• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:d15540a624cb2a04a96e0d8b571982e5' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u7500/45_20070709223750_.gif\" width=\"181\" height=\"177\" />\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"background-color: #ffff99; color: #ff0000\">แหล่งที่มาภาพ</span></b> : <a href=\"http://images.thaiza.com/45/45_20070709223750..gif\" title=\"http://images.thaiza.com/45/45_20070709223750..gif\">http://images.thaiza.com/45/45_20070709223750..gif</a>\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"background-color: #800080; color: #ccffff\">ประวัติย่อของแตงโม</span></b><br />\nสำหรับแหล่างกำเนิดแห่งแรกของแตงโมนั้นอยู่แถบทะเลทรายคาลาฮารี<br />\nชาวอียิปต์ซึ่งอาศัยอยู่แถบแม่น้ำไนล์ เป็นชนชาติแรกที่รู้จักปลูกแตงเพื่อนำมากิน เมื่อประมาณ 4 พันกว่าปีมาแล้ว</p>\n<p>ส่วนในจีนนั้นเริ่มมีการนำแตงโมไปปลูกที่ซิ่นเกียง ในราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็ค่อยๆแพร่ลงมาทางใต้</p>\n<p>รูป ร่างของแตงโม นอกจากจะเป็นรูปกลมหรือรูปรีอย่างที่เราเคยเห็นมาแล้ว ในญี่ปุ่นและไต้หวันยังมีการปลูกแตงโมที่มีรูปร่างเหลี่ยม ซึ่งทำให้สะดวกในการบรรจุหีบห่อและขนส่ง</p>\n<p>สำหรับแตงโมที่ใหญ่ทีสุด เท่าที่เคยเก็บได้ที่รัฐคาโลไรนา ในสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่ามีน้ำหนักถึง 90 กก. ยาว 120.9 ซม. นับว่าเป็นแตงโมขนาดใหญ่มากทีเดียว\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"background-color: #800080; color: #ccffff\">สารที่พบในแตงโม</span></b><br />\nแตงโมมีน้ำถึง 96.6% ในเนื้อจะมีวิตามินเอ, บี, ซี กรดนิโคตินิค กลูโคส ฟรุคโตส ซูโครส โปรตีน คาโรทีน กรดมาลิค กรดฟอสฟอริค กรดกลูตามิค แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เซลลูโลส เป็นต้น</p>\n<p><b><span style=\"background-color: #800080; color: #ccffff\">ประโยชน์ของแตงโมในทรรศนะจีน</span></b><br />\nเนื้อ แตงโมมีรสหวาน มีคุณสมบัติเย็น จึงจัดเป็นอาหารพวกยิน ในหนังสือเภสัชวิทยาที่สำคัญของจีน เช่น เปิ่นฉ่าวไป่เอี้ยว เปิ่นฉ่าวกางมู่ ได้บันทึกไว้ว่า แตงโมดับร้อนแก้กระหายน้ำ แก้อาหารเจ็บคอ แก้ร้อนกระวนกระวาน แก้พิษสุรา แก้บิดและขับปัสสาวะ</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>\n<br />\nเมล็ดแตงโมไม่มีรสหวาน คุณสมบัติเป็นกลาง (ไม่ร้อน ไม่เย็น)<br />\n1. ถ้ามีอาการเป็นไข้ คอแห้ง เหงื่ออกมาก ร้อนกระวนกระวายให้ดื่มน้ำแตงโมต่างน้ำ จะทำให้อาการดังกล่าวลดน้อยลงหรือหายไป ดังสุภาษิตจีนที่กล่าวไว้ว่า “หน้าร้อนกินแตงโมสองชิ้น ไม่ต้องซื้อยามากิน”</p>\n<p>2. เป็นแผลในปาก ให้ใช้น้ำแตงโมอมบ่อยๆ หรือจะเอาเปลือกแตงโมผึ่งไฟหรือตากให้แห้ง บดเป็นผงแล้วทาบริเวณที่เป็น</p>\n<p>3. ในฤดูร้อนอากาศร้อน หลังจากกินแตงโมแล้วเปลือกแตงโมอย่างทิ้งขูดเอาส่วนที่เป็นเนื้อขาวทิ้ง นำเอาเปลือกไปต้มให้เดือดแล้วเติมน้ำตาลทรายลงไปพอหวาน ดื่มแทนน้ำจะทำให้ชุ่มคอ ช่วยป้องกันและลดอาการคอแห้ง เจ็บคอ แก้กระหายน้ำ และช่วยขับปัสสาวะด้วย นับว่าเป็นเครื่องดื่มชั้นดีในฤดูร้อนดีกว่าไปซื้อน้ำอัดลมกิน เป็นการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย (และรายได้มาก)</p>\n<p>4. ไตอักเสบเรื้อรัง ใช้แตงโมทั้งลูกล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เคี่ยวจนข้น