 3 ต้น โดยปลูกที่วัดสุทัศน์ฯ วัดมหาธาตุฯ วัดสระเกศฯ
2. การฟื้นฟูการประกอบพิธีวันวิสาขบูชา
วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ซึ่งไทยเราเคยจัดทำกันตั้งแต่สมัยสุโขทัย และเสื่อมหายไปในสมัยอยุธยา ธนบุรี ล่วงเลยมาถึงสมัยรัชกาลที่ 2 จึงมีการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง โดยรัชกาลที่ 2 ได้โปรดให้จัดพระราชพิธีอย่างใหญ่โต เริ่มตั้งแต่ วันขึ้น 14-15 ค่ำ ถึงวันแรม 1 ค่ำ รวม 3 วัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงรักษาพระอุโบสถศีล ปล่อยนก ปล่อยปลา ห้ามเสพสุราห้ามฆ่าสัตว์ ให้ถวายประทีป ตั้งโคม แขวนเครื่องสักการะบูชา เวียนเทียน ให้มีพระธรรมเทศนาในพระอารามหลวงและวัดราษฎร์ ถวายไทยทานตลอด 3 วัน
3. การบูรณะและ ปฎิสังขรณ์วัดวาอาราม อาทิ
3.1 วัดอรุณราชวราราม ซึ่งถือว่าเป็นวันประจำรัชกาลที่ 2 เดิมชื่อ วัดบางมะกอก ในสมัยพระเจ้าตากสิน ยกทัพเรือมากอบกู้เอกราช กองทัพมาถึงหน้าวัดนี้สว่างพอดี เลยเรียกว่า วัดแจ้ง วัดนี้ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ถึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตั้งพระทัยว่าจะสร้างใหม่ทั้งหมด จึงเริ่มสร้างพระอุโบสถและพระวิหาร และให้มีงานฉลองขึ้น ในปี พ.ศ. 2363 และพระราชทานนามว่า "วัดอรุณราชธาราม" จนถึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดอรุณราชวราราม"
3.2 วัดสุทัศน์เทพวราราม เริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 พอถึงสมัยรัชกาลที่ 2 ทรงสร้างพระวิหารหลวงต่อจนยกเครื่องบนเสร็จ แต่ยังไม่มีช่อฟ้าใบระกา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงวางแบบแปลนไว้ และสร้างเสร็จในสมัยต่อมา นอกจากนี้ยังทรงบูรณะปฏสังขรณ์วัดอื่น ๆ อาทิ
3.3 วัดโมฬีโลก
3.4 วัดราชบูรณะ
3.5 วัดราชาธิวาส
3.6 วัดสุวรรณดาราราม (จ.อยุธยา)
4. การสังคายนา บทสวดมนต์ เนื่องจากในปีพุทธศักราช 2363 ได้เกิดอหิวาตกโรคระบาด บรรดาขุนนาง ไพร่ ทาสเสียชีวิตจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระราชดำริให้จัดงาน บำเพ็ญพระราชกุศล และมีการสังคายนาบทสวดมนต์ โดยแปลพระปริตรออกเป็นภาษาไทย และโปรดให้ขุนนางข้าราชการฝ่ายในฝึกสวดพระปริตรทุกวันเหมือนกับที่พระสงฆ์สวด
5. ปรับปรุงการสอบพระปริยัติยธรรม ในปี พ.ศ. 2359 กำหนดให้มีการสอบโดยกำหนดเป็นเปรียญ 3 ประโยค เปรียญ 4 ประโยค จนถึงเปรียญ 9 ประโยค ทำให้การเรียนรู้ด้านภาษาบาลีเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปพร้อม ๆ กับความเจริญทางด้านพระพุทธศาสนา
6. การบูรณมหาชาติคำหลวง ในปี พ.ศ. 2357 รัชกาลที่ 2 ได้โปรดให้ประชุมนักปราญ์ชราชบัณฑิต ให้ช่วยกันแต่ง มหาชาติคำหลวง จนครบทั้ง 13 กัณฑ์
7. ในสมัยนี้ยังได้พระพุทธบุษยรัตน์ มาจากจำปาศักดิ์ ในปี พ.ศ. 2355 พระพุทรูปองค์นี้ ทำด้วยแก้วผลึก ที่เรียกว่า “เพชรน้ำค้าง” หรือ “บุษย์น้ำขาว”
กลับหน้าหลัก หน้าถัดไป ย้อนกลับ