• user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('วัดป่าประดู่', 'node/88047', '', '3.142.156.177', 0, '66add8dc7576efd2d64e0303290e75d9', 129, 1716734495) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:d90e3669a25a32fe2b97ae7650bc6148' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><span lang=\"TH\"></span><o:p> </o:p></span> <span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p>  </o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p></o:p></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"600\" src=\"/files/u16287/c6x19_copy.jpg\" height=\"186\" /> \n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><span style=\"color: #ff00ff\"> </span></span><span style=\"color: #ff00ff\"></span><span style=\"color: #ff00ff\"> </span>\n</div>\n<p></p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff00ff\">               <span style=\"color: #ff0000\"> </span><span style=\"color: #008000\">เด็กหลอดแก้ว หรือ การปฏิสนธิภายในแก้ว (In Vitro Fertilisation/Fertilization - IVF)   คือ  เทคนิคของการปฏิสนธิ   <br />\n  <br />\n</span></span><span style=\"color: #ff00ff\"><span style=\"color: #008000\">สังเคราะห์ โดยการนำเซลล์ไข่ซึ่งถูกปฏิสนธิภายนอกร่างกายของผู้หญิง วิธีการนี้คือวิธีหลักๆ ในการแก้ไขปัญหาการที่ผู้หญิงนั้นไม่<br />\n  <br />\nสามารถมีบุตรได้ (Infertility)  โดยสรุปแล้ว กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมกระบวนการการผลิตไข่ของสตรี ด้วยการนำไข่ออก<br />\n <br />\nมาจากผู้หญิง และปล่อยให้สเปิร์ม นั้นกระทำการปฏิสนธิกับไข่ของเพศหญิงภายในภาชนะบรรจุของเหลว หลังจากนั้น จึงถ่าย ไข่ที่ได้<br />\n  <br />\nรับการปฏิสนธิแล้ว หรือเอ็มบริโอ ไปยังมดลูกของผู้ป่วย เพื่อทำให้การตั้งครรภ์นั้นสมบูรณ์</span></span>\n</p>\n<p><span style=\"color: #ff00ff\"></span></p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\">               &quot;In Vitro&quot; เป็น</span><a href=\"http://th.wikipedia.org/wiki/ภาษาละติน\" title=\"ภาษาละติน\"><span style=\"color: #008000\">ภาษาละติน</span></a><span style=\"color: #008000\">แปลว่า &quot;ภายนอกสิ่งมีชีวิต&quot; (ในที่นี้มักถูกแปลว่าอยู่ภายใน</span><a href=\"http://th.wikipedia.org/wiki/แก้ว\" title=\"แก้ว\"><span style=\"color: #008000\">แก้ว</span></a><span style=\"color: #008000\"> หรือถายใน) ซึ่งตรงข้ามกับ<br />\n <br />\nin vivo แปลว่า &quot;ภายในสิ่งมีชีวิต&quot; แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งแก้วและหลอดทดลองต่างไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับการทำเด็กหลอดแก้ว</span>\n</p>\n<p></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"300\" src=\"/files/u16287/1ivf12222.jpg\" height=\"300\" /> \n</div>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #0000ff\"> ที่มาภาพ</span>  <a href=\"http://www.medicaltourismforyou.com/images/1ivf.jpg\">http://www.medicaltourismforyou.com/images/1ivf.jpg</a>\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>\n<strong><span style=\"color: #ff00ff\"> เด็กหลอดแก้วคืออะไร</span></strong>\n</p>\n<p>\n              <span style=\"color: #ff0000\">  เป็นการรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์โดยนำไข่ที่ดีและตัวอสุจิที่แข็งแรงมาช่วยทำการ</span></p>\n<p>ปฏิสนธิภายนอกร่างกาย ในห้องปฏิบัติการ (IVF)เพื่อให้เกิดตัวอ่อน (EMBRYO) ของทารก จากนั้นย้ายตัวอ่อนกลับเข้าโพรงมดลูกเพื่อ</p>\n<p>การฝังตัว\n</p>\n<p>\n<br />\n<strong><span style=\"color: #ff00ff\">การทำเด็กหลอดแก้ว</span></strong>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\"><span style=\"color: #ff0000\"><span style=\"color: #ff0000\"><span style=\"color: #ff00ff\"></span></span></span></span>\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<p align=\"left\">\n               <span style=\"color: #ff0000\">  ปัจจุบันเป็นที่ยอรับกันทั่วไปว่า การรักษาภาวะมีบุตรยากที่ให้ผลสำเร็จดี คือ การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ร่วมกับการ</span></p>\n<p>ใส่ตัวอ่อนกลับในระยะ blastocyst (5 วันหลังการปฏิสนธิ) การเลี้ยงตัวอ่อนจนถึงระยะฝังตัว (Blastocyst) เป็นกระบวนการที่นำไข่และ</p>\n<p>อสุจิมาทำการปฏิสนธิภายนอกร่างกายและเลี้ยงตัวอ่อนภายนอกร่างกายนาน 5 วัน ให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตจนถึงระยะพร้อมจะฝังตัว ที่</p>\n<p>เรียกว่า Blastocyst ก่อนจะใส่คืนเข้าไปในโพรงมดลูก\n</p>\n<p align=\"left\">\n&nbsp;\n</p>\n<p><img border=\"0\" width=\"600\" src=\"/files/u16287/62654646_resize.jpg\" height=\"231\" /> \n</p></div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>\n         <span style=\"color: #800080\"> <span style=\"color: #ff00ff\">ที่มาภาพ</span></span> <a href=\"http://www.babble.com/CS/blogs/strollerderby/2008/11/ivf.jpg\">http://www.babble.com/CS/blogs/strollerderby/2008/11/ivf.jpg</a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n         <a href=\"http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:IVF.gif\"><u><span style=\"color: #810081\">http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:IVF.gif</span></u></a>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\">เราจะเลือกวิธีนี้เมื่อไร</span></strong>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">การเลือกการรักษาโดยการทำเด็กหลอดแก้ว จะพิจารณาจากปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะมีบุตรยากในคู่สมรสได้แก่</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">1. ระบบท่อนำไข่ เช่น มีการอุดตัน หรือเคยรับการผ่าตัด</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">2. เชื้ออสุจิผิดปกติ เช่น จำนวนน้อย รูปร่างผิดปกติ การเคลื่อนไหวน้อย</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">3. ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">4. ระบบฮอร์โมนรังไข่ เช่น ภาวะไม่ตกไข่เรื้อรัง</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">5. ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">6. การทำผสมเทียมไม่สำเร็จ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">7. ความจำเป็นในการรักษาโดยใช้ไข่หรือตัวอ่อนบริจาค</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">8. การรักษาโรคทางพันธุกรรมโดยการทำ EMBRYO BIOPSY</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">9. ภาวะที่ไม่ทราบสาเหตุของการมีบุตรยาก</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\"></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\">ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว</span></strong> \n</p>\n<p>\n                   <span style=\"color: #0000ff\">หลังจากประเมินแล้วว่าฝ่ายชายสามารถผลิตอสุจิได้ ฝ่ายหญิงมีรังไข่ที่ยังทำงานผลิตไข่ได้มีมดลูกที่ตั้งครรภ์ได้และ</span></p>\n<p>สุขภาพไม่เป็oอุปสรรคต่อการตั้งครรภ์แล้ว มีขั้นตอนดังนี้\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\"> ขั้นตอนที่ 1   