รัฐประหาร 6 เมษายน 2491
ที่มา : www.bloggang.com
คณะรัฐประหารนำโดย พล.ท. ผิน ชุณหะวัณ (ยศขณะนั้น) ประกาศแต่งตั้งให้นาย ควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการณ์ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2490 สำหรับพล.ร.ต. ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ในชั้นแรกหลบไปเก็บตัวอยู่ในฐานทัพเรือสัตหีบ โดยหวังจะอาศัยความคุ้มครองและสนับสนุนจากกลุ่มนายทหารเรือ จนวันที่ 23 ธันวาคม คณะรัฐประหารจึงออกหมายจับพล.ร.ต.ถวัลย์ในข้อหามีแผนการต่อต้านรัฐบาล ทั้งยังจับกุมอดีตรัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาล อีกหลายคน เช่นนาย ทองเปลว ชลภูมิ และนาย วิจิตร ลุลิตานนท์ เป็นต้น จนถึงวันที่ 6 มกราคม 2491 รัฐบาลรักษาการ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะรัฐประหาร จึงจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้น โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเสียงสูงสุดในสภาฯ นาย ควง อภัยวงศ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค จึงได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มกราคม ระหว่าง นั้น ความไม่พอใจรัฐบาลไทยของชาวไทยมุสลิมเชื้อสายมลายูที่ก่อตัวมานับแต่การยก เลิกระบบสุลต่านหรือเจ้าผู้ครองนครมาเป็นระบบมณฑลเทศาภิบาลในสมัยรัชกาลที่5และทวีความรุนแรงขึ้นในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งความอดอยากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ราษฎรที่นับถือศาสนาอิสลามเห็นว่าพวกตนไม่ได้รับการดูแลเท่าเทียมกับราษฎรที่นับถือศาสนาพุทธ นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากภายนอก โดยอังกฤษสนับสนุน ตนกู มะไฮยิดดิน อับดุลกาเดร์ บุตรของรายาปัตตานีองค์สุดท้ายให้แยกตัวออกจากไทย เพื่อแก้แค้นที่ไทยหันไปร่วมมือกับญี่ปุ่น แกนนำในการต่อต้านรัฐบาลยุคนั้นคือ หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ซึ่งมีบทบาทในการคัดค้านการตั้งดะโต๊ะยุติธรรม เรียกร้องให้แยกศาลศาสนา และเสนอ คำขอ 7 ข้อต่อรัฐบาล ถูกจับด้วยข้อหากบฏเมื่อวันที่ 16 มกราคม ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ราษฎรอย่างกว้างขวาง อันนำไปสู่ “กบฏดุซงญอ” ระหว่างวันที่ 25 - 28 เมษายน ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ฉากแห่งการไล่ล่าเพื่อกวาดล้างและทำลายกลุ่มการเมืองที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับนายปรีดีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง มีการออกหมายจับกุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคอีสานหลายคน เช่น นาย ทองอินทร์ ภูริพัฒน์, นาย ฟอง สิทธิธรรม, นาย จำลอง ดาวเรือง, นาย ถวิล อุดล, นาย เตียง ศิริขันธ์ และนาย ทิม ภูริพัฒน์ ในข้อหากบฏ ที่เรียกกันว่า “กบฏแบ่งแยกดินแดน” โดยตั้งข้อกล่าวหาว่ามีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ มีแผนการที่จะแบ่งแยกดินแดนในภาคอีสาน เพื่อสถาปนาเป็น “สมาพันธรัฐแหลมทอง” แต่ก็ต้องปล่อยตัวไปในเวลาไม่นาน เนื่องจากมีเอกสิทธิคุ้มครองทางการเมืองด้วยสถานภาพเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่สภาพกดดันเหล่านี้ทำให้ผู้นำฝ่ายพลเรือนที่สนับสนุนนายปรีดี เช่น พล.ร.ต. ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์, นาย ทองเปลว ชลภูมิ, นาย ไสว สุทธิพิทักษ์, นาย ทอง กันฑาธรรม, นาย พึ่ง ศรีจันทร์ และนาย ทวี บุญเกตุ เป็นต้น ต้องกบดานหรือไม่ก็ลี้ภัยการเมืองไปยังต่างประเทศ และไม่อาจที่จะเข้ามามีบทบาททางการเมืองได้ระยะหนึ่ง สำหรับนายกรัฐมนตรีคนแรกและคนเดียวที่มาจากทหารเรือ พล.