ประวัติรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประวัติ
รัชกาลที่ 6 มีพระนามเดิมว่า “เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ” เป็นพระราชโอรสของรัชกาลที่ 5 กับ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ (พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี) ประสูติเมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 เมื่อพระชนมายุได้ 8 พรรษาได้รับสถาปนาเป็น กรมขุนเทพทวาราวดี ต่อมาในปี พ.ศ. 2437 ได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทั้งหลาย ได้พร้อมกันอัญเชิญเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ขณะมีพระชนมายุได้ 30 พรรษา นับเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงมีพระปรมาภิไธยย่อว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้เสด็จสวรรคต เมื่อ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ครองราชสมบัตินาน 16 ปี รวมพระชนมายุได้ 45 พรรษา ทรงมีพระราชธิดาอันประสูติแต่ สมเด็จพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระองค์เดียวคือ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา ศิริโสภาพัณณวดี ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ประสูติเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในหมู่พระมหามณเฑียรพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง เมื่อทรงพระเยาว์ได้เสด็จไปทรงศึกษาที่โรงเรียนราชินี จนมีพระชนมายุย่าง ๑๓ พรรษา จึงเสด็จไปทรงศึกษาในประเทศอังกฤษเมื่อเดือนมีนาคม ๒๔๘๐ ทรงมีพระอัจฉริยะในการแสดงเปียโนเป็นอย่างยิ่ง โปรดวิชาภูมิศาสตร์ และทรงมีความชำนาญในการสังเกตและจดจำเรื่องทิศทางของสถานที่ซึ่งเคยเสด็จไปได้อย่างแม่นยำ ครั้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบลง จึงเสด็จกลับกรุงเทพฯ พร้อมกับพระนางเจ้าสุวัทนา เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ โดยทรงสร้างวังขึ้นที่ ซอยสันติสุข ถนนสุขุมวิท ๓๘ พระราชทานนามว่า “วังรื่นฤดี” และประทับ ณ วังแห่งนี้ตราบจนถึงปัจจุบันนี้ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ทรงพระกรุณาพระราชทาน
ความช่วยเหลือการสาธารณกุศลต่างๆ มากมาย พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสมทบทุนสมเด็จพระบรมราชชนก และทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ ทรงบำเพ็ญภารกิจสาธารณประโยชน์เพื่อสังคม และความสุขของประชาชนตอลดจนพลเรือนและทหารนานัปการ ทรงช่วยเหลือเด็กกำพร้าและสนับสนุนกิจการต่างๆ ของสภาสตรีแห่งประเทศไทย พระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งคือ การก่อสร้างหอวชิราวุธานุสรณ์และมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ โดยทรงพระกรุณาพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นเงินทุนก่อตั้งมูลนิธิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระยศพันโทหญิงกองพันทหารราบที่ ๒ กองผสมที่ ๑๕ จังหวัดนครศรีธรรมราช และดำรงพระยศเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์เมื่อปี ๒๕๓๕ และสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาคหกรรมศาสตร์ บัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพัฒนาการครอบครัวและเด็ก แด่พระองค์ในปีเดียวกัน พระองค์ทรงเมตตารับโรงเรียนสายน้ำผึ้งไว้ในพระอุปถัมภ์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๕ เป็นต้นมาและเสด็จพระราชทานทุนการศึกษาและประกาศนียบัตร แก่นักเรียนที่สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในวันคล้ายวัน สถาปนาโรงเรียนสายน้ำผึ้ง ๒๐ สิงหาคมของทุกปี มาจนถึงปีการศึกษา ๒๕๔๒ นับเป็นพระกรุณาธิคุณเป็นที่ยิ่ง ขอพระองค์ทรงเป็นพระมิ่งขวัญแห่งโรงเรียนสายน้ำผึ้งยิ่งยืนนานตราบกาลนิรันดร์
ความช่วยเหลือการสาธารณกุศลต่างๆ มากมาย พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสมทบทุนสมเด็จพระบรมราชชนก และทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ ทรงบำเพ็ญภารกิจสาธารณประโยชน์เพื่อสังคม และความสุขของประชาชนตอลดจนพลเรือนและทหารนานัปการ ทรงช่วยเหลือเด็กกำพร้าและสนับสนุนกิจการต่างๆ ของสภาสตรีแห่งประเทศไทย พระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งคือ การก่อสร้างหอวชิราวุธานุสรณ์และมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ โดยทรงพระกรุณาพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นเงินทุนก่อตั้งมูลนิธิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระยศพันโทหญิงกองพันทหารราบที่ ๒ กองผสมที่ ๑๕ จังหวัดนครศรีธรรมราช และดำรงพระยศเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์เมื่อปี ๒๕๓๕ และสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาคหกรรมศาสตร์ บัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพัฒนาการครอบครัวและเด็ก แด่พระองค์ในปีเดียวกัน พระองค์ทรงเมตตารับโรงเรียนสายน้ำผึ้งไว้ในพระอุปถัมภ์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๕ เป็นต้นมาและเสด็จพระราชทานทุนการศึกษาและประกาศนียบัตร แก่นักเรียนที่สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในวันคล้ายวัน สถาปนาโรงเรียนสายน้ำผึ้ง ๒๐ สิงหาคมของทุกปี มาจนถึงปีการศึกษา ๒๕๔๒ นับเป็นพระกรุณาธิคุณเป็นที่ยิ่ง ขอพระองค์ทรงเป็นพระมิ่งขวัญแห่งโรงเรียนสายน้ำผึ้งยิ่งยืนนานตราบกาลนิรันดร์