โรคคิคูชิ
โรคคิคูชิ (Kikushi Disease) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Histiocytic Necrotizing Lymphadenitis หรือ Kikushi-Fujimoto disease
เป็นโรคที่พบได้น้อยมาก และยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดคาดกันว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค เป็นผลมาจากการติดเชื้อบางอย่าง
-อยู่ในกลุ่มโรคประเภท-
โรคต่อมน้ำเหลืองโตแบบไม่ติดเชื้อ ไม่มีสาเหตุของโรค และเป็นโรคที่เกิดกับคนผิวขาว
-ผู้ค้นพบ-
แพทย์ญี่ปุ่นเป็นผู้ค้นพบโรคนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อโรค
-สาเหตุของการเกิดโรค-
เกิดจากเชื้อ Cytomegalovirus, Epstein-Barr virus, Herpes virus, Varicella-zoster virus, Parainfluenza virus,
Parvovirus B19 และ Paramyxovirus
นอกจากนี้ ยังมีบางทฤษฎีที่เชื่อว่า Kikushi มีความเกี่ยวเนื่องกับโรค SLE ด้วย หรืออาการคล้าย กับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งการแยกให้ชัดเจน จำเป็นจะต้องทำการใช้เข็มเจาะดูด หรือผ่าเอาต่อม น้ำเหลืองมาตรวจจึงจะตอบได้แต่สาเหตุที่แน่ชัดยังต้องรอการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไป
-อาการของโรค-
ลักษณะของโรคมักเป็นดังนี้
1. 63% ของผู้ป่วยที่รวบรวมมา 108 คนเป็นคนผิวขาว
2. พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 3:1
3. สามารถพบได้ในผู้ป่วยอายุ 4-75 ปี แต่ส่วนใหญ่มักพบในวัยหนุ่มสาว เฉลี่ยอายุประมาณ 30 ปี
อาการที่แสดงออกมา
1. ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
2. มักจะเป็นต่อมน้ำเหลืองโดดๆ
3. อาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย (50% ของผู้ป่วยทั้งหมด) เช่น ปวดหัว, อาเจียน, ปวด เมื่อยตามตัว, น้ำหนัก ลด, ปวดข้อ,
ผื่นขึ้น, ปวดท้อง
4. อาการอื่นๆ ที่พบได้บ้างแต่น้อยได้แก่ ตับม้ามโต, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
-วิธีรักษา-
โรค Kikushi ส่วนใหญ่จะหายได้เอง คือใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรืออาจ ไปจนถึง 6 เดือน โอกาสเป็นซ้ำแค่ 3% และอัตราตายน้อยมาก เท่าที่ทราบตอนนี้มีแค่ 3 รายเท่านั้น ดังนั้นถ้าพิสูจน์ทราบว่าเป็นโรคนี้ ก็ยังไม่ต้องแตกตื่นตกใจครับ ถือเป็นโรคที่มีการพยากรณ์โรคที่ค่อน ข้างดี การรักษาในทางการแพทย์แบบแผน โดยทั่วไปจะให้ยาในกล่ม NSAID แต่ถ้าอาการเป็นมาก แพทย์อาจ ใช้ยาในกลุ่ม Steroid ร่วมด้วย