แล้วเติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมลงไป (เป็นยาน้ำเชื่อม) กินวันละครั้งๆ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือจะกินเนื้อแตงโมเป็นประจำก็ได้ในปริมาณที่เหมาะกับร่างกายพอดี</p>\n<p>ผลการศึกษาพบว่า แตงโมมีน้ำตาล พวกเกลือแร่ต่างๆ (ส่วนมากเป็นเกลือของแคลเซียม) และเอนไซม์สามารถรักษาโรคไตอักเสบ และลดความดันโลหิตได้ ทั้งนี้เพราะปริมาณของน้ำตาลและเกลือโปแตสที่พอเหมาะจะสามารถขับปัสสาวะและ ลดการอักเสบของไตลงได้</p>\n<p>นอกจากนี้เอนไซม์ในแตงโมยังสามารถเปลี่ยน โปรตีนซึ่งไม่ละลายให้เป็นโปรตีนที่ละลายได้ เป็นการเพิ่มอาหารให้กับผู้ป่วยด้วย นอกจากนี้ กลัยโคไซด์ ในแตงโมสามารถลดความดันของโลหิตได้อีกด้วย</p>\n<p>5. เบาหวาน ใช้เปลือกแตงโมและเปลือกฟักเขียว อย่างละ 30 กรัม ต้มน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง</p>\n<p>6. แก้ฤทธิ์สุรา ให้กินเนื้อแตงโมสด 1/2 ถึง 1 กิโลกรัม หรือจะใช้เปลือกแตงโม 60 กรัม (สด 120 กรัม) ต้มน้ำดื่ม</p>\n<p>7. ท้องผูกในสตรีมีครรภ์ ใช้เมล็ดแตงโม 15 กรัม ตำให้แหลกละเอียดเติมน้ำผึ้ง 15 กรัม และน้ำพอประมาณ ตุ๋นนานครึ่งชั่วโมง กินวันละครั้ง 3 วันติดต่อกัน</p>\n<p>8. ประจำเดือนมากผิดปกติ ใช้เมล็ดแตงโมตากแห้ง (หรืออบแห้ง) แล้วบดเป็นผง ชงน้ำกินวันละสองครั้ง เช้า-เย็น</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>\nเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2517 บรรณาธิการข่าวต่างประเทศของหนังสือพิมพ์ “ไทม์วีคลี่” ของฟิลิปปินส์ ซึ่งได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมกับ มาดามมากอส ในระหว่าเยือนจีน เขาเกิดป่วยขึ้นอย่างกะทันหันมีอาการรุนแรงมาก (ไม่ได้บอกว่าเป็นโรคอะไร) หมอนอก จากจะให้กินยาแล้ว แตงโมก็มีส่วนร่วมในการรักษาโรคด้วย เขาหายอย่างรวดเร็ว หลังจากกลับฟิลิปปินส์ เขาได้เขียนบทความ 10 กว่าเรื่องกล่าวยกย่องแพทย์จีน อาทิเช่น “นายแพทย์ชาวจีนได้ช่วยชีวิตผม ” “แตงโมได้ช่วยชีวิตผมด้วย”</p>\n<p>ชาวจีนมักนิยมกินแตงโมโดยจิ้มกับเกลือ จะทำให้คลายร้อน แก้กระหายน้ำ กระชุ่มกระชวย</p>\n<p><b><span style=\"background-color: #ffff99; color: #ff6600\">ข้อควรระวัง</span></b><br />\nแม้ แตงโมจะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ แต่อย่ากินแตงโมมากเกินไป ทั้งนี้เพราะน้ำจากแตงโมซึ่งมีจำนวนมากจะทำให้น้ำย่อยในกรเพาะอาหารเจือจาง ลง ทำให้อาหารไม่ย่อย หรือท้องเสีย นอกจากนี้อย่ากินแตงโมดิบหรือเน่า เพราะจะทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารได้ โดยเฉพาะท้องร่วง และอาเจียน</p>\n<p>สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคเยื่อบุลำไส้อักเสบเรื้องรัง มักมีอาการท้องเสียบ่อยๆ หรือมีความดันโลหิตต่ำ มีร่างกายอ่อนแอ หรือมีอาการที่แพทย์จีนเรียกว่า ม้ามพร้อง คือมีอาการท้องอืดท้องแน่น อาหารไม่ค่อยย่อย มีแก๊สในกระเพาะอาหรมาก ไม่ควรกินแตงโม (อาจกินได้บ้างเล็กน้อย) โดย เฉพาะเด็กที่ชอบกินแตงโม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดโรค ไม่ควรกินแตงโมแช่เย็น หรือกินมากเกินไป โดยเฉพาะเด็กที่มีอาการม้ามพร่องและมีเหงื่อออก เป็นหวัดและไอบ่อยตอนกลางคืน</p>\n<p>สำหรับท่านที่มีอาการร้อนใน คือ มีไข้สูง ปวดหัว ท้องผูก คอแห้ง กระหายน้ำ ตัวร้อนเหงื่ออก ตาแดง ปากเหม็น ลิ้นแห้ง