สภาพเศรษฐกิจสมัยสุโขทัยตอนปลาย
พระมหากษัตริย์จะมีอำนาจสิทธิ์ขาดภายในราชอาณาจักรทั้งหมด ทรงเป็นทั้งเจ้าแผ่นดินและเจ้าชีวิต สามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับใครอย่างไรก็ได้ เรียกว่าเป็นการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไทยได้รับเอาแนวคิดที่ให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็น เทวราชา ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์มาจากเขมรตั้งแต่ช่วงปลายของอาณาจักรสุโขทัยจนมาถึงในสมัยอยุธยา โดยถือว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระนารายณ์ที่อวตารลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ เป็นสมมติเทพ จึงต้องมีการถวายพระเกียรติอย่างสูงสุด และมีสถานะความเป็นอยู่จะเหนือกว่าคนทั้งปวง เช่น
-
เมื่อจะพูดกับพระมหากษัตริย์ต้องใช้คำราชาศัพท์เสมอ รวมถึงขณะที่เข้าเฝ้านั้นต้องหมอบคลานเข้าไปเพื่อแสดงความอ่อนน้อม ห้ามชำเลืองมองไปยังพระพักตร์ของพระมหากษัตริย์อย่างเด็ดขาด และเมื่อเสด็จออกนอกพระราชวัง ประชาชนจะต้องหมอบกราบและก้มหน้าเท่านั้น
-
ในหนังสือ Historie du Royaume de Siam กล่าวไว้ว่า นอกจากจะต้องทำความเคารพต่อพระมหากษัตริย์รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์แล้ว ยังมีการปฏิบัติเช่นนี้กับสัตว์ที่ใช้ในการรับใช้ของพระองค์ด้วย เช่น ช้าง ซึ่งเป็นพาหนะที่ใช้สำหรับเมื่อเสด็จออกนอกพระราชวังหรือไปราชการสงครามต่างๆ
-
บรรดาปราสาทราชวังที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้เพื่อประทับ จะต้องมีการประดับประดา
อย่างงดงามวิจิตรพิสดารให้สมพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นเทพนอกจาก
ที่พระมหากษัตริย์จะทรงเป็นสมมติเทพแล้ว ยังมีความเป็น ธรรมราชาตามความเชื่อ
ของพระพุทธศาสนาพระมหากษัตริย์จะต้องทรงประพฤติปฏิบัติพระองค์ตามหลัก
ทศพิธราชธรรม และจักรวรรดิวัตร เพื่อให้บ้านเมืองและอาณาประชาราษฎร์สามารถ
ดำรงอยู่อย่างร่มเย็น
เกิดขึ้นในสมัยพระเพทราชา โดยให้คงการปกครองแบบรวมอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง
ที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงตั้งไว้ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ การให้สมุหพระกลาโหมไปรับผิดชอบหัวเมืองฝ่ายใต้ทั้งทหารและพลเรือน ให้สมุหนายกรับผิดชอบหัวเมืองทางเหนือทั้งทหารและพลเรือน รวมถึงดูแลจตุสดมภ์ในส่วนกลาง และพระโกษาธิบดีซึ่งเป็นเสนาบดีกรมคลัง นอกจากดูแลเกี่ยวกับเรื่องรายได้ของแผ่นดินและการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศแล้ว ให้ไปคุมหัวเมืองชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกทั้งทหารและพลเรือนอีกด้วย เพื่อเป็นการง่ายต่อการเรียกกำลังพล เพราะในยามสงคราม ชายฉกรรจ์ทุกคนจะต้องออกรบอยู่แล้วและป้องกันการก่อกบฎล้มราชวงศ์กษัตริย์ที่เกิดขึ้นมากในระยะหลังโดยสมุหพระกลาโหม เพราะมีอำนาจคุมกำลังทหารไว้จำนวนมาก สามารถกระทำการใดๆ ได้โดยง่าย
ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยให้เสนาบดีกรมคลังไปคุมหัวเมืองทางใต้แทนสมุหพระกลาโหม คงเหลือให้สมุหพระกลาโหมมีหน้าที่ปรึกษาราชการแผ่นดินเท่านั้น สันนิษฐานว่าสมุหพระกลาโหมอาจกระทำความผิดบางอย่างจึงถูกลดอำนาจหน้าที่ลง
สภาพเศรษฐกิจสมัยสุโขทัยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ดังข้อความปรากฏในหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 "…ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใคร จัก ใคร่ค้าเงินค้าทองค้า ค้าถ้วยชามสังคโลก" และ "...เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลาในนามีข้าว..." ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมด้วยระบบการเกษตรแบบพึ่งพาธรรมชาติ เช่นสังคมไทยส่วนใหญ่ในชนบทปัจจุบัน
-
แหล่งอ้างอิง http://www.panyathai.or.th
-
อานนท์ เอมสมบูรณ์ ม.6/2 เลขที่ 4