ดาราจักร
ดาราจักร
ดาราจักรหรือกาแลกซี่ ( galaxy ) เป็นกลุ่มของดาวฤกษ์นับล้านดวงและสสารระหว่างดาว ( คำว่า "กาแลคซี่" ที่เราใช้เรียกดาราจักรของเรานั้นมาจาก คือ galaxias (γαλαξίας) หรือ kyklos galaktikos ซึ่งมีความหมายว่า "วงกลมน้ำนม" ) ( อันเนื่องมาจากลักษณะที่ปรากฏบนท้องฟ้า ในตำนานเทพปกรณัมกรีก เทพซูสมีบุตรคนหนึ่งกับสตรีชาวมนุษย์ คือ เฮราคลีส พระองค์วางบุตรผู้เป็นทารกบนทรวงอกของเทพีเฮราขณะที่นางหลับ เพื่อให้ทารกได้ดื่มน้ำนมของนางและจะได้เป็นอมตะ เมื่อเฮราตื่นขึ้นและพบว่าทารกแปลกหน้ากำลังดื่มนมจากอกนาง ก็ผลักทารกนั้นออกไป สายน้ำนมกระเซ็นออกไปบนฟากฟ้ายามราตรี เกิดเป็นแถบแสงจางๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า "ทางน้ำนม" )
ในอดีตมีการแบ่งดาราจักรเป็นชนิดต่างๆ ซึ่งแบ่งตามลักษณะของดาราจักรที่มองเห็น โดยจะแบ่งได้ 5 ประเภทดังนี้
1.ดาราจักรี ( elliptical galaxy )
2.ดาราชนิดก้อหอย ( spiral galaxy )
3.ดาราจักรแปลก ( peculiar galaxy )
4.ดาราจักรชนิดดาวกระจาย ( starburst galaxy )
5.ดาราจักรไร้รูปแบบ ( irregular galaxy )
เชื่อกันว่าในเอกภพมีดารจักรประมาณ 100000 ล้านแห่ง และดาราจักรส่วนใหญ่ยีงมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1000 - 100000 พาร์เซกอีกทั้ยังห่างกันอีกเป็นล้านพาร์เซก ( หรือเรียกว่า เมกะพาร์เซก ) ในช่องว่างระหว่างดาราจักรจะมีแก๊สเบาบางมีความหนาแน่นเฉลี่ยต่ำกว่า 1 อะตอมต่อลูกบาศ์กเมตร
ดาราจักรส่วนใหญ่รวมกลุ่มกันเรียกว่า "กระจุกดาราจักร" ( cluster ) แต่ในบางครั้งกลุ่มของดาราจักรนี้อาจมีขนาดใหญ่มาก เรียกว่า "กลุ่มกระจุกดาราจักร" ( supercluster ) โครงสร้างขนาดใหญ่ขึ้นไปกว่านั้นเป็นกลุ่มดาราจักรที่เชื่อมโยงถึงกันเรียกว่า "ใยเอกภพ" ( filament ) ซึ่งกระจายอยู่ครอบคลุมบริเวณเอกภพ
งานวิจัยยุคใหม่
ในปี ค.ศ. 1944 เฮนดริค ฟาน เดอ ฮัลสต์ ได้ทำนายการแผ่รังสีของคลื่นไมโครเวฟ ว่าเป็นผลจากอะตอมของแก๊สไฮโดรเจนระหว่างดาว
ในปี ค.ศ. 1951 ได้พัฒนาการศึกษาเกี่ยวกับทางช้างเผือกมากขึ้นโดยใช้การสังเกตุการณ์ในปี ค.ศ. 1944 และในการศึกษาครั้งนี้สามารถนำไปสู่สมมุติฐานที่ว่ามีโครงสร้างรูปคานหมุนอยู่ที่กลางดาราจักร
ณ ช่วงทศวรรษ 1970 เวอรา รูบิน ได้ศึกษาเรื่องความเร็วของการหมุนของแก๊สในดาราจักร ปรากฏว่าเธอได้พบว่ามวลที่สังเกตุได้ทั้งหมดนั้น มันไม่สอดคล้องกับความเร็วในการหมุนของแก๊ส ในการวิจัยครั้งนี้ทำให้รู้ว่าการมีอยู่ของสสารมืดที่มองไม่เห็นจำนวนมหาศาส
นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ได้มีการสร้างกล้องโทรทัศน์อวกาศ สร้างโดย เอ็ดวิน พาเวลล์ ฮับเบิล (Edwin Powell Hubble) เพื่อช่วยการสังเกตุการณ์ การค้นพบนั้นก็คือ สสารมืดที่หายไปในดาราจักรของเราไม่อาจเป็นเพียงดาวฤกษ์เล็ก ๆ ที่จางมากแต่เพียงอย่างเดียวโดยการสังเกตการณ์อวกาศห้วงลึกของฮับเบิล (Hubble Deep Field: HDF) ซึ่งเป็นการถ่ายภาพโดยเปิดรับแสงเป็นเวลานานในพื้นที่ที่ดูว่างเปล่าบนท้องฟ้า ได้เผยให้เห็นว่ามีดาราจักรอื่นอีกราว 125,000 ล้านแห่งในเอกภพแห่งนี้
ดั้งนั้นจึงมีการปรับปรุงเทคโนโลยีให้ก้าวหน้าขึ้นเพื่อช่วยในการตรวจจับภาพสเปกตรัมซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น กล้องโทรทรรศน์วิทยุ กล้องอินฟราเรด และกล้องโทรทัศน์รังสีเอ็กเรย์ เป็นต้น กล้องต่างๆเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถหาดารจักรใหม่ๆที่อยู่ในเขตบดบัง ซึ่งกล้องของฮัมเบิลตรวจไม่พบ
กระทัดรัด ดีครับ ^^
อ่านเข้าใจง่ายดี
ภาพสวย