เรื่อง ประวัติ และความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ยุคของคอมพิวเตอร์
ยุคของคอมพิวเตอร์
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 เป็นต้นไปได้มีการใช้คอมพิวเตอร์ในงานต่างๆ อย่างแพร่หลายจึงได้เริ่มมีการจัดยุคหรือช่วงเวลาของคอมพิวเตอร์โดยถือเอาความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเป็นหลักในการแบ่งยุค ได้มีการแบ่งยุคคอมพิวเตอร์ออกเป็น 5 ยุค คือ
ยุคที่หนึ่งของคอมพิวเตอร์ (FIRST GENERATION) (พ.ศ.2494-2501)
- ลักษณะของเครื่อง มีขนาดใหญ่โตมาก เกิดความร้อนสูง จึงต้องติดตั้งในห้องปรับ อากาศตลอดเวลา
- วัสดุที่ใช้สร้าง ใช้หลอดสูญญากาศเป็นหน่วยความจำภายใน
- สื่อข้อมูลที่ใช้ บัตรเจาะรู เทปกระดาษ และเทปแม่เหล็ก
- ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ภาษาเครื่อง (Machine Language)และภาษาแซมบลี (Assembly)
- ตัวอย่างเครื่อง UNIVAC I IBM 650 IBM701 NCR102
ยุคที่สองของคอมพิวเตอร์ (SECOND GENERATION)
- ลักษณะของเครื่อง มีขนาดเล็กลง ใช้ความร้อนน้อยลง ทำงานได้เร็วขึ้น
- วัสดุที่ใช้ ใช้ทรานซิสเตอร์แทนหลอดสูญญากาศ และ มีวงแหวนแม่เหล็ก (Magnatic Core) เป็นหน่วยความจำภายใน
- ความเร็วในการทำงาน มิลลิเซคคั่น
- สื่อข้อมูลที่ใช้ ใช้บัตรเจาะรูและเทปแม่เหล็กเป็นส่วนใหญ่
- ภาษาคอมพิวเตอร์ ภาษาฟอร์แทรน (Fortran) และภาษาโคบอล (Cobol)
- ตัวอย่างเครื่อง IBM1620 IBM1401 CDC1604 NCR315
ยุคที่สามของคอมพิวเตอร์ (THARD GENERATION) [ พ.ศ.2508-2514 ]
- ลักษณะของเครื่อง มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมอีก ใช้ความร้อนน้อยลงไปอีก มีความ เร็วเพิ่มยิ่งขึ้นอีก และมีมินิคอมพิวเตอร์เกิดขึ้น
- วัสดุที่ใช้สร้าง ใช้ไอซีแทนทรานซิสเตอร์เป็นหน่วยความจำภายใน ซึ่งสามารถทำงานได้เท่ากับ
ทรานซิสเตอร์หลายร้อยตัว
- ความเร็วในการทำงาน ไมโครเซคคั่น
- สื่อข้อมูลที่ใช้ บัตรเจาะรู เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็ก
- ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ภาษาพีแอลวัน (PL/1)และภาษาอาร์พีจี (RPG)
- ตัวอย่างเครื่อง IBM360 CDC3300 NCR395 UNIVAC9400
ยุคที่สี่ของคอมพิวเตอร์ (FOURTH GENERATION) [ พ.ศ.2515-2523 ]
- ลักษณะของเครื่อง มีไมโครคอมพิวเตอร์เกิดขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องปรับ อากาศ ความพิวเตอร์ทำงานเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- วัสดุที่ใช้สร้าง ใช้แอล เอส ไอ เป็นหน่วยความจำภายใน ซึ่งสามารถทำ งานได้เท่ากับทรานซิสเตอร์พันตัว
- ความเร็วในการทำงาน นาโนเซคคั่นและพิคโคเซคคั่น
สื่อข้อมูล เทปแม่เหล็กและจานแม่เหล็กส่วนบัตรเจาะรูใช้น้อยลงมากกว่ายุคก่อน
ยุคที่ห้า (Fifth Generation Computer) พ.ศ. 2533 จนถึงปัจจุบัน
ในยุคนี้ ได้มุ่งเน้นการพัฒนา ความสามารถในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และ ความสะดวกสบายในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างชัดเจน มีการพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็กขนาดเล็ก (Portable Computer) ขึ้นใช้งานในยุคนี้ โครงการพัฒนาอุปกรณ์ VLSI ให้ใช้งานง่าย และมีความสามารถสูงขึ้น รวมทั้งโครงการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เป็นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ โดยหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ สามารถวิเคราะห์ปัญหาด้วยเหตุผล
องค์ประกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่1. ระบบหุ่นยนต์ หรือแขนกล (Robotics or Robotarm System)คือหุ่นจำลองร่างกายมนุษย์ที่ควบคุมการทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ มีจุดประสงค์เพื่อให้ทำงานแทนมนุษย์ในงานที่ต้องการความเร็ว หรือเสี่ยงอันตราย เช่น แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหุ่นยนต์กู้ระเบิด เป็นต้น
- ระบบประมวลภาษาพูด (Natural Language Processing System) คือ การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถสังเคราะห์เสียงที่มีอยู่ในธรรมชาติ (Synthesize) เพื่อสื่อความหมายกับมนุษย์ เช่น เครื่องคิดเลขพูดได้ (Talking Calculator) หรือนาฬิกาปลุกพูดได้ (Talking Clock) เป็นต้น
-การรู้จำเสียงพูด (Speech Recognition System) คือ การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์เข้าใจภาษามนุษย์ และสามารถจดจำคำพูดของมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง กล่าวคือเป็นการพัฒนาให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ด้วยภาษาพูด เช่น งานระบบรักษาความปลอดภัย งานพิมพ์เอกสารสำหรับผู้พิการ เป็นต้น4. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System) คือ การพัฒนาให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ รู้จักใช้เหตุผลในการวิเคราะห์ปัญหา โดยใช้ความรู้ที่มี หรือจากประสบการณ์ในการแก้ปัญหาหนึ่ง ไปแก้ไขปัญหาอื่นอย่างมีเหตุผล ระบบนี้จำเป็นต้องอาศัยฐานข้อมูล (Database) ซึ่งมนุษย์ผู้มีความรู้ความสามารถเป็นผู้กำหนดองค์ความรู้ไว้ในฐานข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ได้จากฐานความรู้นั้น เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์วิเคราะห์โรค หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ทำนายโชคชะตา เป็นต้น