• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:a27c7c7c0cf1a490bc9989f9aaf5997e' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902519-image001.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ccff\">สำหรับนักดูดาวแล้ว ดาวฤกษ์บนท้องฟ้าจะส่องแสงระยิบระยับคล้ายๆกัน แต่ในความเป็นจริงดาวฤกษ์ในจักรวาลกำลังเดินไปบนเส้นทางวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน เริ่มจากการระเบิด แต่จุดจบของมันก็ไม่ใช่ความสิ้นสุด ทว่าคือความแปรเปลี่ยนไปเป็นเทหวัตถุใหม่หลากหลายชนิด ตั้งแต่ดาวแคระขาวไปจนกระทั่งถึงหลุมดำ ซึ่งหลายชนิดมีความลึกลับและน่าพิศวงเป็นอย่างยิ่ง</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ccff\">ต่อไปนี้คือ 10 อันดับดาวลึกลับหรือน่าพิศวงที่นักดาราศาสตร์จัดไว้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ccff\"></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"font-size: x-large; color: #0000ff\">อันดับ </span></strong><strong><span style=\"font-size: x-large; color: #0000ff\">10 ดาวแคระขาว</span> </strong>\n</p>\n<p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902522-image002.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">เมื่อดาวฤกษ์ซึ่งมีมวลขนาดดวงอาทิตย์หรือน้อยกว่า1.4 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ เผาผลาญเชื้อเพลิงนิวเคลียร์หมดไป ผิวนอกของมันจะระเบิดและกระจายไปในอวกาศ ส่วนแกนกลางจะยุบตัวลงกลายเป็นดาวแคระขาว(white dwarf)</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\">นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเปลือกของดาวแคระขาวซึ่งมีความหนาราว 31 ไมล์หรือ 50 กิโลเมตรเป็นผลึกของคาร์บอนและออกซิเจนซึ่งคล้ายกับเพชร ดาวแคระขาวจึงถูกเรียกขานว่า&quot;เพชรในอวกาศ&quot;</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff\"></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"font-size: x-large; color: #ff0000\">อันดับ </span></strong><strong><span style=\"font-size: x-large; color: #ff0000\">9 ดาวแม็กเนตาร์</span> </strong>\n</p>\n<p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902524-image003.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\">ดาวแม็กเนตาร์(Magnetars) คือดาวนิวตรอนชนิดหนึ่ง ความน่าพิศวงของมันก็คือ สนามแม่เหล็กของดาวแม็กเนตาร์มีพลังงานสูงกว่าสนามแม่เหล็กของโลกหลายพันล้านเท่า มันปล่อยรังสีเอ็กซ์ออกมาทุกๆ 10 วินาที และบางครั้งยังปล่อยรังสีแกมมาออกมาอีกด้วย</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\"></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"font-size: x-large; color: #99cc00\">อันดับ </span></strong><strong><span style=\"font-size: x-large; color: #99cc00\">8 กระจุกดาว</span> </strong>\n</p>\n<p>\n<strong></strong>\n</p>\n<p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902527-image004.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #99cc00\">ดาวฤกษ์ต่างๆในกาแล็กซี่ไม่ได้อยู่กันตามลำพังหรือเป็นคู่ๆ หรือสามสี่ดวงเท่านั้น ทว่ายังมีดาวฤกษ์อยู่ใกล้กันเป็นกระจุกอีกด้วย บางกระจุกดาวมีดาวฤกษ์เพียงไม่กี่สิบดวง แต่บางกระจุกดาวมีดาวฤกษ์มากถึงหลายล้านดวง ดาวฤกษ์เหล่านี้กำเนิดในช่วงเวลาเดียวกันและในบริเวณเดียวกันก็จริงแต่ทำไมพวกมันจึงอยู่รวมกันเป็นกระจุก? นี่เป็นปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้จนทุกวันนี้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #99cc00\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #99cc00\"></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"font-size: x-large; color: #ff6600\">อันดับ </span></strong><strong><span style=\"font-size: x-large; color: #ff6600\">7 พัลซาร์</span> </strong>\n</p>\n<p>\n<strong></strong>\n</p>\n<p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902530-image005.