2. ทฤษฎีของดาร์วิน
![](/files/u19987/think2.gif)
2. ทฤษฎีของดาร์วิน
![](/files/u19987/Darwin.jpg)
ที่มารูปภาพ : http://203.172.220.170/stu_proj/521751/552000001486102.jpg
ชาลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin ค.ศ 1809–1882) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ เดินทางสำรวจรอบโลกเช่น
ทวีปอเมริกาใต้และหมู่เกาะ Galapagos สรุปว่า สภาพแวดล้อมทำให้สิ่งมีชีวิตมีความผันแปรแตกต่างกันไป ความสำคัญในการ
เกิดสปีชีส์ใหม่เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ถูกแยกจากกัน
ดาร์วิน ใช้เวลา 25 ปีรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิวัฒนาการและเขียนหนังสือ‘The Origin of Species ” ขึ้นในปี ค.ศ 1859
จากข้อคิดที่ว่าประชากรมีการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว และจากความสัมพันธ์ของอายุซากหินและชนิดของฟอสซิลสิ่งมีชีวิต
ในปี คศ. 1859 ดาร์วิน และ อัลเฟรด รัสเซล วอลเลซ ( Alfred Russell Wallace ค . ศ 1823-1913) ได้เสนอ
“ ทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต โดยการคัดเลือกตามธรรมชาติ ” (Theory of Natural Selection) ซึ่งลำดับแนวความคิดได้ดังนี้
1. สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันย่อมแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย เรียกว่า variation
2. สิ่งมีชีวิตมีลูกหลานจำนวนมากตามลำดับเรขาคณิต แต่สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดก็มีจำนวนเกือบคงที่เพราะมีจำนวนหนึ่งตายไป
3. สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องมีการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด (struggle of existance) ลักษณะที่แปรผันบางลักษณะที่เหมาะสม
กับสิ่งแวดล้อมย่อมดำรงชีวิตอยู่ได้และสืบพันธุ์ถ่ายทอดไปยังลูกหลาน
4. สิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมที่สุดนั้นที่อยู่รอดและดำรงเผ่าพันธุ์ของตนไว้ และทำให้เกิดการคัดเลือกตามธรรมชาติ เกิดความแตกต่างไป
จากสปีชีส์เดิมมากขึ้นจนเกิดสปีชีส์ใหม่ ในกรณียีราฟคอยาวนั้น ตามทฤษฎีของ Darwin ว่ายีราฟมีบรรพบุรุษที่คอสั้น
แต่เกิดมี variation ที่มีคอยาวขึ้น และหาอาหารพวกใบไม้ได้ดีกว่าตัวคอสั้นซึ่งทำให้แย่งอาหารได้ดีกว่าพวกคอสั้น
และแพร่ลูกหลานได้ ส่วนพวกคอสั้นหาอาหารได้ไม่ดีในที่สุดก็จะตายไป จึงทำให้มียีราฟคอยาวเท่านั้นในปัจจุบัน
ดาร์วินได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของการศึกษาวิวัฒนาการในสิ่งมีชีวิต