เคล็ดลับ"คนเก่ง" จากแอดมิชชั่น" ปี 50
น.ส.กรณิศ ศักดิ์ศรชัย หรือน้อง "แตงไท" นักเรียนจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำคะแนนได้ 88.26 คะแนน เป็นอันดับ 1 ของคณะยอดฮิตอย่างคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ "การเตรียมตัวสอบ ไม่ได้เตรียมตัวนาน อ่านหนังสือในช่วงใกล้สอบ ซึ่งจริงๆ แล้ว แตงไทเรียนสายวิทย์มาตั้งแต่ ม.4 แต่เพิ่งมาเปลี่ยนเป็นสายศิลป์ในช่วง ม.6 เทอม 2 เนื่องจากที่เลือกเรียนวิทย์ เพราะคิดว่าน่าจะมีทางเลือกที่กว้างกว่าสายศิลป์ แต่เมื่อเรียนไปแล้วกลับรู้สึกว่าไม่ชอบ จึงขอย้ายมาเรียนสายศิลป์แทน"
จากประสบการณ์ตรงของตัวเอง "แตงไท" จึงอยากฝากถึงน้องๆ ว่า "อยากให้ทุกคนพยายามค้นหาตัวเองว่าชอบ หรืออยากจะก้าวเดินต่อไปในด้านไหน และเลือกเรียนให้ตรงกับความต้องการและความถนัดของตัวเอง ในส่วนของการเรียนนั้น สำคัญคือจะต้องตั้งใจเรียนในห้องเรียน เมื่อมีข้อสงสัยหรือติดขัดก็ให้ถามอาจารย์ หรืออาจกวดวิชาเพิ่มเติมบ้างในบางวิชาที่ไม่เข้าใจจริงๆ"
ขณะที่น้อง "ชัย"นายพรชัย แก้วทรัพย์ศักดิ์ นักเรียจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ทำคะแนนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยคะแนน 86.93 คะแนน เปิดเผยเคล็ดลับในการเรียนว่า "ปกติตั้งใจเรียนในห้องเรียนอยู่แล้ว เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยมุ่งอ่านหนังสือหนักๆ ในช่วงใกล้สอบ แต่ในช่วงใกล้สอบก็จะกลับมาทบทวนอีกครั้ง พร้อมทั้งจะนำข้อสอบเก่าๆ มาทดลองทำ และจะมีเรียนพิเศษเสริมในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
"ชัย" เล่าว่า อนาคตอยากเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ เพราะชอบเรียนเคมี ไม่ค่อยชอบวิชาฟิสิกส์ และชีวะ อีกทั้งปัจจุบันมีปัญหาที่ครูในสายวิทยาศาสตร์ยังขาดแคลนอยู่มากด้วย
น้อง "ขนุน"น.ส.มนพร พงศ์พงัน นักเรียนจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รั้งตำแหน่งนักเรียนที่ทำคะแนนได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยคะแนน 85.65 คะแนน ฝากมาถึงน้องๆ ด้วยว่า "ในช่วงที่เรียนชั้น ม.ปลาย ต้องพยายามค้นหาตัวเองว่าชอบและถนัด อยากเรียนต่อด้านไหน เมื่อเราชอบและสนใจก็จะทำให้เรียนได้ดี ส่วนการเรียนพิเศษ กวดวิชาเพิ่มเติมอาจสำคัญสำหรับคนที่ไม่อยากอ่านหนังสือเอง แต่ส่วนตัวจะสนใจเรียนในห้อง และทบทวนด้วยตนเอง จะเรียนพิเศษบ้างเพื่อไม่ให้ว่าง และเพื่อให้ตัวเองได้อยู่กับตำราเรียน ส่วนตัวเวลาใกล้สอบก็จะทำตำราเอง เพื่อติวกับเพื่อนๆ เช่นวิชาสังคม จะนำสิ่งที่จดเอาไว้ มาอ่านเฉพาะที่สำคัญๆ หรือโน้ตย่อมาอ่านเอง และรวมกลุ่มแบ่งกันติวกับเพื่อน อาจแบ่งกันรับผิดชอบกันคนละ 1-2 วิชา ก็จะทำให้ไม่ต้องมาอ่านใหม่ทั้งหมด"
สำหรับระบบแอดมิชชั่น "ขนุน" ชี้ว่าไม่สามารถลดการเรียนพิเศษลงได้ แต่กลับจะยิ่งทำให้นักเรียนต้องเรียนพิเศษมากขึ้นด้วย บางคนอาจต้องเรียนตั้งแต่ ม.4-6 เพื่อให้ผลการเรียนเฉลี่ยดีขึ้น อย่างไรก็ตามขนุนฝากถึงน้องๆ ที่เข้าสู่ระบบแอดมิชชั่นในปีต่อๆ ไปว่า การเรียนต้องเริ่มแต่เนิ่นๆ ไม่เครียดที่เดียวก่อนสอบ ไม่ฟิตจัดจนโอเวอร์เกินไป เวลาที่เรียนในห้องต้องตั้งใจเรียนให้มากสุด พยายามทำความเข้าใจว่าอาจารย์สอนอะไร และต้องมีเป้าหมายหลักในชีวิต เพื่อที่จะได้มุ่งมั่นไปให้ถึง"
ยอดฝีมืออีกคน "กันต์"นายกฤชบดี จ่ายเจริญ ว่าที่หนุ่มสถาปัตย์ นักเรียนจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ได้คะแนน 85.12 คะแนน สูงสุดของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า " ตัวเองเรียกได้ว่าเป็นนักกิจกรรมตัวยงคนหนึ่ง แต่ก็พยายามว่า ในการทำกิจกรรมอะไรนั้นจะต้องไม่ให้กระทบกับการเรียน หรือกระทบก็ให้น้อยที่สุด
"ชีวิต ม.ปลายจะให้เรียนอย่างเดียวไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในห้องเรียนต้องให้ความสนใจ แบ่งเวลาให้ดี ค่อยๆ ทบทวนตำราเรียนไปเรื่อยๆ ไม่ใช่มาคอยอ่านหนังสือหนักๆ ในช่วงสอบ เพราะจะทำให้เครียดมาก สำคัญที่สุดคือจะต้องรู้ว่าตัวเองชอบอะไร ดังนั้นอยากฝากถึงน้องๆ ให้พยายามค้นหา ให้รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยากเรียนด้านไหน เพราะหากเราไปเลือกเรียนในสิ่งไม่ที่ชอบก็ย่อมทำไม่ได้ดี"
แหล่างที่มา www.tttonline.net