การนำเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของตนเอง
พระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง
"พอเพียงนี้อาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น. ต้องให้พอประมาณตามอัตภาพ พูดจาก็พอเพียง ทำอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติตนก็พอเพียง”
คำว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" นั้นหากแปลเป็นอังกฤษจะได้ว่า Sufficiency Economy ซึ่งเป็นพระราชดำรัสที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยไว้เมื่อประมาณ 25 ปีมาแล้ว อาจเรียกว่า เป็นทฤษฏีใหม่ก็ได้เพราะว่าเกิดจากแนวดำริที่พระองค์เป็นคนคิดค้นขึ้นมา เหตุที่เรียกว่า ทฤษฏีใหม่ก็เพราะว่า คำว่า"เศรษฐกิจพอเพียง"นั้น ไม่มีบัญญัติไว้ในพจนานุกรมมาก่อน พระองค์ทรงคิดขึ้นมาด้วยพระองค์เอง นับได้ว่าเป็นความอัจริยะภาพของพระองค์อย่างยิ่ง ทำให้เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ในฐานะ "กษัตริย์นักปฏิรูป"
พระบรมราโชวาท เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2517
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นย้ำแนวทางการพัฒนาที่อยู่บนพื้นฐานของการพึ่งตนเอง ความพอมีพอกิน พอมีพอใช้และการรู้จักความพอประมาณ ทรงเตือนสติประชาชนไม่ให้ประมาท มีคุณธรรมในการดำรงชีวิต ซึ่งแนวคิดดังกล่าว เป็นที่รู้จักกันดีภายใต้ชื่อว่า เศรษฐกิจพอเพียงทรงเน้นหลักการพึ่งตนเองในระดับครอบครัว ผสานกับความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างความเข้มแข็งในระดับท้องถิ่น ก่อนที่จะเชื่อมโยงสู่ระบบธุรกิจในสังคมภายนอก
อีกทั้งยังพระราชทานแนวพระราชดำริ ให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชนเข้าร่วมมือกัน เพื่อศึกษาและพัฒนากิจการเกษตรกรรมของไทยอย่างจริงจัง ด้วยทรงตระหนักดีว่า การเกษตรนี้เองที่เป็นรากฐานอันแท้จริง ให้กับพัฒนาการที่ยั่งยืนของประเทศดังพระราชดำรัสที่ว่า “ ถ้าชนบทอยู่ได้ บ้านเมืองก็อยู่ได้”
ผลลัพธ์จากสายพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ สำแดงให้เป็นที่ประจักษ์ชัดทุกครั้งที่เศรษฐกิจของประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤติ และประชาชนชาวไทยทุกฝ่ายทุกระดับ ต่างก็ต้องหันมาทบทวนทิศทางของการพัฒนาประเทศเท่าที่ผ่านมา
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงพระราชทาน จึงนับเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนไทย ได้ดำเนินชีวิตบนทางสายกลาง มีความขยันหมั่นเพียรในการประกอบสัมมาชีพ รู้จักใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รักการประมาณตน และดำรงชีวิตอย่างรู้จัก คิด อยู่ ใช้ กิน อย่างพอเพียง
พระบรมราโชวาทขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา 23 ธันวาคม 2542
" … ขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทย
พออยู่พอกินมีความสงบและทำงานตั้งอธิษฐาน
ตั้งปณิธานในทางนี้ ที่จะให้เมืองไทยอยู่แบบพอกิน
ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่มีความความพออยู่พอกิน
มีความสงบเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ
ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้
เราก็จะยอดยิ่งยวดได้ …
ฉะนั้นถ้าทุกท่านซึ่งถือว่าเป็นผู้มีความคิดและมีอิทธิพล
มีพลังที่จะทำให้ผู้อื่น ซึ่งมีความคิดเหมือนกัน
ช่วยกันรักษาส่วนรวมให้อยู่ดีกินดีพอสมควร ขอย้ำพอควร
พออยู่พอกิน มีความสงบ
ไม่ให้คนอื่นมาแย่งคุณสมบัตินี้จากเราไปได้
ก็จะเป็นของขวัญวันเกิดที่ถาวรที่จะมีคุณค่าอยู่ตลอดกาล "
การนำเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันของฉัน ก็คือ
1. เมื่อดิฉันจะซื้อของสักชิ้นหนึ่งดิฉันจะซึ้อของที่ราคาไม่แพงจนเกินไป และเหมาะกับของที่ดิฉันต้องการซื้อ
2. ดิฉันจะไม่เปิดไฟเเละเปิดน้ำทิ้งไว้โดยไม่จำเป็นเพราะจะทำให้ดิฉันเสียเงินโดยใช่เหตุ
3. ดิฉันจะทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายทุกๆวันเเละทุกสิ้นเดือนดิฉันจะสรุปว่าเดือนนี้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เหลือเงินเก็บเท่าไร ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ดิฉันรู้ว่าดิฉันควรปรับปรุงการใช้เงินตรงไหนบ้าง
4. ดิฉันจะใช้ถุงผ้าเเทนถุงพลาสติกเพราะเมื่อถุงผ้าเปื้อนดิฉ้นสามารถนำมาซักให้สะอาดได้ เเถมยังช่วยลดโลกร้อนไปในตัวด้วย
5. ดิฉันจะนำเสื้อผ้าที่เก่าหรือตกเทรนด์เเล้วนำมาเเต่งใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้นซึ่งจะทำให้ดิฉันไม่ต้องเสียเงินไปซื้อเสื้อที่ทันสมัยตัวใหม่
เเหล่งอ้างอิง
http://www.signal24.net/webboard/show.php?Category=signal24&No=31
http://rose-diary.spaces.live.com/blog/cns!8399E3BF9503B531!327.entry
นางสาวอัคคณัฏฐา อำไพ ชี้นม.5/1 เลขที่24
- ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น