เงินตราโลก
จากการที่โลหะเงินสามารถหาได้ง่ายกว่าโลหะทองคำ จึงมีมูลค่า ในการแลกเปลี่ยนสินค้าอื่นน้อยกว่าโลหะทองคำ ประกอบกับมีจำนวนมาก โลหะเงินจึงเหมาะที่จะนำมาใช้เป็นสื่อกลาง ในการแลกเปลี่ยน หรืออีกนัยหนึ่งเพราะการนำโลหะเงินมาซื้อสินค้าที่ต้องการ เป็นที่นิยมกันเป็นจำนวนมากและกว้างขวางกว่าโลหะทองคำ
การยอมรับก้อนโลหะเงินว่าเป็นสื่อกลาง ในการชำระหนี้อย่าง กว้างขวางในสังคมต่างๆ นี้ มีผลช่วยให้การแลกเปลี่ยนสินค้า กระทำ กันได้กว้างขวางมาก การค้าระหว่างหมู่บ้านและเมืองต่างๆ จึงเจริญขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาและความ ยุ่งยากในเรื่องของน้ำหนัก และความบริสุทธิ์ ของเนื้อเงิน จารึกกฎหมายของกษัตริย์ฮัมบูราบีและ
เงินรูปนกฮูกของชาวกรีก
แหล่งที่มา : http://www.thaibankmuseum.or.th/images/m102_01.jpg
ดังนั้น ผู้ที่ใช้โลหะเงินชำระหนี้ค่าสินค้า จึงมักรับรองในเรื่องน้ำหนัก และความบริสุทธิ์ของเนื้อเงิน โดยการประทับตราอันเป็นเครื่องหมายเฉพาะตัว ลงไปบนแท่งเงิน จึงเกิดเป็น “เงินตรา” ขึ้นการค้าขายก็คล่องตัวมากยิ่งขึ้น แต่ ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น การนำแท่งเงินประทับตรา ไปใช้ในเมืองที่ห่างไกลออกไป ก็ยังคงมีปัญหาเรื่องความบริสุทธิ์ของเนื้อเงิน ซึ่งโยงไปถึงเรื่องการยอมรับชำระ หนี้ค่าสินค้า
เหรียญทองของชาวลิเดีย
แหล่งที่มา : http://www.thaibankmuseum.or.th/images/m102_02.jpg
ดังนั้นเพื่อความสงบสุขของประชาชน พระเจ้าแผ่นดินหรือ หัวหน้า ผู้ปกครองของแต่ละเมืองจึงจำเป็นต้องมีหน้าที่ ที่จะต้องจัดทำเงินตราของตน ให้ได้มาตรฐานเดียวกัน ทั้งน้ำหนัก ความบริสุทธิ์ และมีขนาดต่างๆเพื่อความ สะดวกในการชำระหนี้ โดยตีตราประจำพระองค์ และตราประจำแผ่นดิน ไว้เป็นสำคัญ
แท่งเงินประทับตรา จึงมีขนาดต่างๆ ลดหลั่นกันลงไป ตามขนาดของ น้ำหนัก และใช้เป็นมาตรฐานที่เรียกว่า “หน่วยของเงิน” ซึ่งปรากฏในจารึกกฎหมาย ของพระเจ้าฮัมมูราบิ (Hammurabi) กษัตริย์แห่งบาบิโลน ในสมัยเมื่อ 1792 ปี ถึง 1750 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งกล่าวไว้เกี่ยวกับการใช้ก้อนเงิน ในขนาดและน้ำหนัก ตามที่กฏหมายกำหนดไว้ในสมัยนั้นว่า “ถ้าคนสามัญตบหน้าคนสามัญ เงินจอบและเงินมีดของมีด จะต้องเสียค่าปรับเป็น (โลหะ) เงินสิบเชคเกล”
แหล่งที่มา : http://www.thaibankmuseum.or.th/images/m102_04.jpg
ส่วนการผลิตเหรียญเงินขึ้นใช้เป็นครั้งแรกในโลกนั้น เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าแผ่นดินแห่งอาณาจักรลิเดีย (Lydia) ซึ่งปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของประเทศตุรกี ได้นำเม็ดโลหะเงินผสมทอง ที่เรียกว่าอีเลคตรัม (Electrum) ประทับตราหัวสิงห์โต ซึ่งเป็นตราพระราชลัญจกรของพระองค์ลงไป เพื่อรับรองน้ำหนักหรือนัยหนึ่งคือให้มูลค่าของเหรียญที่มีขนาดต่างๆ กัน
ระบบการผลิตเงินตรา จึงเป็นระเบียบและแพร่ไปทางตะวันตกของ ประเทศตุรกี รวมไปถึงประเทศกรีกโบราณ ภายในเวลาไม่ช้านักชาวกรีกก็รับระบบ การผลิตเงินตราไปใช้ โดยที่ประเทศกรีกมีการเดินเรือและการค้าทางทะเลอย่างกว้างขวางทำให้เหรียญเงินและเหรียญทองแบบกรีก ซึ่งมีลักษณะกลม มีตราประทับทั้งสองด้านสามารถแพร่ไปยังเมืองต่างๆ อย่างกว้างขวางโดยรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและโดยเฉพาะกรุงโรม
ในที่สุดระบบเงินตราก็เป็นที่นิยมกันในทวีปยุโรป และประเทศใกล้เคียง เงินกากบาทของชาวตังก้าและ เมื่ออาณาจักรโรมันขยายอำนาจออกไป ระบบการผลิตเหรียญเงินก็แพร่ออกไปทั่วโลก เงินห่วงทองคำของชาวซูดาน
แหล่งที่มา : http://www.thaibankmuseum.or.th/images/m102_03.jpg
นอกจากโลหะเงินแล้ว ยังมีการนำโลหะชนิดอื่นๆ มาผลิตขึ้น เป็นเงินตรา ในดินแดนส่วนต่างๆ ของโลก เช่นกัน ดังเช่น เงินเครื่องมือรูปจอบ และมีดทำด้วย โลหะบรอนซ์ของจีน ซึ่งประเทศจีน ผลิตขึ้นเป็นเงินตรา เมื่อประมาณ 500 ปีก่อน คริสต์ศักราช ต่อมา จึงได้เริ่มผลิตเหรียญกลม มีรูสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลาง เมื่อประมาณ 221 ปีก่อนคริสต์ศักราช แม้ว่าประเทศจีนจะมีแร่เงิน เป็นจำนวนมาก แต่เงินตราของ จีนก็ยังคงเป็นก้อนโดย มีรูปและขนาดต่างๆ กัน ต่อมาอีกนานการผลิตเหรียญเงินขึ้นใช้ในจีน เพิ่งจะเริ่มมีขึ้นก็ต่อเมื่อ มีการค้ากับทวีปยุโรป และมีเหรียญกลมแบน เข้ามาในประเทศแล้ว นอกจากนี้ ในทวีปแอฟริกา มีการใช้เงินรูปกำไลทองแดงของประเทศไนจีเรีย เงินทำด้วย ทองแดง รูปกากบาทของประเทศคองโก เงินตราที่ทำเป็นรูปห่วงทองคำของประเทศอียิปต์ และประเทศซูดานในสมัยโบราณ เป็นต้น