กระตุ้นรังไข่</span> \n</p>\n<p>\n                 <span style=\"color: #0000ff\"> เพื่อให้ไข่ในรังไข่เจริญคราวละหลาย ๆ ฟอง  (ตามธรรมชาติ จะมีการเจริญขึ้นคราวละฟองเดียว)เมื่อกระตุ้นให้ได้ไข่</span></p>\n<p>หลาย ๆ ฟองก็สามารถทำปฏิสนธิให้เกิดตัวอ่อนได้หลายตัวอ่อนในคราวเดียวกัน  และสามารถใส่ตัวอ่อนในโพรงมดลูกได้คราวละมากกว่า  <br />\n1  ตัวอ่อน  เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ และเก็บแช่แข็งตัวอ่อนที่เหลือไว้ใช้ต่อได้ด้วย\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">                 หลักการคือพยายามกระตุ้นไข่ให้เจริญเติบโตคราวละหลาย  ๆ ฟอง  และในขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้ฮอร์โมนของรังไข่</span></p>\n<p>ตอบสนองผิดปกติ หรือ มีการตกไข่ก่อนเวลาอันควร (เราต้องการกำหนดเวลาที่ไข่ควรจะตก  เพื่อจะได้เจาะดูดเอาไข่ออกมาก่อนที่มันจะ</p>\n<p>ตกหายไปในช่องท้อง)  ต้องป้องกันไม่ให้เกิดภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (Ovarian Hyperstimulation Syndrome - OHSS)   </p>\n<p>และระวังอาการจากการแพ้ยา\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">                 มีหลายเหตุการณ์ที่การกระตุ้นรังไข่เพื่อทำเด็กหลอดแก้วต้องหยุดกลางคัน  และยกเลิกในรอบนั้น ๆ เช่น รังไข่ถูกกระตุ้น</span></p>\n<p>มากเกินไป (ฮอร์โมนขึ้นมากเกิน) หรือ น้อยเกินไป (ได้ไข่เพียง 1-2 ฟอง) เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย  หรือเพื่อไม่ให้เกิดความไม่คุ้มค่า  จำ</p>\n<p>เป็นต้องหยุดยาฉีด  และไม่มีการเจาะไข่  หรือมีการตอบสนองของรังไข่ต่อยาผิดปกติ  ทำให้ฮอร์โมนผิดปกติ  หรือไข่ตกก่อนกำหนดที่</p>\n<p>เราคาดการณ์ไว้\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">                 สิ่งที่เราใช้ เป็นเครื่องชี้วัดความพอดี  คือ จำนวนไข่ที่ถูกกระตุ้นขึ้นมา  และระดับฮอร์โมนที่สูงในเลือด ขณะไข่หลายฟอง</span></p>\n<p>กำลังเจริญเติบโต  นั่นคือ  ท่านจะได้รับการทำอัลตราซาวนด์และการตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนเป็นระยะ ๆ (ฮอร์โมนเอสโตรเจน)  และ</p>\n<p>คอยดูผลข้างเคียงของยาที่ให้  ที่อาจเกิดขึ้นได้แก่  น้ำหนักขึ้น บวมน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดท้องน้อย เจ็บคัดเต้านม อารมณ์</p>\n<p>แปรปรวน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย  เป็นต้น\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">                 ผลข้างเคียงจากการฉีดยากระตุ้นรังไข่  คือ  อาการรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป การเกิดอาการนี้จะมีระดับฮอร์โมนเอส-</span></p>\n<p>โตรเจนสูงมากเกินไปร่วมกับมีการฉีด HCG เพื่อทำให้ไข่ตกเกิดขึ้น  ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนคือ\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">     1. มีการคั่งของน้ำในร่างกาย  และรั่วเข้ามาในช่องท้อง อาจรั่วเข้ามาในช่องปอดด้วย  ทำให้อึดอัดท้องและหายใจลำบาก</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">     2. น้ำไหลออกจากเส้นเลือด  ทำให้เลือดข้นเกินไป  การไหลเวียนไม่ดี  ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือดในเส้นเลือด  เกิดภาวะอุดตัน</span></p>\n<p>        และก้อนเลือดอาจหลุดไปอุดที่ปอดหรือที่สมองได้  อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต  หรือพิการ\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">     3. รังไข่โตเกินขนาดทำให้มีโอกาสถุงรังไข่แตกหรือมีการปิดที่รังไข่ได้ (ทำให้ต้องผ่าตัดฉุกเฉิน) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">อาการทั้ง 3 อย่างนี้  