พุทธประวัติ ตอน พระพุทธเจ้าปรินิพพาน
พระพุทธเจ้าปรินิพพาน
พระพุทธเจ้า ทรงเลือกเมืองกุสินารา เป็นสถานที่ที่จะปรินิพพาน น่าจะมาสาเหตุที่เมืองกุสินาราเป็นเมืองเล็ก มีกำลังทหารน้อย อยู่ติดชายแดน จะได้ไม่เกิดสงครามแย่งชิงพระสารีริกธาตุ เมื่อพระองค์เสด็จปรินิพพานพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน เมื่อพระชนมายุได้ 80 พรรษา ณ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเป็นที่มาของวันวิสาขบูชา ณ สวนสาลวโนทยาน เมืองกุสินารา ใต้ต้นสาละ เหลือไว้แต่พระธรรมวินัย เป็นคุณประโยชน์ของชาวโลก ก่อนปรินิพพาน พระพุทธเจ้า ให้ปัจฉิมโอวาทว่า “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราเตือนท่านทั้งหลายว่า สังขารทั้งปวงมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจของตน และของคนอื่น ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด” จากนั้นมิได้ตรัสอะไร ทรงเข้าสู่ฌานสมาบัติ และปรินิพพานในที่สุดภายหลังการปรินิพพาน พระสงฆ์ได้ตั้งศพไว้ 7 วัน แล้วนำไปถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ ด้านทิศตะวันออกของเมืองกุสินารา ในวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเป็นที่มาของวันอัฎฐมีบูชาในเวลาต่อมา เมื่อกษัตริย์และคณะราชทูตแคว้นต่าง ๆ ได้กรีฑาทัพไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ มัลกษัตริย์จะไม่ยอมโดยอ้างว่า พระพุทธเจ้ามาปรินิพพานที่เมืองของตน แต่โฑณพราหมณ์ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของกษัตริย์ทั้งหลาย ได้เจรจาไกล่เกลี่ยว่า พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญขันติธรรม และตำหนิการก่อสงคราม แล้วชวนให้สามัคคีร่วมใจกันแบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 8 ส่วน นำไปประดิษฐานยังบ้านเมืองของตน เพื่อสักการบูชาต่อไป
|
|
สุภัททะปริพพาชกเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและเป็นพระสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าบวชให้เป็นองค์สุดท้าย |
โทณพราหมณ์จัดการณ์ไกล่เกลี่ยแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ |
|