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff6600\">ปี 1999 นักดาราศาสตร์ตรวจพบรังสีเอ็กซ์และรังสีแกมมาที่ปล่อยออกมาจากดาวนิวตรอน เชื่อกันในขณะนั้นว่ามันเป็นการระเบิดซึ่งเกิดจากการสั่นไหวของพื้นผิวดาวนิวตรอนที่เรียกว่า Starquake คล้ายกับแผ่นดินไหวบนโลก ทว่าการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ของ จอห์น มิดเดิลดิตช์ นักวิทยาศาสตร์ของห้องทดลองแห่งชาติลอส อลามอส และทีมงานพบว่ามันเกิดจากการหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วพัลซาร์ (Pulsar) ดาวนิวตรอนชนิดหนึ่ง และยังพบว่าเวลาการสั่นไหวในครั้งต่อไปของมันจะเป็นส่วนกับขนาดของการสั่นไหวครั้งก่อน</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff6600\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff6600\"></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"font-size: x-large; color: #800080\">อันดับ </span></strong><strong><span style=\"font-size: x-large; color: #800080\">6 ซุปเปอร์สตาร์</span> </strong>\n</p>\n<p>\n<strong></strong>\n</p>\n<p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902533-image006.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #800080\">จักรวาลก็มีซุปเปอร์สตาร์ มันคือดาวนิวตรอน ( Neutron Stars ) ซึ่งเกิดจากดาวฤกษ์มวลมาก( 1.5 ถึง 3 เท่าของดวงอาทิตย์) ระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวาเมื่อมันเผาพลาญเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จนหมดและยุบตัวลง</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #800080\">ดาวนิวตรอนเป็นดาวที่มีความหนาแน่นมากที่สุด อัดแน่นไปด้วยนิวตรอนเกือบทั้งหมด เนื้อดาวขนาดหนึ่งช้อนชาจะหนักถึงหนึ่งพันล้านตันบนโลกหรือมากกว่า ดาวนิวตรอนที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับเมืองเล็กๆเท่านั้น</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #800080\">เมื่อปี 2005 นาซาตรวจพบดาวนิวตรอนสองดวงชนกันซึ่งปล่อยรังสีแกมมาออกมาอย่างมหาศาล มีความสว่างเท่ากับแสงของดวงอาทิตย์ถึง 100,000 ล้านล้านเท่า นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการชนกันของดาวนิวตรอนจะกลายเป็นหลุมดำในที่สุด</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #800080\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #800080\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"font-size: x-large\"><span style=\"color: #00ff00\"><strong>อันดับ </strong><strong>5 ดาว RRATs </strong></span></span>\n</p>\n<p>\n<strong></strong>\n</p>\n<p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902547-image007.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ff00\">นักดาราศาสตร์ค้นพบคลื่นวิทยุที่ส่งมาจากดาวปริศนาหลายดวงในกาแล็กซี่ทางเผือกเป็นช่วงๆและในเวลาสั้นๆเพียง 1 ในร้อยของวินาทีเท่านั้น การศึกษาพัลซาร์หรือดาวนิวตรอนที่หมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วและปล่อยรังสีเอ็กซ์ รังสีแกมมา คลื่นวิทยุและแสงสว่างออกมาเป็นจังหวะ มากกว่า 800 ดวง พบว่าไม่ใช่ต้นตอแน่นอน เพราะการส่งคลื่นวิทยุของมันแตกต่างกัน แต่ดาวปริศนานี้ก็หมุนรอบตัวเองคล้ายกับพัลซาร์</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ff00\">นักดาราศาสตร์เรียกดาวปริศนานี้ว่า Rotating Radio Transients หรือRRATs</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ff00\">และเชื่อว่ามันอาจจะเป็นดาวนิวตรอนชนิดหนึ่งที่มีวิวัฒนาการแตกต่างจากดาวนิวตรอนและดาวแม็กเนตาร์หรือกำลังวิวัฒนาการจากดาวนิวตรอนไปเป็นดาวแม็กเนตาร์ก็เป็นได้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ff00\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ff00\"></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"font-size: x-large; color: #ff99cc\">อันดับ </span></strong><strong><span style=\"font-size: x-large; color: #ff99cc\">4 ระบบดาวฤกษ์</span> </strong>\n</p>\n<p>\n<strong></strong>\n</p>\n<p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902550-image008.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff99cc\">ดาวฤกษ์ส่วนใหญ่ในกาแลกซี่ทางช้างเผือกไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวอย่างดวงอาทิตย์แต่อยู่รวมกันเป็นระบบที่เรียกว่า Multiple-Star Systems โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งจะอยู่กันเป็นคู่ๆที่เรียกว่า Binary Stars</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff99cc\">นอกจากพวกมันจะอยู่รวมกันแล้ว ดาวฤกษ์เหล่านี้จะมีดาวเคราะห์บริวารด้วยหรือไม่ ในปี 2005 นักดาราศาสตร์ก็ได้คำตอบเมื่อพบดาวเคราะห์บริวารดวงแรกของดาวเคราะห์คู่</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff99cc\"></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"font-size: x-large; color: #00ccff\">อันดับ </span></strong><strong><span style=\"font-size: x-large; color: #00ccff\">3 ซุปเปอร์โนวา</span> </strong>\n</p>\n<p>\n<strong></strong>\n</p>\n<p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902552-image009.