ไข้ไทฟอยด์
ไข้ไทฟอยด์คืออะไร
ไข้ไทฟอยดท์เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Salmonella Typhi เชื้อนี้จะอยู่ในน้ำและอาหาร หากการสาธารณะสุขดีการระบาดของเชื้อนี้จะลดลง
คนรับเชื้อนี้ได้อย่างไร
คนจะรับเชื้อนี้จากการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อโรค คนที่เป็นโรคจะขับถ่ายเชื้ออกทางอุจาระ เชื้อนี้อาจจะปนเปื้อนในน้ำตามธรรมชาติ หรืออาจจะปนเปื้อนอาหาร ผู้ป่วยบางคนจะมีเชื้อในร่างกายที่เรียก carrier ซึ่งสามารถขับเชื้อออกสิ่งแวดล้อมได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่มีอาการเมื่อคนได้รับเชื้อ เชื้อจะเข้าสู่ลำไส้ ต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม โดยทางกระแสเลือด
อาการของโรคนี้เป็นอย่างไร
หลังจากได้รับเชื้อนี้1-2 สัปดาห์ผู้ป่วยจะเริ่มเกิดอาการเบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ปวดตามตัว มีไข้สูง 40.5 องศา มีอาการท้องร่วง บางรายอาจจะมีผื่นขึ้นตามตัว บางรายอาจจะมีอาการแน่นท้อง หากไม่รักษาผู้ป่วยบางรายหายเองได้ใน3-4 สัปดาห์
การวินิจฉัย
สามารถเพาะเชื้อจากเลือดในสัปดาห์แรก การวินิจฉัยอย่างอื่นไม่บ่งจำเพาะ
การรักษา
ก่อนที่จะมียาปฏิชีวนะอัตราการตายประมาณร้อยละ 10 แต่หลังจากมียาปฏิชีวนะอัตราการตายลดลงผู้ป่วยอาจจะตายจากปอดบวม ลำไส้ทะลุถ้าผู้ป่วยเพลียมากก็ให้น้ำเกลือ และยาปฏิชีวนะ
โรคแทรกซ้อน
เลือดออกทางเดินอาหาร
ลำไส้ทะลุ
ไตวาย
ช่องท้องอักเสบ
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเชื้อโรค
ให้ดื่นน้ำต้มสุกทุกครั้ง
น้ำขวดจะมีความปลอดภัยสูงกว่าน้ำดื่มทั่วไป
เวลาดื่มน้ำไม่ต้องใส่น้ำแข็ง
รับประทานอาหารที่ทำให้สุกใหม่ๆ
ผักหรือผลไม่ต้องล้างให้สะอาดจริงๆเพราะปนเปื้อนเชื้อได้ง่าย
ผลไม้ที่มีเปลือกให้ปลอกเปลือกออก
ล้างมือก่นรับประทานอาหารทุกครั้ง
หลีกเลี่ยงอาหารจากร้านค้าข้างถนน
- การทำลายเชื้อในอุจจาระปัสสาวะ และสิ่งปนเปื้อน : ให้ทำลายพร้อมๆ กัน ในชุมชนที่มีระบบการกำจัดที่ทันสมัยและเพียงพอ ให้ทิ้งโดยตรงลงท่อไม่ต้องทำลายเชื้อก่อน
การกักกัน : ไม่มี
การให้ภูมิคุ้มกันแก่ผู้สัมผัส: เนื่องจากการฉีดวัคซีนทัยฟอยด์ไม่มีประสิทธิผลจึงไม่แนะนำให้ใช้กับผู้สัมผัสผู้ป่วย เช่นผู้สัมผัสร่วมบ้าน ผู้อยู่ในครอบครัวและบุคลากรทางสาธารสุขที่อาจได้รับเชื้อจากคนป่วย แต่อาจพิจารณาให้กับผู้สัมผัสกับผู้เป็นพาหะ
