อะแลสกา..พรมแดนสุดท้าย
ชาวยุโรปคนแรกที่เดินทางสำรวจทางทะเลที่พบเกาะอะแลสกา คือ นักสำรวจชาวเดนมาร์ก "ไวตุส แบริ่ง"ซึ่งทำงานให้กับราชสำนักรัสเซีย ขึ้นบกที่นั่นใน พ.ศ.2284 จากนั้นรัสเซียก็ตั้ง อเลกซานเดอร์ บารานอฟ มาเป็นผู้ว่าการเกาะอะแลสกาคนแรก ขณะที่บริเวณใกล้ๆ กัน อเมริกาได้จับจองพื้นที่อาร์แชนเกลละแวกเมืองซิตก้าเป็นกองบัญชาการทหารเมื่อ พ.ศ.2342
หลังสงครามประกาศเอกราช เกิดการรวมตัวของอาณานิคมอเมริกาเหนือเป็นประเทศเดียวกัน และสหรัฐอเมริกาก็ได้ผนวกพื้นที่กว้างทางตะวันตกและทางใต้เข้ามามากมาย โดยไล่ซื้อจากเจ้าของอาณานิคมเก่า ดังนี้ ซื้อหลุยเซียนาจากฝรั่งเศส ซื้อฟลอริดาจากสเปน รวมเท็กซัสเป็นมลรัฐ รวมเขตโอเรกอน และเขตตะวันตกติดต่อมหาสมุทรแปซิฟิกคือรัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาดา ยูทาห์ และแอริโซนา ซื้ออะแลสกาจากรัสเซีย และผนวกหมู่เกาะฮาวาย
สำหรับอะแลสกา วิลเลียม เอช ซีเวิร์ด รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ ซื้อจากรัสเซียในปี 2410 ด้วยเงิน 7.2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งขณะนั้นนับเป็นเรื่องตลกขบขันของชาวอเมริกันว่าซื้อ "ก้อนน้ำแข็งมหึมา" มาเป็นสมบัติของชาติทำไมกัน และสรุปว่าเป็น "ความโง่เขลาของซีเวิร์ด"แต่เมื่อถึงปี 2439 นักเสียดสีทั้งหลายก็แทบจะมุดดิน พ.ศ.2439 มีการค้นพบทองคำในอะแลสกา จากนั้นความเจริญรุ่งเรืองผู้คนก็พุ่งเข้ามายังพื้นที่แถบนี้ เป็นยุคตื่นทองในอะแลสกา กระทั่งวันที่ 3 มกราคม 2502 อะแลสการวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับสหรัฐอเมริกาโดยสมบูรณ์ เป็นรัฐที่ 49 ชื่อ "อะแลสกา" นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าน่าจะเพี้ยนมาจากคำในภาษาแอลิอุตซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่น คือ Alyeska แปลว่า "ดินแดนที่ยิ่งใหญ่"
พื้นที่ทางตะวันออกของอะแลสกาติดต่อกับยูคอนเทร์ริทอรีและบริติชโคลัมเบียของแคนาดา ทางใต้ติดต่อกับอ่าวอะแลสกา และมหาสมุทรแปซิฟิก ตะวันตกติดต่อกับทะเลเบริง ช่องแคบเบริง และทะเลชุคชี ส่วนทางเหนือติดต่อกับทะเลโบฟอร์ต และมหาสมุทรอาร์กติก เป็นรัฐที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา สมญานามในปัจจุบันคือ "พรมแดนสุดท้าย" เมืองเอกของรัฐคือจูโน ขณะที่เมืองใหญ่สุดคือแองเคอเรจ
ทุกวันนี้เศรษฐกิจของรัฐขึ้นอยู่ภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพิมพ์ การผลิตโลหะ เครื่องบิน ขีปนาวุธ การท่องที่ยว ส่วนภาคเกษตรก็มีการปลูกฝ้าย มันสำปะหลัง ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพด ข้าวสาลี หัวบีท มะนาว และปศุสัตว์ แร่สำคัญมีน้ำมัน ทองแดง ทองคำ โมลิบดินั่ม ชนพื้นเมืองส่วนใหญ่คือชาวอินนุท พวกเขาสามารถปรับตัวตามสภาพภูมิอากาศ และเก็บของป่าล่าสัตว์ในภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อมนุษย์