ดาราจักร

รูปภาพของ knw32062

ดาราจักร

     ดาราจักรหรือกาแลกซี่ ( galaxy )  เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์นับล้านดวงและสสารระหว่างดาว ( คำว่า "กาแลคซี่" ที่เราใช้เรียกดาราจักรของเรานั้นมาจาก คือ galaxias (γαλαξίας) หรือ kyklos galaktikos ซึ่งมีความหมายว่า "วงกลมน้ำนม" ) ( อันเนื่องมาจากลักษณะที่ปรากฏบนท้องฟ้า ในตำนานเทพปกรณัมกรีก เทพซูสมีบุตรคนหนึ่งกับสตรีชาวมนุษย์ คือ เฮราคลีส พระองค์วางบุตรผู้เป็นทารกบนทรวงอกของเทพีเฮราขณะที่นางหลับ เพื่อให้ทารกได้ดื่มน้ำนมของนางและจะได้เป็นอมตะ เมื่อเฮราตื่นขึ้นและพบว่าทารกแปลกหน้ากำลังดื่มนมจากอกนาง ก็ผลักทารกนั้นออกไป สายน้ำนมกระเซ็นออกไปบนฟากฟ้ายามราตรี เกิดเป็นแถบแสงจางๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า "ทางน้ำนม" ) 

     ในอดีตมีการแบ่งดาราจักรเป็นชนิดต่างๆ ซึ่งแบ่งตามลักษณะของดาราจักรที่มองเห็น โดยจะแบ่งได้ 5 ประเภทดังนี้

1.ดาราจักรี ( elliptical galaxy )

 

2.ดาราชนิดก้อหอย ( spiral galaxy )

3.ดาราจักรแปลก ( peculiar galaxy )

4.ดาราจักรชนิดดาวกระจาย ( starburst galaxy )

5.ดาราจักรไร้รูปแบบ ( irregular galaxy )

     เชื่อกันว่าในเอกภพมีดารจักรประมาณ 100000 ล้านแห่ง และดาราจักรส่วนใหญ่ยีงมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1000 - 100000 พาร์เซกอีกทั้ยังห่างกันอีกเป็นล้านพาร์เซก ( หรือเรียกว่า เมกะพาร์เซก ) ในช่องว่างระหว่างดาราจักรจะมีแก๊สเบาบางมีความหนาแน่นเฉลี่ยต่ำกว่า 1 อะตอมต่อลูกบาศ์กเมตร

     ดาราจักรส่วนใหญ่รวมกลุ่มกันเรียกว่า "กระจุกดาราจักร" ( cluster ) แต่ในบางครั้งกลุ่มของดาราจักรนี้อาจมีขนาดใหญ่มาก เรียกว่า "กลุ่มกระจุกดาราจักร" ( supercluster ) โครงสร้างขนาดใหญ่ขึ้นไปกว่านั้นเป็นกลุ่มดาราจักรที่เชื่อมโยงถึงกันเรียกว่า "ใยเอกภพ" ( filament ) ซึ่งกระจายอยู่ครอบคลุมบริเวณเอกภพ

งานวิจัยยุคใหม่ 

     ในปี ค.ศ. 1944 เฮนดริค ฟาน เดอ ฮัลสต์ ได้ทำนายการแผ่รังสีของคลื่นไมโครเวฟ ว่าเป็นผลจากอะตอมของแก๊สไฮโดรเจนระหว่างดาว

     ในปี ค.ศ. 1951 ได้พัฒนาการศึกษาเกี่ยวกับทางช้างเผือกมากขึ้นโดยใช้การสังเกตุการณ์ในปี ค.ศ. 1944 และในการศึกษาครั้งนี้สามารถนำไปสู่สมมุติฐานที่ว่ามีโครงสร้างรูปคานหมุนอยู่ที่กลางดาราจักร

     ณ ช่วงทศวรรษ 1970 เวอรา รูบิน ได้ศึกษาเรื่องความเร็วของการหมุนของแก๊สในดาราจักร ปรากฏว่าเธอได้พบว่ามวลที่สังเกตุได้ทั้งหมดนั้น มันไม่สอดคล้องกับความเร็วในการหมุนของแก๊ส  ในการวิจัยครั้งนี้ทำให้รู้ว่าการมีอยู่ของสสารมืดที่มองไม่เห็นจำนวนมหาศาส

     นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ได้มีการสร้างกล้องโทรทัศน์อวกาศ สร้างโดย เอ็ดวิน พาเวลล์ ฮับเบิล (Edwin Powell Hubble) เพื่อช่วยการสังเกตุการณ์ การค้นพบนั้นก็คือ สสารมืดที่หายไปในดาราจักรของเราไม่อาจเป็นเพียงดาวฤกษ์เล็ก ๆ ที่จางมากแต่เพียงอย่างเดียวโดยการสังเกตการณ์อวกาศห้วงลึกของฮับเบิล (Hubble Deep Field: HDF) ซึ่งเป็นการถ่ายภาพโดยเปิดรับแสงเป็นเวลานานในพื้นที่ที่ดูว่างเปล่าบนท้องฟ้า ได้เผยให้เห็นว่ามีดาราจักรอื่นอีกราว 125,000 ล้านแห่งในเอกภพแห่งนี้

     ดั้งนั้นจึงมีการปรับปรุงเทคโนโลยีให้ก้าวหน้าขึ้นเพื่อช่วยในการตรวจจับภาพสเปกตรัมซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น กล้องโทรทรรศน์วิทยุ กล้องอินฟราเรด และกล้องโทรทัศน์รังสีเอ็กเรย์ เป็นต้น กล้องต่างๆเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถหาดารจักรใหม่ๆที่อยู่ในเขตบดบัง ซึ่งกล้องของฮัมเบิลตรวจไม่พบ

อ้างอิง : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3#.E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.81.E0.B9.88.E0.B8.AD.E0.B8.81.E0.B8.B3.E0.B9.80.E0.B8.99.E0.B8.B4.E0.B8.94

กระทัดรัด ดีครับ ^^

รูปภาพของ knw32090

อ่านเข้าใจง่ายดี

 

ภาพสวย

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 420 คน กำลังออนไลน์