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ccff\">ปรากฏการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในท้องฟ้าอย่างหนึ่งก็คือ ซุปเปอร์โนวา (Supernova) การระเบิดของดาวฤกษ์มวลมากที่หมดอายุขัย ซึ่งจะส่งลำแสงพลังงานสูงและสสารสู่อวกาศ และยุบตัวลงเป็นดาวนิวตรอนหรือหลุมดำ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ccff\">ซุปเปอร์โนวามีความสว่างจ้าบนท้องฟ้าชั่วขณะหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแม้ในเวลากลางวัน นับตั้งแต่เกิดซุปเปอร์โนวาเคปเลอร์เมื่อปี 1604 แล้ว นักดาราศาสตร์ก็ยังไม่พบซุปเปอร์โนวาที่เกิดในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกอีกเลย</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ccff\"></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"font-size: x-large; color: #993300\">อันดับ </span></strong><strong><span style=\"font-size: x-large; color: #993300\">2 โซลาร์แฟลร์</span> </strong>\n</p>\n<p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902556-image010.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">ดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะก็มีความน่าพิศวง บรรยากาศของดวงอาทิตย์หรือ คอโรนา (Corona) จะมีอุณหภูมิสูงถึง 3.6 ล้านองศาฟาเรนไฮต์ หรือ 2 ล้านองศาเซลเซียส พลังงานความร้อนที่สูงมากขนาดนี้จะสาดอนุภาคพลังงานสูงที่มีประจุไฟฟ้าให้พุ่งออกจากดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วสูงเกือบเท่าความเร็วแสง การประทุนี้เรียกกันว่าโซลาร์แฟลร์ (Solar Flares) ซึ่งทำให้เกิดพายุสุริยะ เมื่อพายุสุริยะเดินทางถึงชั้นบรรยากาศของโลกมันสามารถทำลายระบบสื่อสารและดาวเทียมของโลกหรือ แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือได้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">การประทุโซลาร์แฟลร์ขนาดใหญ่ที่สุดมีพลังงานสูงเทียบเท่ากับระเบิดไฮโดรเจนหลายล้านลูก หรือมีพลังงานเพียงพอที่จะใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้นานถึง 100,000 ปี</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">ปัจจุบันนักดาราศาสตร์อยู่ในช่วงเริ่มต้นการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างและปฏิกิริยาภายในของดวงอาทิตย์เพื่อจะทำนายปรากฏการณ์อันน่าพิศวงอย่างเช่นโซลาร์แฟลร์นี้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\"></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"font-size: xx-large; color: #ff00ff\">อันดับ </span></strong><strong><span style=\"font-size: xx-large; color: #ff00ff\">1 หลุมดำ</span> </strong>\n</p>\n<p>\n<img src=\"http://www.fwdder.com/data/mail/2008/05/15/1210792742430/image/__fwdDer.com__-021902562-image011.jpg\" onerror=\"javascript:this.src=\'http://www.fwdder.com/static/images/fwdder_noimage.png\';\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff00ff\">อันดับ 1 ก็คือหลุมดำ (Black Holes) หลุมดำกำเนิดจากการยุบตัวของดาวฤกษ์มวลมากเมื่อสิ้นอายุขัย ความน่าพิศวงของหลุมดำก็คือมันมีความหนาแน่นมากจนกระทั่งไม่มีสิ่งใดๆจะหลุดรอดจากแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลของมันได้แม้กระทั่งแสง</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff00ff\">ปัจจุบันนักดาราศาสตร์พบหลักฐานว่าหลุมดำมีอยู่จริง และยังพบว่ามีหลุมดำยักษ์ที่เรียกว่า Supermassive Black Holes ซึ่งมักจะอยู่บริเวณใจกลางกาแล็กซี่ด้วย</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff00ff\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff00ff\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff6600\">ด.ญ.ขวัญจิรา  อังคานุกูลวิทย์</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff6600\">ชั้นม. 1/9 เลขที่ 27</span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1715283440, expire = 1715369840, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:a27c7c7c0cf1a490bc9989f9aaf5997e' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

