กำเนิดช๊อกโกแลต
กำเนิดช็อกโกแล็ต
ช็อกโกแล็ตนั้น มีมานานกว่า 1,400 ปีแล้ว เรื่องราวของช็อคโกแล็ตนั้น เริ่มต้นขึ้นที่ทวีปอเมริกากลาง ซึ่งชนเผ่ามายานั้น เขาได้เคยดื่มกินน้ำชนิดหนึ่งซึ่งหอมกรุ่นและให้รสชาติซาบซ่านเรียกว่า "ช็อกโกแลทัล" ซึ่งนั่นก็คือช็อกโกแล็ตนั่นเอง
ชาวชนเผ่ามายาจึงได้ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้ทำให้ต้นโกโก้ กลายเป็นช็อกโกแล็ตขึ้นมา นับว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งของต่อปากของมนุษยชาติก็ว่าได้ ต้นโกโก้นั้นปลูกกันทั่วทวีปอเมริกากลางเมื่อสองพันปีก่อนเติบโตได้ดีในอากาศร้อน และในผลโกโก้นี้มีเมล็ดสีม่วงจำนวนมาก เราสามารถนำเมล็ดสีม่วงเหล่านี้ไปตากแห้งและผ่านกระบวนการต่างๆ ทำให้เกิดเป็นช็อกโกแล็ตขึ้นมาได้
รูปของเมล็ดโกโก้
คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เป็นชาวยุโรปคนแรกที่ได้เห็นและสัมผัสกับเมล็ดโกโก้ เขาค้นพบเมล็ดโกโก้ เมื่อปี ค.ศ. 1492 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เขาค้นพบทวีปอเมริกา ลูกชายของโคลัมบัลซึ่งได้ติดตามไปทวีปอเมริกาด้วยนั้น ได้ค้นพบเรือบดลำใหญ่ของชาวพื้นเมือง เขาบันทึกเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1502 ไว้ว่า "พวกชนชาวพื้นเมืองอเมริกัน ถือว่า เมล็ดถั่ว (เลม็ดโกโก้) มีค่าแล้วเก็บมันขึ้นมาราวกับว่าพวกเขาทำลูกตาตกอย่างนั้นแหละ" โคลัมบัสกับลูกเรือไม่รู้ว่าเมล็ดโกโก้นั้น อันที่จริงเป็นสิ่งที่ชาวมายาใช้แทนเงิน เมื่อกลับยุโรป โคลัมบัสนำได้นำเมล็ดดโกโก้เป็นหนึ่งในของที่นำมาถวายแด่กษัตริย์และราชินีของสเปนด้วย
กษัตริย์เฟอดินันด์มองไม่เห็นคุณค่าของเมล็ดโกโก้ กว่าเมล็ดโกโก้จะกลายเป็น "สมบัติล้ำค่า" ขึ้มาก็อีก 20 ปีให้หลัง เมื่อเฮอร์นันโด คอร์เทส เดินทางไปพิชิตจักรวรรดิแอสแท็ค โดยในช่วงที่คอร์เทส รุกรานดินแดนเม๊กซิโก เขาสังเกตเห็นชาวแอสแท็คใช้เมล็ดโกโก้ในการเตรียมการถวายเครื่องดื่มแก่กษัตริย์ ซึ่งว่ากันว่าจักรพรรดิมอนเตซูมา ดื่มน้ำช็อกโกแล็ตถึงวันละ 50 ถ้วย เมื่อคอร์เทสและกองทัพสเปนมาถึง พระองค์ (ซึ่งคิดว่าคอร์เทสเป็นเทพเจ้า) ทรงให้การต้อนรับด้วยน้ำช็อกโกแล็คที่ใส่ภาชนะทองคำอย่างหรูหราอลังการมาก ราวกับว่ามันเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มจากแดนสวรรค์ คอร์เทสเขียนบันทึกไว้ว่า กษัตริย์มอนเทซูมาดื่ม "ซอคาแลทัล" "...ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่เพิ่มพลังและขับไล่ความเหนื่อยอ่อนดื่มแก้วเดียวก็มีเรี่ยวแรงดิ่นได้ทั้งวันโดยไม่ต้องกินอาหารอย่างอื่นเลย" แม้ซอคาแลทัลของท่านจักรพรรดิ์ จะมีคุณสมบัติดีเพียงใดก็ไม่ใช่ทุกคนในกองทหารของคอร์เทสที่จะชื่นชอบมัน ทหารส่วนใหญ่ จริงๆ ก็เกือบทั้งหมดจะแทบสำลัก เพราะว่ามันมีรสชาติขมมาก ทหารบางคนบอกว่า "น่าจะโยนให้หมูกินดีกว่าเอามาให้พวกเรา"
