การเล่นคู่ (DOUBLES PLAY)
เมื่อได้ตกลงกันว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายส่งลูกก่อนผู้เล่นซึ่งอยู่ในสนาม "ส่งลูก" แทยงมุมตรงกันข้าม ถ้าส่งลูกเสีย
จะเปลี่ยนการส่งลูกให้แก่ฝ่ายตรงข้าม ผู้ที่จะรับลูกส่งได้นั้นต้องเป็นผู้ที่ส่งลูกมาให้เท่านั้น แต่ถ้าลูกถูกตัวผู้เล่นที่ร่วมกันกับ
ผู้ที่รับลูกส่ง หรือผู้ที่เล่นร่วมกันรับลูกส่ง ตีลูกส่งนั้น ผู้ที่ส่งลูกจะได้ 1 คะแนน ข้างที่ตั้งต้นเกมส่งลูกได้คนเดียวในการเข้าตี
โต้คราวแรกผู้ส่งลูกนั้นจะส่งลูกได้เรื่อยๆ จนกว่าจะเสียแต้มในการตีโต้คราวต่อๆไป ผู้เล่นร่วมแต่ละข้างส่งลูกได้จนครบ
จำนวนข้างที่ชนะเกมจะต้องเป็นข้างที่ส่งลูกก่อนในเกมต่อไป ถ้าผู้เล่นยืนผิดคอร์ดเวลาส่งลูก และบังเอิญเป็นฝ่ายได้แต้ม
จะต้องมีการให้"เอาใหม่" โดยเงื่อนไขจะต้องใช้สิทธิเรียกร้อง ก่อนที่จะมีการส่งลูกครั้งต่อไป
การเล่นประเภทคู่ เป็นการเล่นที่มีความเร็วมากกว่าการเล่นประเภทเดี่ยว เพราะผู้เล่นแต่ละคนต้องรับผิดชอบ
รักษาเรื่องพื้นที่ในสนามแคบกว่า เข้าประชิดตีลูกได้เร็วขึ้นและใช้ลูกตบได้บ่อยโดยไม่ต้องเกรงว่าจะเสียการทรงตัว
เพราะคู่พร้อมที่จะตีลูกคอยช่วยเหลืออยู่แล้ว การเล่นคู่ต้องอาศัยการประสานงานกันผู้เล่นไม่เพียงแต่คำนึงถึงการตีลูก
ของตนเองอย่างเดียว ยังต้องคิดถึงคู่ของตน คอยหาทางส่งลูกข้ามไปยังเป้าหมายที่ฝ่ายตรงกันข้ามไม่สามารถตีลูก
อันตรายกลับมาได้ นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจกลวิธีการเล่นต่างๆ เหมือนกันทุกประการ การเล่นคู่ต้องหัดคู่กันมา เป็นเวลานาน
จึงจะรู้ถึงจิตใจกันดี
การเล่นประเภทคู่ที่นิยมกันทั่วไปมีอยู่ 3 อย่างคือ
1. การเล่นประเภทชายคู่
2. การเล่นประเภทหญิงคู่
3. การเล่นประเภทคู่ผสม
การเล่นคู่ของนักแบดมินตันทั้งชายและหญิงมีพื้นฐานอันเดียวกัน แตกต่างกันที่ฝ่ายหญิงไม่รุนแรงเท่านักแบดมินตัน
ฝ่ายชาย การเคลื่อนไหวไม่ว่องไวเท่าฝ่ายชาย แต่ถ้าคู่หญิงมีการตั้งรับที่เหนียวแน่น และสามารถตีลูกได้ถึงหลังสนาม
ก็จะมีโอกาสตีชนะได้ ง่ายฝ่ายที่ตีกดลูกลงตำมักจะเป็นฝ่ายรุก ส่วนฝ่ายที่งัดลูกโยนมักจะเป็นฝ่ายรับ ส่วนการเล่นชายคู่
จะเล่นรวดเร็วและรุนแรงกว่า แต่อย่างไรก็ตามการเล่นประเภทคู่โดยทั่วไปมีวิธีการเล่นหลายหลากแบบไหนก็แล้วแต่
ผู้เล่นแต่ละคู่จะตกลงกัน ดังต่อไปนี้