10 อันดับดวงดาวที่น่าพิศวงมากที่สุดในระบบสุริยะ ... ~~~!!

รูปภาพของ sss29178

สำหรับนักดูดาวแล้ว ดาวฤกษ์บนท้องฟ้าจะส่องแสงระยิบระยับคล้ายๆกัน แต่ในความเป็นจริงดาวฤกษ์ในจักรวาลกำลังเดินไปบนเส้นทางวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน เริ่มจากการระเบิด แต่จุดจบของมันก็ไม่ใช่ความสิ้นสุด ทว่าคือความแปรเปลี่ยนไปเป็นเทหวัตถุใหม่หลากหลายชนิด ตั้งแต่ดาวแคระขาวไปจนกระทั่งถึงหลุมดำ ซึ่งหลายชนิดมีความลึกลับและน่าพิศวงเป็นอย่างยิ่ง

ต่อไปนี้คือ 10 อันดับดาวลึกลับหรือน่าพิศวงที่นักดาราศาสตร์จัดไว้

อันดับ 10 ดาวแคระขาว

เมื่อดาวฤกษ์ซึ่งมีมวลขนาดดวงอาทิตย์หรือน้อยกว่า1.4 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ เผาผลาญเชื้อเพลิงนิวเคลียร์หมดไป ผิวนอกของมันจะระเบิดและกระจายไปในอวกาศ ส่วนแกนกลางจะยุบตัวลงกลายเป็นดาวแคระขาว(white dwarf)

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเปลือกของดาวแคระขาวซึ่งมีความหนาราว 31 ไมล์หรือ 50 กิโลเมตรเป็นผลึกของคาร์บอนและออกซิเจนซึ่งคล้ายกับเพชร ดาวแคระขาวจึงถูกเรียกขานว่า"เพชรในอวกาศ"

อันดับ 9 ดาวแม็กเนตาร์

ดาวแม็กเนตาร์(Magnetars) คือดาวนิวตรอนชนิดหนึ่ง ความน่าพิศวงของมันก็คือ สนามแม่เหล็กของดาวแม็กเนตาร์มีพลังงานสูงกว่าสนามแม่เหล็กของโลกหลายพันล้านเท่า มันปล่อยรังสีเอ็กซ์ออกมาทุกๆ 10 วินาที และบางครั้งยังปล่อยรังสีแกมมาออกมาอีกด้วย