อาจจะต้องทำให้คนไข้อยู่โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวนานขึ้นเพื่อคอยเฝ้าระวังไม่ให้เกิดอาการดังกล่าวข้างต้น  จึงต้อง</span></p>\n<p>มีการตรวจและเฝ้าระวัง   คือ  การเจาะเลือดตรวจระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและทำอัลตราซาวนด์รังไข่บ่อย ๆ การตรวจทั้ง 2 อย่างนี้นอก</p>\n<p>จากจะระวังเรื่องรังไข่ตอบสนองมากเกินไปแล้ว  ยังช่วยบอกจำนวนและขนาดของรังไข่ที่ถูกกระตุ้น  และระยะเวลาที่เหมาะสมในการให้</p>\n<p>ยาทำให้ไข่สุก  และเวลาในการเจาะไข่ด้วย  การเจาะเลือดบางทีก็ตรวจระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและ LH ด้วย  (ระยะการกระตุ้นไข่</p>\n<p>จะอยู่ประมาณ 7-12 วัน)  \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">ผลข้างเคียง   การเจาะเลือดเพื่อการตรวจฮอร์โมน เช่น </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">1. เจ็บที่เข็มแทง</span></p>\n<p>2. ผิวหนัง ที่เจาะเลือดมีการอักเสบ  ทำให้เจ็บ</p>\n<p>3. เส้นเลือดแตก  เกิดรอยห้อเลือด</p>\n<p>4. ทำให้เลือดแข็งตัวในเส้นเลือดดำทำให้มีอาการเจ็บบริเวณนั้นได้\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">การกระตุ้นรังไข่ด้วยยากระตุ้นการตกไข่  อาจทำให้ไข่หรือถุงไข่โต และไข่ตกหลายฟองในคราวเดียวได้  การที่มีไข่ตกหลายฟองในคราว</span></p>\n<p>เดียวกัน  จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จ  แต่ก็มีโอกาสเกิดครรภ์แฝดได้  สถิติพบครรภ์แฝดจากการผสมเทียมในหลอดแก้ว  20-30%  ของ</p>\n<p>การตั้งครรภ์  แต่เราจะพยายามไม่ใส่ตัวอ่อนเกินคราวละ    3  ฟอง  เพราะกลัวจะเกิดครรภ์แฝดหลายคนเกินไป  และเกิดอันตรายต่อแม่</p>\n<p>และทารกได้\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\">  ขั้นตอนที่  2   การเจาะไข่</span>\n</p>\n<p>\n                  <span style=\"color: #0000ff\"> การจะได้ไข่มาผสมกับอสุจิในหลอดแก้ว จะต้องเจาะผ่านทางช่องคลอด  แล้วดูดออกมาโดยใช้เครื่อง  อัลตราซาวนด์</span></p>\n<p>คอยบอกว่าถุงไข่และปลายเข็มที่เจาะรังไข่อยู่ตำแหน่งใด  แล้วดูดเอาน้ำในถุงไข่ซึ่งมีไข่อยู่ด้วยออกมา (เจาะผ่านทางช่องคลอดเพราะรัง</p>\n<p>ไข่อยู่ใกล้บริเวณนั้น และผนังช่องคลอดบาง เจาะง่าย ผลข้างเคียงน้อย) ปกติจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ภายใต้การดมยาสลบ เมื่อ</p>\n<p>เจาะไข่ได้แล้ว ก็รวบรวมไว้ในน้ำเลี้ยงไข่ที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส เพื่อเตรียมปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิต่อไป สำหรับขั้นตอนนี้มีความเสี่ยง</p>\n<p>ต่อผลแทรกซ้อนได้คือ\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">        1. ปฏิกริยาต่อยาดมสลบผิดปกติ</span></p>\n<p>        2. ผลจากการแทงเข็มผ่านช่องคลอด เช่น มีเลือดออก มีการอักเสบ  <br />\n <br />\n        3. การแทงไปถูกอวัยวะอื่นใกล้เคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ลำไส้  กระเพาะปัสสาวะ  เส้นเลือด  เป็นต้น\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">(โอกาสดังกล่าวเกิดขึ้นน้อยมาก  แต่ต้องกล่าวไว้  เพราะมีรายงาน บางคนต้องเย็บเพื่อหยุดเลือด  หรือมีการอักเสบมาก  จนอาจต้อง</span></p>\n<p>ผ่าตัดได้)\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\">  ขั้นตอนที่ 3   การเก็บและเตรียมอสุจิ</span>\n</p>\n<p>\n                   <span style=\"color: #0000ff\">ในขณะที่มีการเก็บไข่  สามีก็จะเก็บน้ำอสุจิออกมาโดยการช่วยตัวเอง (ก่อนถึงวันนี้สามี-ภรรยาต้องงดการหลับนอนด้วย</span></p>\n<p>กันและห้ามมีการหลั่งน้ำกาม 3-5 วัน)  หลังจากเก็บน้ำเชื้อได้ก็จะถูกส่งไปห้องปฎิบัติการ เพื่อเตรียมเอาเฉพาะเชื้ออสุจิที่แข็งแรงออก</p>\n<p>มาเพื่อการผสมกับไข่ให้เกิดการปฏิสนธิ  \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">                    สามีบางคนมีความเครียดในวันนั้น  ทำให้เก็บเชื้อไม่ได้  ถ้าใครคิดว่าจะเป็นอย่างนั้นให้เก็บน้ำเชื้ออสุจิแช่แข็งในห้อง</span></p>\n<p>ปฏิบัติการของเราก่อน  ในรายที่เชื้อไม่สามารถออกมากับน้ำอสุจิ  เพราะท่ออสุจิตัน  อาจเอาเชื้อออกมาโดยการเจาะดูดจากอัณฑะโดย</p>\n<p>ตรง\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">  ขั้นตอนที่ 4    การใส่เชื้ออสุจิในไข่และการเลี้ยงตัวอ่อน</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">                   ตอนเจาะดูดไข่อาจได้ไข่ออกมาหลายฟอง ก็จะทำการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการทั้งหมดทุกฟอง  เพื่อให้ได้จำนวนตัวอ่อน</span></p>\n<p>มากที่สุด เพื่อตัวอ่อนที่เหลือจากการใส่ในโพรงมดลูกในครั้งแรก จะถูกแช่แข็งไว้แล้วนำกลับมาใส่ใหม่ในครั้งต่อไป การให้มีปฎิสนธิอาจ</p>\n<p>ทำได้โดยการนำเชื้ออสุจิที่แข็งแรงใส่ปนไปกับไข่ให้ปฎิสนธิกันเอง (ในกรณีการตรวจเชื้ออสุจิปกติ  หรือแข็งแรงดี) หรือทำ ICSI กรณีที่</p>\n<p>เชื้อไม่แข็งแรงพอ\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">                  วันรุ่งขึ้นหลังจากใส่เชื้ออสุจิรวมกับไข่ในหลอดแก้ว หรือ ทำ ICSI แล้ว ก็จะสามารถตรวจดูได้ว่ามีการปฏิสนธิหรือไม่ โดย</span></p>\n<p>จะเห็นโปรนิวเคลียสของไข่และของอสุจิอยู่คู่กันในเซลล์ไข่ (เรียกเซลล์นี้ว่า Zygote) หลังจากนั้นจะปล่อยให้ Zygote เจริญและแบ่งตัว</p>\n<p>ต่อไปอีก 2 วัน (เรียกตอนนี้ว่า ตัวอ่อน - Embryo) เป็น 4-8 เซลล์แล้วจึงนำไปใส่ในโพรงมดลูกของแม่  \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">                   บางคนต้องการจะเลี้ยงตัวอ่อนต่อไปอีก 2 วัน เพื่อให้เจริญเป็นบลาสโตซิสต์ (Blastocyst) แล้วนำไปใส่ในโพรงมดลูก </span></p>\n<p>เพื่อหวังว่าจะมีการตั้งครรภ์มากขึ้นก็ได้ แต่การเลี้ยงจนถึงบลาสโตซิสต์อาจเหลือจำนวนบลาสโตซิสต์น้อยลง (บางตัวหยุดการเจริญไป</p>\n<p>ก่อนจะเป็นบลาสโตซิสต์ เพราะความไม่สมบูรณ์ของตัวอ่อนหรือจากสิ่งแวดล้อมในหลอดแก้ว ที่ไม่เหมือนธรรมชาติ 100 %อยู่แล้ว) \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">การใส่บลาสโตซิสต์อาจทำให้อัตราการตั้งครรภ์ต่อการใส่ตัวอ่อนแต่ละครั้งสูงขึ้น 10-20%  ซึ่งพ่อแม่จะต้องยอมรับที่ตัวอ่อนจะสลายไป</span></p>\n<p>บ้างก่อนได้บลาสโตซิสต์  และเป็นเรื่องที่ควรจะคุยปรึกษากันกับแพทย์ในกรณีมีการปฏิสนธิในไข่หลาย ๆ ฟอง\n</p>\n<p>\n  <span style=\"color: #ff0000\"> ขั้นตอนที่ 5    การใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูก</span>\n</p>\n<p>\n                   <span style=\"color: #0000ff\">  ตัวอ่อนจะถูกใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูกในวันที่ 3 หรือวันที่ 5 หลังจากเจาะดูดออกมาจากรังไข่  ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงตัว</span></p>\n<p>อ่อนถึง 4-8 เซลล์ หรือถึง บลาสโตซิสต์  ตัวอ่อนจะถูกใส่เข้าในโพรงมดลูกโดยใส่ผ่านท่อพลาสติกเล็ก ๆ สอดเข้าทางปากมดลูก ขั้นตอน</p>\n<p>นี้ใช้เวลาไม่มาก ไม่ต้องใช้ยาสลบ เพราะไม่เจ็บและไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลค้างคืน จำนวนตัวอ่อนที่ใส่ในแต่ละคราวจะไม่ให้เกิน </p>\n<p>2-4 ตัวอ่อน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แฝดเด็กคราวละหลายคนเกินไป\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">                     ขณะใส่ตัวอ่อนอาจมีการบีบตัวของมดลูก  ทำให้มีอาการปวดได้บ้าง การบีบตัวของมดลูกนี้อาจบีบให้ตัวอ่อนเข้าไปใน</span></p>\n<p>ท่อนำไข่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ตั้งครรภ์นอกมดลูกได้บางราย (มีอุบัติการณ์ 2-5% ของการตั้งครรภ์) ดังนั้นเมื่อตั้งครรภ์โดยทำเด็กหลอด</p>\n<p>แก้ว