ร.ต.ถวัลย์หลบหนีไปลี้ภัยอยู่ที่ฮ่องกง ก่อนจะเดินทางกลับมายังประเทศไทยในเวลาต่อมาและถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แม้จะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้งทั่วไป แต่ข้อเท็จจริงที่เป็นที่ประจักษ์แก่คนทั่วไป คือ ผู้มีอำนาจที่แท้จริงก็คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้บัญชาการทหารบกนั่นเอง หลังจากนั้นมีคณะบุคคลที่เรียกตัวเองว่า“คณะประชาธิปไตย” ประกอบด้วยนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง นำโดย พล.ท.พระยาเทพหัสดิน รวมทั้ง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น นาย เลื่อน พงษ์โสภณ, นาย ฟอง สิทธิธรรม, นาย เลียง ไชยกาล ได้ร่วมกันสนับสนุน จอมพล ป. ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยประกาศว่าจะขอ“สนับสนุนจอมพล ป.ตลอดกาล” มีการเคลื่อนไหวรวมตัวกันที่สนามหลวงและสวนลุมพินี มีการล่ารายชื่อสนับสนุน จอมพล ป. จากนั้นในวันที่ 6 เมษายน เวลา 8.00 น. กลุ่มนายทหาร ประกอบด้วย พ.ท. ก้าน จำนงภูมิเวท,พล.ต. สวัสดิ์ สวัสดิรณชัย สวัสดิเกียรติ, พ.อ.ขุนศิลปศรชัย และ พ.ท. ละม้าย อุทยานานนท์ แต่งกายเต็มยศขัดกระบี่ถือปืนเข้าพบ นาย ควง อภัยวงศ์ ยื่นข้อเสนอขอให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายใน24 ชั่วโมง โดยอ้างว่า “คณะทหารแห่งชาติ” ที่ทำรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 เห็นว่ารัฐบาลนายควงไม่สามารถแก้ไขปัญหาภาวะตกต่ำของบ้านเมืองในทุกๆด้านลงได้ เมื่อนายทหารกลุ่มนี้กลับไปแล้ว ในเวลา 12.00 น. นายควงได้ส่งนายทหารคนสนิทเข้าพบนายทหารชั้นผู้ใหญ่ซึ่งเป็นแกนนำในการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน เพื่อขอคำยืนยันที่ฐานบัญชาการ ณ วังสวนกุหลาบ ซึ่งก็ไม่ได้คำชี้แจงที่ชัดเจนแต่อย่างใด กระทั่งเวลา 14.00 น. พล.ท. ผิน ชุณหะวัณ เดินทางมายืนยันถึงความต้องการของคณะนายทหารต่อนายควงด้วยตัวเองถึงบ้านพัก นายควงพยายามติดต่อกับผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ เพื่อขอความคุ้มครองแต่ไม่เป็นผล จึงเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นการฉุกเฉินที่บ้านพัก แม้นาย บุญเท่ง ทองสวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะแจ้งว่า พร้อมสั่งการให้ตำรวจเข้าดำเนินการจับกุมคณะนายทหารกลุ่มนี้เสียในฐานะเป็นกบฏ แต่ที่ประชุมไม่เห็นด้วย ด้วยเกรงว่าจะเป็นเหตุให้เกิดการนองเลือด ที่สุดในเวลา 16.00 น. ที่ประชุมได้ร่างหนังสือกราบบังคมทูลลาออกของนายควง และมีมติให้นายควงพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 8 เมษายน และปลายเดือนเมษายน ปีเดียวกันนั้น คณะรัฐมนตรีมีมติให้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นปฏิบัติการที่กระทำกันเป็นการภายใน ใช้นายทหารเพียงไม่กี่คน โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลใดๆ ทำให้ได้ชื่อว่า “รัฐประหารเงียบ” สื่อมวลชนในขณะนั้นถึงกับใช้ข้อความว่าเป็น“การจี้นายกรัฐมนตรี” ในหน้าหนังสือพิมพ์และวิทยุ
และที่สำคัญเป็นการขจัดกลุ่มอำนาจของคณะราษฎร และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นาย ปรีดี พนมยงค์ ให้สิ้นไปจากเวทีการเมือง ส่งผลให้นายปรีดี ต้องขอลี้ภัยการเมืองที่ต่างประเทศตราบจนถึงแก่อนิจกรรม
สร้างโดย : นางสาวกาญจนา แขเพ็ญ ชั้น ม.6/1 เลขที่12
อ้างอิงจาก : ประวัติศาสตร์ชนชาติไท แต่งโดย กัญญา ลีลาลัย