อันดับ 8 กระจุกดาว

ดาวฤกษ์ต่างๆในกาแล็กซี่ไม่ได้อยู่กันตามลำพังหรือเป็นคู่ๆ หรือสามสี่ดวงเท่านั้น ทว่ายังมีดาวฤกษ์อยู่ใกล้กันเป็นกระจุกอีกด้วย บางกระจุกดาวมีดาวฤกษ์เพียงไม่กี่สิบดวง แต่บางกระจุกดาวมีดาวฤกษ์มากถึงหลายล้านดวง ดาวฤกษ์เหล่านี้กำเนิดในช่วงเวลาเดียวกันและในบริเวณเดียวกันก็จริงแต่ทำไมพวกมันจึงอยู่รวมกันเป็นกระจุก? นี่เป็นปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้จนทุกวันนี้

อันดับ 7 พัลซาร์

ปี 1999 นักดาราศาสตร์ตรวจพบรังสีเอ็กซ์และรังสีแกมมาที่ปล่อยออกมาจากดาวนิวตรอน เชื่อกันในขณะนั้นว่ามันเป็นการระเบิดซึ่งเกิดจากการสั่นไหวของพื้นผิวดาวนิวตรอนที่เรียกว่า Starquake คล้ายกับแผ่นดินไหวบนโลก ทว่าการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ของ จอห์น มิดเดิลดิตช์ นักวิทยาศาสตร์ของห้องทดลองแห่งชาติลอส อลามอส และทีมงานพบว่ามันเกิดจากการหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วพัลซาร์ (Pulsar) ดาวนิวตรอนชนิดหนึ่ง และยังพบว่าเวลาการสั่นไหวในครั้งต่อไปของมันจะเป็นส่วนกับขนาดของการสั่นไหวครั้งก่อน

อันดับ 6 ซุปเปอร์สตาร์

จักรวาลก็มีซุปเปอร์สตาร์ มันคือดาวนิวตรอน ( Neutron Stars ) ซึ่งเกิดจากดาวฤกษ์มวลมาก( 1.5 ถึง 3 เท่าของดวงอาทิตย์) ระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวาเมื่อมันเผาพลาญเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จนหมดและยุบตัวลง

ดาวนิวตรอนเป็นดาวที่มีความหนาแน่นมากที่สุด อัดแน่นไปด้วยนิวตรอนเกือบทั้งหมด เนื้อดาวขนาดหนึ่งช้อนชาจะหนักถึงหนึ่งพันล้านตันบนโลกหรือมากกว่า ดาวนิวตรอนที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับเมืองเล็กๆเท่านั้น

เมื่อปี 2005 นาซาตรวจพบดาวนิวตรอนสองดวงชนกันซึ่งปล่อยรังสีแกมมาออกมาอย่างมหาศาล มีความสว่างเท่ากับแสงของดวงอาทิตย์ถึง 100,000 ล้านล้านเท่า นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการชนกันของดาวนิวตรอนจะกลายเป็นหลุมดำในที่สุด

อันดับ 5 ดาว RRATs

นักดาราศาสตร์ค้นพบคลื่นวิทยุที่ส่งมาจากดาวปริศนาหลายดวงในกาแล็กซี่ทางเผือกเป็นช่วงๆและในเวลาสั้นๆเพียง 1 ในร้อยของวินาทีเท่านั้น การศึกษาพัลซาร์หรือดาวนิวตรอนที่หมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็วและปล่อยรังสีเอ็กซ์ รังสีแกมมา คลื่นวิทยุและแสงสว่างออกมาเป็นจังหวะ มากกว่า 800 ดวง พบว่าไม่ใช่ต้นตอแน่นอน เพราะการส่งคลื่นวิทยุของมันแตกต่างกัน แต่ดาวปริศนานี้ก็หมุนรอบตัวเองคล้ายกับพัลซาร์

นักดาราศาสตร์เรียกดาวปริศนานี้ว่า Rotating Radio Transients หรือRRATs

และเชื่อว่ามันอาจจะเป็นดาวนิวตรอนชนิดหนึ่งที่มีวิวัฒนาการแตกต่างจากดาวนิวตรอนและดาวแม็กเนตาร์หรือกำลังวิวัฒนาการจากดาวนิวตรอนไปเป็นดาวแม็กเนตาร์ก็เป็นได้