ต้องคอยดูด้วยว่ามีการตั้งครรภ์นอกมดลูกแฝงอยู่ด้วยหรือไม่ (ซึ่งวินิจฉัยในระยะแรกได้ค่อนข้างยาก  มักตรวจพบเมื่อท่อนำไข่ตรงที่</p>\n<p>ตัวอ่อนไปฝังตัวถูกยืดมาก หรือจนแตกแล้ว)\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">                     เมื่อใส่ตัวอ่อนในโพรงมดลูกแล้ว แม่จะต้องได้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเสริม อาจเป็นการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ/รับประทาน </span></p>\n<p>หรือสอดใส่ทางช่องคลอด ในรูปของยาเม็ดหรือเจลเพื่อเสริมฮอร์โมนกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกมีความสมบูรณ์ที่จะเลี้ยงตัวอ่อนได้ดี  \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">เมื่อถึง 2 สัปดาห์หลังจากดูดเจาะไข่ จะให้ตรวจเลือดดูฮอร์โมนการตั้งครรภ์ (BHCG) ถ้ามีการตั้งครรภ์จะให้ฮอร์โมนเสริมต่อไปอีก จนตั้ง</span></p>\n<p>ครรภ์ 8-12 สัปดาห์จึงหยุดให้เพราะหลังจากนั้นฮอร์โมนจากรกเลี้ยงตัวอ่อนได้เองพอเพียงแล้ว\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\">  ขั้นตอนที่ 6    การช่วยเพิ่มฮอร์โมน Progesterone</span> \n</p>\n<p>\n                <span style=\"color: #0000ff\">   เพื่อกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกสมบูรณ์โดยการฉีด, รับประทาน หรือ ใส่ยาเข้าในช่องคลอด  เพราะขบวนการเจาะไข่อาจ</span></p>\n<p>ทำให้เกิดเซลล์ที่สร้างโปรเจสเตอโรนของรังไข่ลดน้อยลง  จะให้จนแน่ใจว่ารกของทารกสร้างฮอร์โมนได้เพียงพอแล้ว\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">ยาโปรเจสเตอโรน  อาจมีอาการข้างเคียง  ดังนี้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">1. ช่องคลอดแห้ง</span></p>\n<p>2. ท้องอืด</p>\n<p>3. อาการหดหู่  อารมณ์แปรปรวน</p>\n<p>4. ประจำเดือนอาจมาช้าไปบ้าง \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">เปอร์เซ็นต์การตั้งครรภ์ในแต่ละครั้งแปรตามจำนวนตัวอ่อนที่ใส่เข้าไป แต่ถ้าใส่มากเกินก็เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์แฝดที่มีเด็กมากเกิน  ซึ่งเสี่ยง</span></p>\n<p>ต่อการแท้ง  การคลอดก่อนกำหนด ฯลฯ (ดูเรื่องครรภ์แฝด) และค่าใช้จ่ายที่อาจจะต้องนอนโรงพยาบาลนานก่อนคลอด  เด็กได้รับการ</p>\n<p>บริบาลนานและนอนโรงพยาบาลนานเพราะคลอดก่อนกำหนด  และความยากลำบากในการเลี้ยงลูกคราวเดียวหลายคน\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">นอกจากนี้เมื่อตั้งครรภ์จากการทำเด็กหลอดแก้วแล้วก็มีโอกาสแท้งเหมือนกับการตั้งครรภ์โดยธรรมชาติ มีโอกาสท้องทั้งในและนอกมดลูก <br />\n( ถ้าเป็นท้องนอกมดลูกก็จำเป็นต้องรักษาโดยการส่องกล้องเข้าไปในช่องท้องเพื่อรักษา หรือวิธีอื่น แล้วแต่กรณี )</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">ในกรณีที่มีตัวอ่อนเหลือแต่ละครั้ง  คนไข้อาจจะเลือกตัดสินใจว่า</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">1. แช่แข็งไว้ใส่ครั้งต่อไป</span></p>\n<p>2. บริจาคให้คนอื่นที่ต้องการตัวอ่อน ( ซึ่งตามหลักการเราจะไม่ให้รู้ว่าให้กับใครและไม่ให้คนได้ตัวอ่อนทราบด้วยว่าได้จากใครเพื่อ</p>\n<p>   ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดในภายหลัง) </p>\n<p>3. ปล่อยให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตในห้องทดลองจนหยุดการแบ่งตัวและสลายไปเอง \n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"491\" src=\"/files/u16287/flower_wind.gif\" height=\"37\" />\n</div>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><span lang=\"TH\"></span><o:p></o:p></span></p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\">\n<strong><span style=\"color: #008000\">อัตราการประสบความสำเร็จ</span></strong><br />\n              <br />\n          <span style=\"color: #ff00ff\">ในแต่ละรอบเดือนที่มีการเก็บไข่ และย้ายตัวอ่อน จะมีอัตราการตั้งครรภ์ประมาณ 25-40 % ทั้งนี้ขึ้นกับอายุของฝ่ายหญิงด้วย</span>\n</p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"></span>\n</p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\">\n&nbsp;\n</p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"color: #008000\"><strong>การตั้งครรภ์จากเด็กหลอดแก้วจะปกติหรือไม่</strong></span><br />\n              <br />\n          <span style=\"color: #ff00ff\">ผู้ที่ตั้งครรภ์จากการรักษาวิธีนี้ จะมีโอกาสแท้งบุตรประมาณร้อยละ 15-20 จากข้อมูลจนถึงปัจจุบัน ทารกที่เกิดมาจะมีโอกาส</span></p>\n<p>เกิดความพิการไม่แตกต่างจากการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ และพัฒนาการของเด็กก็เป็นปกติ<br />\n \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #008000\"><strong>สรุป</strong></span>\n</p>\n<p>\n          <span style=\"color: #ff00ff\">การทำเด็กหลอดแก้วเป็นกระบวนการสุดท้ายที่การรักษาโดยวิธีธรรมดาที่ง่ายกว่าแล้วไม่ตั้งครรภ์  ซึ่งได้แก่ การคะเนการตกไข่</span></p>\n<p>และมีเพศสัมพันธ์ การกระตุ้นการตกไข่  การผ่าตัดแก้ไขอวัยวะที่ผิดปกติ  การผสมเทียมโดยการฉีดเชื้อ  เป็นต้น  ซึ่งสาเหตุของการมี</p>\n<p>บุตรยากมีมากมาย  และมีความรุนแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการตั้งครรภ์ของแต่ละคนแตกต่างกัน มีขบวนการที่แตกแขนงออกไปเช่น การทำ </p>\n<p>ICSI  ZIFT  GIFT  TESE ฯลฯ   ถึงกระนั้นการทำเด็กหลอดแก้วก็ไม่ใช่จะได้ผลสำเร็จเป็นส่วนใหญ่  จะต้องอาศัยความร่วมมือและความ</p>\n<p>อดทนสูงของคู่สมรสด้วย  แต่เมื่อตั้งครรภ์แล้วโอกาสปกติและผิดปกติของเด็กเหมือนกับการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ  ยกเว้นที่เกี่ยวข้องกับ</p>\n<p>การตั้งครรภ์แฝดที่เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้วจะมีมากกว่า\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"273\" src=\"/files/u16287/1055938b18bdrdis9.gif\" height=\"120\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>\n   <span style=\"color: #ff0000\">ขอบคุณที่มาจาก</span> <a href=\"http://www.thainn.com/blog.php?m=viola&amp;d=15367\"><span style=\"font-size: small; color: #800080; font-family: Calibri\"><u>http://www.thainn.com/blog.php?m=viola&amp;d=15367</u></span></a>\n</p>\n<p style=\"margin: 0cm 0cm 10pt\" class=\"MsoNormal\">\n                        <a href=\"http://www.vibhavadi.com/fertility/knowledge_detail.php?topic=&amp;id=125\"><u><span style=\"font-size: small; color: #800080; font-family: Calibri\">http://www.vibhavadi.com/fertility/knowledge_detail.php?topic=&amp;id=125</span></u></a>\n</p>\n<p><o:p><span style=\"font-size: small; color: #000000; font-family: Calibri\"> </span></o:p> </p>\n<p>\n<br />\n \n</p>\n<p><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p></o:p></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p> </o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p> </o:p></span><span style=\"font-size: 16pt; color: windowtext; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p> </o:p></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p></p>\n', created = 1716734505, expire = 1716820905, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:d90e3669a25a32fe2b97ae7650bc6148' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