มีฝ้าสีเหลืองปัสสาวะสีเข้มและน้อย บางครั้งถ่ายจะแสบ ถ้ามีอาการดังกล่าวให้กินแตงโมมากๆ จะทำให้อาการไข้ลดลง หรือหายไป การขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะจะเป็นปกติ และถ้าม้ามพร่องหรือมีอาการดังกล่าวข้างต้น ให้กินน้อยๆ หรือห้ามกิน\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"background-color: #ffff99; color: #ff0000\">แหล่งที่มาเนื้อหา</span></b> : <a href=\"http://www.doctor.or.th/node/6739\" title=\"http://www.doctor.or.th/node/6739\">http://www.doctor.or.th/node/6739</a>\n</p>\n<p>\nเรียบเรียงโดยน.ส.ณัฐวดี นวมศรีสงวน\n</p>\n', created = 1719572474, expire = 1719658874, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:d15540a624cb2a04a96e0d8b571982e5' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:43a9497fd760cec2a4ba5caa888a6962' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<img src=\"/files/u7500/45_20070709223750_.gif\" width=\"181\" height=\"177\" />\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"background-color: #ffff99; color: #ff0000\">แหล่งที่มาภาพ</span></b> : <a href=\"http://images.thaiza.com/45/45_20070709223750..gif\" title=\"http://images.thaiza.com/45/45_20070709223750..gif\">http://images.thaiza.com/45/45_20070709223750..gif</a>\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"background-color: #800080; color: #ccffff\">ประวัติย่อของแตงโม</span></b><br />\nสำหรับแหล่างกำเนิดแห่งแรกของแตงโมนั้นอยู่แถบทะเลทรายคาลาฮารี<br />\nชาวอียิปต์ซึ่งอาศัยอยู่แถบแม่น้ำไนล์ เป็นชนชาติแรกที่รู้จักปลูกแตงเพื่อนำมากิน เมื่อประมาณ 4 พันกว่าปีมาแล้ว</p>\n<p>ส่วนในจีนนั้นเริ่มมีการนำแตงโมไปปลูกที่ซิ่นเกียง ในราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็ค่อยๆแพร่ลงมาทางใต้</p>\n<p>รูป ร่างของแตงโม นอกจากจะเป็นรูปกลมหรือรูปรีอย่างที่เราเคยเห็นมาแล้ว ในญี่ปุ่นและไต้หวันยังมีการปลูกแตงโมที่มีรูปร่างเหลี่ยม ซึ่งทำให้สะดวกในการบรรจุหีบห่อและขนส่ง</p>\n<p>สำหรับแตงโมที่ใหญ่ทีสุด เท่าที่เคยเก็บได้ที่รัฐคาโลไรนา ในสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่ามีน้ำหนักถึง 90 กก. ยาว 120.9 ซม. นับว่าเป็นแตงโมขนาดใหญ่มากทีเดียว\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"background-color: #800080; color: #ccffff\">สารที่พบในแตงโม</span></b><br />\nแตงโมมีน้ำถึง 96.6% ในเนื้อจะมีวิตามินเอ, บี, ซี กรดนิโคตินิค กลูโคส ฟรุคโตส ซูโครส โปรตีน คาโรทีน กรดมาลิค กรดฟอสฟอริค กรดกลูตามิค แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เซลลูโลส เป็นต้น</p>\n<p><b><span style=\"background-color: #800080; color: #ccffff\">ประโยชน์ของแตงโมในทรรศนะจีน</span></b><br />\nเนื้อ แตงโมมีรสหวาน มีคุณสมบัติเย็น จึงจัดเป็นอาหารพวกยิน ในหนังสือเภสัชวิทยาที่สำคัญของจีน เช่น เปิ่นฉ่าวไป่เอี้ยว เปิ่นฉ่าวกางมู่ ได้บันทึกไว้ว่า แตงโมดับร้อนแก้กระหายน้ำ แก้อาหารเจ็บคอ แก้ร้อนกระวนกระวาน แก้พิษสุรา แก้บิดและขับปัสสาวะ</p>\n', created = 1719572474, expire = 1719658874, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:43a9497fd760cec2a4ba5caa888a6962' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