ชนชั้นสูงดื่มกินน้ำช็อกโกแล็ต คนที่จะถูกสังเวยชีวิตในพิธีบูชายันมนุษย์ก็จะได้ดื่มน้ำช็อกโกแล็ตเพื่อที่จะกระตุ้นจิตใจให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มีการบันทึกว่าชาวแอสแท็คมีการถวายน้ำช็อกโกแล็ตให้แก่เทพเจ้าเค็ทซัลคอทัลด้วย ตามตำนานนั้นเล่าว่า เทพเค็ทซัลคอทัลหายลับไปจากโลกก็เพราะว่าถูกสวรรค์ลงโทษที่นำช็อกโกแล็ต ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์จากแดนสวรรค์มาให้มนุษย์ได้ลิ้มลอง แต่สิ่งท่านทิ้งไว้ให้เป็นที่ระลึกก็คือ ต้นโกโก้ ที่งอกงามไปทั่วพื้นดิน ท่านจึงได้ครองอีกตำแหน่งก็คือเทพแห่งต้นโกโก้
ในปี 1529 เมื่อคอร์เทสปราบพวกแอสแท็คได้สำเร็จ เขาก็นำเอาเมล็ดโกโก้กลับมาสเปนด้วย จากนั้นรสชาติของน้ำช็อกโกแล็ต ก็ได้รับอิทธทพลจากสเปนคือ มีการเพิ่มน้ำตาลทราย วานิลาและกลิ่นอบเชยลงไป เครื่องดื่มนี้ชนะใจทุกคน โดยเฉพาะพวกผู้ดีในสเปน สเปนจึงได้สร้างไร่โกโก้ในทวีปอเมริกากลางจนกลายเป็นธุรกิจใหญ่โต แต่เก็บศิลปะการทำน้ำช็อกโกแล็ตไว้เป็นความลับจากพวกชนชาติยุโรปที่เหลือนานเกือบร้อยปี
พระชาวสเปนนั้นเป็นผู้เก็บสูตรการทำน้ำช็อกโกแล็ตไว้เป็นความลับ แต่ความลับนั้นไม่มีในโลก มันจึงรั่วไหลออกมา ภายในเวลาอันรวดเร็วผู้คนทั่วทั้งยุโรปก็ติดใจในน้ำช็อกโกแล็ต ซึ่งถือเป็นเครื่องดื่มที่อร่อยและเสริมสุขภาพได้ มีการดื่มกันที่ราชสำนักในฝรั่งเศษ และได้นำช็อกโกแล็ตข้ามน้ำข้ามทะเลมายังอังกฤษ และในปี ค.ศ. 1675 ร้านน้ำช็อกโกแล็ตแห่งแรกของอังกฤษก็เปิดขึ้น
การดื่มน้ำช็อกโกแล็ตในยุคนั้น ถือเป็นเรื่องทันสมัยแสดงถึงรสนิยมสูง บรรดาผู้ดีมีสกุลเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ลิ้มลองรสชาติของมัน และเมื่อเรือกลไฟได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น ก็สามารถขนส่งเมล็ดโกโก้ได้คราวละเป็นจำนวนมาก พอถึงปี 1730 น้ำช็อกโกแล็ตจึงมีราคาถูกลง จนคนธรรมดาทั่วไปได้มีโอกาสลิ้มรสของมันได้บ้าง การประดิษฐ์เครื่องบดเมล็ดโกโก้ ในปี 1828 ยิ่งทำให้ราคาของน้ำช็อกโกแล็ตลดต่ำลงไปอีก ทั้งยังช่วยกรองไขมันของเมล็ดโกโก้ ออกไปให้รสชาติที่น่าหลงใหลขึ้น จากนั้นการดื่มน้ำช็อกโกแล็ตก็ได้แพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้
ในศตวรรษที่ 19 ช็อกโกแล็ตมีการเปลี่ยนรูปอยู่สองอย่างคือ ในปี 1847 บริษัทอังกฤษได้ผลิต "ช็อกโกแล็ตแท่ง (Chocolate Bar)" ที่กินได้และอย่างที่สองคือ แดเนียล ฟีเทอร์ ได้หาทางผสมนมลงไปในช็อกโกแล็ต จนกลายเป็น "ช็อกโกแล็ตนม (Chocolate Milk)" ที่เราสามารถแทะกินได้ ในอเมริกา มการผลิตช็อกโกแล็ตกันอย่างไม่ลืมหูลืมตากว่าที่ไหนๆ ในโลก และในปี 1765 โรงงานช็อกโกแล็ตแห่งแรกก็เกิดขึ้น สมัยนั้นใครๆ ต่างก็หลงใหลช็อกโกแล็ตเสียจนขาดตลาดในช่วงนั้น
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ตระหนักดีถึงบทบาทสำคัญองช็อกโกแล็ต ในการบำรุงขวัญกำลังใจและสุขภาพของทหาร จึงได้ส่งเมล็ดโกโก้ไปให้กองทัพทหารเป็นจำนวนมาก ทุกวันนี้ ทหารสหรัฐฯ ยังได้รับการแจกช็อกโกแล็ตเป็นเสบียงติดตัว แม้แต่นักบินอวกาศของสหรัฐฯ ก็ยังได้นำช็อกโกแล็ตติดตัวไปนอกโลกอีกด้วย