ย. อา ยา
การกินยาที่ถูกต้องควรกินอย่างไร?
ทางราชการมีกฎบังคับว่า ยาที่มีอายุจะต้องมีหมายกำหนดว่าหมดอายุเมื่อไร โดยต้องเขียนไว้ที่ภาชนะบรรจุ แต่ส่วนใหญ่มักจะใช้เป็นภาษาอังกฤษ วิธีสังเกตยาที่เสื่อมอายุ ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้ได้ มักจะเป็นยาที่มีสีเข้ม ๆ สีแปลก ๆ เป็นกระ เป็นจุดด่าง ๆ และถ้าหากเป็นสูตรผสมหลาย ๆ อย่าง ในเม็ดเดียวกัน เป็นยาที่ไม่ควรใช้ เพราะว่าสังเกตการเสื่อมยาก ตัวอย่างยาที่หมดอายุ เช่น ยาเตตร้าไซคลิน สีของยาภายในแคปซูลจะเปลี่ยนจากสีเหลืองนวลเป็นสีน้ำตาลไหม้ ถ้ากินเข้าไปจะเป็นอันตรายต่อไตโดยตรง บางรายอาจถึงตายได้ ในการกินยานั้น ควรกินตามที่แพทย์สั่ง เพราะยาบางชนิด ถ้ากินตอนท้องว่างอาจมีอาการข้างเคียง เช่น อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เนื่องจากระคายกระเพาะอาหาร หรือยาบางอย่างอาจกัดกร่อนกระเพาะ เช่น แอสไพริน แต่มียาบางชนิด เช่น เพนนิซิลิน แอมพิซิลิน มักจะกินก่อนอาหารที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่าถ้ากินหลังอาหารหรือพร้อมอาหาร ยาจะไปรวมตัวกับอาหาร ทำให้ปริมาณของยาที่จะซึมเข้ากระแสเลือดและไปออกฤทธิ์นั้น ลดลงอย่างมาก ข้อแนะนำของการกินยาก่อนอาหารนั้น จำเป็นต้องกินยาก่อนอาหารอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ไม่ใช่กินยาและกินอาหารตามทันที ส่วนยาที่กินหลังอาหารนั้น สามารถกินได้ทันทีเมื่อกินอาหารเสร็จนอกจากเวลาที่กินยาแล้ว ขนาดของยาก็เป็นส่วนสำคัญ การที่กำหนดว่ายาอย่างหนึ่งต้องกินขนาดครั้งละเท่าใดนั้น เขาได้ทดลองยาดังกล่าวมาแล้วว่ายาดังกล่าวใช้เท่าไรจึงจะได้ผลในการรักษา ถ้าใช้ยาได้ถูกกับโรคและขนาดยาที่เขากำหนดนั้น จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือพิษของยาอย่างรุนแรง ฉะนั้น เราไม่ควรกินยาให้น้อยกว่าหรือมากกว่าขนาดที่เขากำหนดให้ เช่น ยาบางชนิด ให้กินครั้งละ 1 เม็ดวันละ 3 ครั้งหลังอาหาร ก็ต้องกินเช่นนั้นให้ถูกต้อง บางคนกินน้อยกว่าที่กำหนด เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายจากยา จะทำให้รักษาไม่ได้ผลและในทางตรงข้าม บางครั้งคนที่ต้องการกินยาให้มาก ๆ ก็จะก่อให้เกิดอันตรายเช่นกัน