แตงโม Watermelon

รูปภาพของ sss27418

 

แหล่งที่มาภาพ : http://images.thaiza.com/45/45_20070709223750..gif

ประวัติย่อของแตงโม
สำหรับแหล่างกำเนิดแห่งแรกของแตงโมนั้นอยู่แถบทะเลทรายคาลาฮารี
ชาวอียิปต์ซึ่งอาศัยอยู่แถบแม่น้ำไนล์ เป็นชนชาติแรกที่รู้จักปลูกแตงเพื่อนำมากิน เมื่อประมาณ 4 พันกว่าปีมาแล้ว

ส่วนในจีนนั้นเริ่มมีการนำแตงโมไปปลูกที่ซิ่นเกียง ในราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็ค่อยๆแพร่ลงมาทางใต้

รูป ร่างของแตงโม นอกจากจะเป็นรูปกลมหรือรูปรีอย่างที่เราเคยเห็นมาแล้ว ในญี่ปุ่นและไต้หวันยังมีการปลูกแตงโมที่มีรูปร่างเหลี่ยม ซึ่งทำให้สะดวกในการบรรจุหีบห่อและขนส่ง

สำหรับแตงโมที่ใหญ่ทีสุด เท่าที่เคยเก็บได้ที่รัฐคาโลไรนา ในสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่ามีน้ำหนักถึง 90 กก. ยาว 120.9 ซม. นับว่าเป็นแตงโมขนาดใหญ่มากทีเดียว

สารที่พบในแตงโม
แตงโมมีน้ำถึง 96.6% ในเนื้อจะมีวิตามินเอ, บี, ซี กรดนิโคตินิค กลูโคส ฟรุคโตส ซูโครส โปรตีน คาโรทีน กรดมาลิค กรดฟอสฟอริค กรดกลูตามิค แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เซลลูโลส เป็นต้น

ประโยชน์ของแตงโมในทรรศนะจีน
เนื้อ แตงโมมีรสหวาน มีคุณสมบัติเย็น จึงจัดเป็นอาหารพวกยิน ในหนังสือเภสัชวิทยาที่สำคัญของจีน เช่น เปิ่นฉ่าวไป่เอี้ยว เปิ่นฉ่าวกางมู่ ได้บันทึกไว้ว่า แตงโมดับร้อนแก้กระหายน้ำ แก้อาหารเจ็บคอ แก้ร้อนกระวนกระวาน แก้พิษสุรา แก้บิดและขับปัสสาวะ

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 266 คน กำลังออนไลน์