การสอบสวนผู้สัมผัสและแหล่งโรค:ควรดำเนินการค้นหาผู้ป่วยที่ไม่รายงาน คนที่เป็นพาหะหรือค้นหาแหล่งอาหารน้ำนมและอาหารทะเลในกลุ่มนักเดินทางท่องเที่ยว ที่พบผู้ป่วย ควรได้ติดตามเฝ้าระวังคนอื่น ๆ ด้วย การที่มีระดับของภูมิคุ้มกันต่อVi polysaccarideที่สูงขึ้น มักจะบ่งชี้ว่าคนนั้นเป็นพาหะของไข้ทัยฟอยด ์การแยกเชื้อเพื่อให้ทราบ phage type ในผู้ป่วยและผู้ที่เป็นพาหะนั้น ก็เพื่อจะค้นหาวงจรของการแพร่เชื้อ ผู้สัมผัสร่วมบ้าน หรือผู้สัมผัสใกล้ชิดไม่ควรจะประกอบอาชีพที่มีโอกาสแพร่เชื้อ เช่นประกอบอาหาร/ปรุงอาหารจนกว่าจะไม่พบเชื้อในอุจจาระและปัสสาวะอย่างน้อย 2 ครั้งห่างกัน24 ชั่วโมง
การรักษาเฉพาะ:ใช้ยา chloramphenicol, amoxicillin หรือ co-trimoxazole ในการรักษาการติดเชื้อแบบเฉียบพลันซึ่งให้ผลการรักษาที่ดีกลุ่มยา quinoloneและcephalosporins ก็ให้ผลการรักษาที่ดีเช่นกันเชื้อที่ทำการแยกได้แล้วสมควรจะทำการทดสอบหาการดื้อยาด้วย บางสายพันธุ์พบว่าดื้อต่อยา chloramphenicol, ampicillin และ amoxicillin แต่มีความไวต่อยา co-trimoxazoleสำหรับยาพวก steroidพบว่าให้ผลกับคนไข้ที่มีอาการหนัก
ค. มาตรการเมื่อเกิดการระบาด
ค้นหาผู้ป่วยหรือพาหะซึ่งเป็นแหล่งแพร่เชื้อและอาหารหรือน้ำที่อาจเป็นสาเหตุของการระบาด
เรียกเก็บอาหารที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุ หรือห้ามบริโภค
พาสเจอร์ไรส์หรือต้มนมและหยุดการบริโภคผลิตภัณฑ์นมหรืออาหาที่สงสัย จนกว่าจะมีการตรวจที่แน่ชัดว่าปลอดภัย
ใส่คลอรีนในแหล่งน้ำที่สงสัยให้เพียงพอภายใต้การแนะนำที่เหมาะสม หรือหยุดการใช้น้ำฆ่าเชื้อน้ำดื่มด้วยคลอรีนไอโอดีนหรือต้มสุก
ไม่แนะนำให้ใช้วัคซีนแก่คนทั่วไป อาจพิจารณาใช้ในบางกรณี
ง. สัญญาณภัยที่ควรระวัง : การแพร่เชื้อไข้ทัยฟอยด์อาจเกิดขึ้นในที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบการจัดหาน้ำ การกำจัดสิ่งปฏิกูลและการสุขาภิบาลอาหาร และน้ำซึ่งอาจเนื่องมาจากมีผู้ป่วย หรือพาหะในกลุ่มคนที่มีการอพยพเคลื่อนย้าย การใช้ความพยายามในการปรับปรุงแหล่งน้ำดื่ม และการกำจัดสิ่งปฏิกูลให้ปลอดภัยจะมีประโยชน์มากกว่าการให้วัคซีนทัยฟอยด์แก่ชุมชน - จ. มาตรการควบคุมโรคระหว่างประเทศ
- นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปยังพื้นที่ที่มีมีโรคประจำถิ่น ควรได้รับวัคซีนไข้ทัยฟอยด์โดยเฉพาะ ถ้าการเดินทางนั้นมีโอกาสได้บริโภคอาหารและน้ำที่ไม่ปลอดภัยหรือต้องไปสัมผัสใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะชนบทไม่มีกฎหมายบังคับการให้ฉีดวัคซีนก่อนเข้าประเทศ
ให้ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกเรื่องไข้ทัยฟอยด์และไข้พาราทัยฟอยด์