การวิวัฒนาการของดาวฤกษ์
การวิวัฒนาการของดาวฤกษ์
เนบิวลาเป็นแหล่งกำเนิดของดาวฤกษ์ทุกประเภท แต่จุดบนดาวฤกษ์จะต่างกันขึ้นอยู่กับมวลสาร ดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย เช่น ดวงอาทิตย์มีแสงสว่างไม่มาก จะใช้เชื้อเพลิงในอัตราที่น้อย จึงมีช่วงชีวิตยาวและจบชีวิตด้วยการไม่ระเบิด ดาวฤกษ์ที่มวลขนาดใหญ่ สว่างมาก จะใช้เชื้อเพลิงอย่างสิ้นเปลืองในอัตราสูงมากจึงมีช่วงชีวิตที่สั้นกว่า และจบชีวิตด้วยการระเบิดอย่างรุนแรง จุดจบของดาวฤกษ์ที่มีมวลมากคือการระเบิดอย่างรุนแรงที่เรียกว่า ซูเปอร์โนวา (Supernova) แรงโน้มถ่วงจะทำให้ดาวยุบตัวลง กลายเป็นดาวนิวตรอน หรือหลุมดำ ในขณะเดียวกันนั้นก็มีแรงสะท้อนที่ทำให้ส่วนภายนอกของดาวระเบิด เกิดธาตุหนักขึ้น เช่น ทองคำ ยูเรเนียม ฯลฯ ซึ่งถูกสาดกระจายออกสู่อวกาศกลายเป็นส่วนประกอบของเนบิวลารุ่นใหม่ต่อไป
กำนิดและวิวัฒนาการของดวงอาทิตย์ พลังงานของดวงอาทิตย์เกิดที่แก่นกลางซึ่งเป็นชั้นในสุดของดวงอาทิตย์ เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงและความดันสูง ทำให้เกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ที่แก่นกลางดวงอาทิตย์ซึ่งเกิดจาก โปรตอนหรือนิวเคลียสของธาตุไอโดรเจน 4 นิวเคลียส หลอมไปเป็นนิวเคลียสของธาตุฮีเลียม 1 นิวเคลียส พร้อมกับเกิดพลังงานจำนวนมหาศาล
ดาวฤกษ์จะแบ่งวิวัฒนาการตามมวลของมัน คือ มวลน้อย กับ มวลมาก
มวลน้อย--->ดาวฤกษ์---->ดาวยักษ์แดง---->หดตัว---->ดาวแคระขาว--->ดาวแคระดำ(ดวงอาทิตย์)
มวลมาก--->ดาวฤกษื--->ดาวยักษ์แดง--->ซูเปอร์โนวา--->ดาวนิวตรอน
สีของอุณหภูมิของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์ที่ปรากฎบนฟ้า จะพบว่าดาวฤกษ์มีสีต่างกัน สีของดาวฤกษ์ที่มองเห็น มีความสัมพันธ์ กับอุณหภูมิผิวของดาวฤกษ์ วิวัฒนาการของดาวฤกษ์
ดาวฤกษ์ที่ปรากฏบนฟ้ามีสีแตกต่างกัน นักดาราศาสตร์จึงแบ่งชนิดของดาวฤกษ์ตามสเปคตรัมของดาวฤกษ์ พบว่าสีของดาวฤกษ์สัมพันธ์กับอุณหภูมิของผิวดาว ดาวฤกษ์แบ่งออกเป็น 7 ชนิดหลัก คือ