เด็กหลอดแก้ว

รูปภาพของ msw8003

   

 
 

                เด็กหลอดแก้ว หรือ การปฏิสนธิภายในแก้ว (In Vitro Fertilisation/Fertilization - IVF)   คือ  เทคนิคของการปฏิสนธิ   
  
สังเคราะห์ โดยการนำเซลล์ไข่ซึ่งถูกปฏิสนธิภายนอกร่างกายของผู้หญิง วิธีการนี้คือวิธีหลักๆ ในการแก้ไขปัญหาการที่ผู้หญิงนั้นไม่
 
สามารถมีบุตรได้ (Infertility)  โดยสรุปแล้ว กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมกระบวนการการผลิตไข่ของสตรี ด้วยการนำไข่ออก
 
มาจากผู้หญิง และปล่อยให้สเปิร์ม นั้นกระทำการปฏิสนธิกับไข่ของเพศหญิงภายในภาชนะบรรจุของเหลว หลังจากนั้น จึงถ่าย ไข่ที่ได้
 
รับการปฏิสนธิแล้ว หรือเอ็มบริโอ ไปยังมดลูกของผู้ป่วย เพื่อทำให้การตั้งครรภ์นั้นสมบูรณ์

               "In Vitro" เป็นภาษาละตินแปลว่า "ภายนอกสิ่งมีชีวิต" (ในที่นี้มักถูกแปลว่าอยู่ภายในแก้ว หรือถายใน) ซึ่งตรงข้ามกับ
 
in vivo แปลว่า "ภายในสิ่งมีชีวิต" แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งแก้วและหลอดทดลองต่างไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับการทำเด็กหลอดแก้ว

 

 ที่มาภาพ  http://www.medicaltourismforyou.com/images/1ivf.jpg

รูปภาพของ knw_32290

เนื้อหาน่าสนใจสุดขั้ว ว ว ว

;]]

 

 

http://www.thaigoodview.com/node/41235
ฝากคับ บ ฝาก

:: Virunpat Thokondee :: PATLOM* [3/5]

รูปภาพของ knw32294

เนื้อหหาดีค่ะๆๆ

 

^^

 

ฝากด้วยค่ะ

 

http://www.thaigoodview.com/node/41341

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 280 คน กำลังออนไลน์