อันดับ 4 ระบบดาวฤกษ์

ดาวฤกษ์ส่วนใหญ่ในกาแลกซี่ทางช้างเผือกไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวอย่างดวงอาทิตย์แต่อยู่รวมกันเป็นระบบที่เรียกว่า Multiple-Star Systems โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งจะอยู่กันเป็นคู่ๆที่เรียกว่า Binary Stars

นอกจากพวกมันจะอยู่รวมกันแล้ว ดาวฤกษ์เหล่านี้จะมีดาวเคราะห์บริวารด้วยหรือไม่ ในปี 2005 นักดาราศาสตร์ก็ได้คำตอบเมื่อพบดาวเคราะห์บริวารดวงแรกของดาวเคราะห์คู่

อันดับ 3 ซุปเปอร์โนวา

ปรากฏการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในท้องฟ้าอย่างหนึ่งก็คือ ซุปเปอร์โนวา (Supernova) การระเบิดของดาวฤกษ์มวลมากที่หมดอายุขัย ซึ่งจะส่งลำแสงพลังงานสูงและสสารสู่อวกาศ และยุบตัวลงเป็นดาวนิวตรอนหรือหลุมดำ

ซุปเปอร์โนวามีความสว่างจ้าบนท้องฟ้าชั่วขณะหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแม้ในเวลากลางวัน นับตั้งแต่เกิดซุปเปอร์โนวาเคปเลอร์เมื่อปี 1604 แล้ว นักดาราศาสตร์ก็ยังไม่พบซุปเปอร์โนวาที่เกิดในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกอีกเลย

อันดับ 2 โซลาร์แฟลร์

ดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะก็มีความน่าพิศวง บรรยากาศของดวงอาทิตย์หรือ คอโรนา (Corona) จะมีอุณหภูมิสูงถึง 3.6 ล้านองศาฟาเรนไฮต์ หรือ 2 ล้านองศาเซลเซียส พลังงานความร้อนที่สูงมากขนาดนี้จะสาดอนุภาคพลังงานสูงที่มีประจุไฟฟ้าให้พุ่งออกจากดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วสูงเกือบเท่าความเร็วแสง การประทุนี้เรียกกันว่าโซลาร์แฟลร์ (Solar Flares) ซึ่งทำให้เกิดพายุสุริยะ เมื่อพายุสุริยะเดินทางถึงชั้นบรรยากาศของโลกมันสามารถทำลายระบบสื่อสารและดาวเทียมของโลกหรือ แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือได้

การประทุโซลาร์แฟลร์ขนาดใหญ่ที่สุดมีพลังงานสูงเทียบเท่ากับระเบิดไฮโดรเจนหลายล้านลูก หรือมีพลังงานเพียงพอที่จะใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้นานถึง 100,000 ปี

ปัจจุบันนักดาราศาสตร์อยู่ในช่วงเริ่มต้นการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างและปฏิกิริยาภายในของดวงอาทิตย์เพื่อจะทำนายปรากฏการณ์อันน่าพิศวงอย่างเช่นโซลาร์แฟลร์นี้

อันดับ 1 หลุมดำ

อันดับ 1 ก็คือหลุมดำ (Black Holes) หลุมดำกำเนิดจากการยุบตัวของดาวฤกษ์มวลมากเมื่อสิ้นอายุขัย ความน่าพิศวงของหลุมดำก็คือมันมีความหนาแน่นมากจนกระทั่งไม่มีสิ่งใดๆจะหลุดรอดจากแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลของมันได้แม้กระทั่งแสง

ปัจจุบันนักดาราศาสตร์พบหลักฐานว่าหลุมดำมีอยู่จริง และยังพบว่ามีหลุมดำยักษ์ที่เรียกว่า Supermassive Black Holes ซึ่งมักจะอยู่บริเวณใจกลางกาแล็กซี่ด้วย

ด.ญ.ขวัญจิรา  อังคานุกูลวิทย์

ชั้นม. 1/9 เลขที่ 27

 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 298 คน กำลังออนไลน์