โรค สมองเสื่อม หรือ อัลไซเมอร์
ชื่อโรค : โรคสมองเสื่อม / อัลไซเมอร์ หรือ Alzheimer's disease หรือ AD
อยุ่ในกลุ่มโรคประเภท : ระบบประสาท
ผู้ค้นพบ : อาลอยส์ อัลซไฮเมอร์ (Alois Alzheimer)
สาเหตุ
เชื้อโรค : -
พฤติกรรม/จิตใจ : ความผิดปกติที่มีผลโดยตรงต่อสมอง ซึ่งเป็นศูนย์การสื่อสารในการควบคุมความ ความรู้สึก และการตอบสนองของเราการสื่อสารที่สำคัญต่าง ๆ ในร่างกายจะถูกส่งผ่านสมอง โดยมีสารเคมีที่เรียกว่า สารสื่อประสาท (NEURO-TRANSMITTER) เป็นตัวสื่อสาร จะช่วยนำคำสั่งจากสมองไปยังอวัยวะเป้าหมายเพื่อเกิดการทำงานขึ้น สำหรับสารสื่อประสาทที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความจำของเราคือ สารอะเซติลโคลีน (ACETYLCHOLINE) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารนี้ช่วยทำให้มนุษย์มีความสามารถในการจำ
หากในสมองมีสารนี้ลดน้อยลง จะทำให้เซลล์สมอง มีปัญหาในการสื่อสาร และพบว่าผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ มีระดับของสารอะเซติลโคลีนลดลงอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่า เป็นเหตุทำให้ความสามารถในการจำ และการใช้เหตุผลของผู้ป่วยลดลงตามไปด้วย ปริมาณสารอะเซติลโคลีนนี้ ส่วนหนึ่งถูกควบคุมโดยเอนไซม์ที่มีชื่อว่า อะเซติล-โคลีนเอสเทอเรส ซึ่งจะทำหน้าที่ย่อยอะเซติลโคลีน ทำให้สารสื่อประสาทนี้ มีปริมาณน้อยลงในสมอง
อาการของโรค : อาการทั่วไปที่มักจะพบในผู้ป่วยอัลไซเมอร์คือ การมีความเปลี่ยนแปลง ๓ ด้าน ได้แก่
๑. ความเปลี่ยนแปลงด้านความจำ นึกคำพูดได้ช้าลง สับสนเรื่องวัน เวลา สถานที่ หรือจำบุคคลที่เคยรู้จักหรือคุ้นเคยไม่ได้
๒. ความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว หวาดระแวง ซึมเศร้า เฉยเมย หรือบางรายอาจมีการเห็นภาพหลอน
๓. ความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ไม่สามารถเดินทางไปในสถานที่คุ้นเคย หรือไม่สามารถใช้อุปกรณ์ต่างๆ ได้ ทั้งที่ปกติใช้อยู่เป็นประจำ
วิธีรักษา : พบว่าในปัจจุบัน โรคอัลไซเมอร์ ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เป็นการรักษาเพื่อให้อาการดีขึ้น ให้ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เหตุผลหนึ่งที่ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ มีความจำเสื่อม เนื่องจากมีระดับของสารสื่อประสาทอะเซติลโคลีน จึงมีการพัฒนายา ซึ่งสามารถยับยั้งเอนไซม์อะเซติลโคลีนเอสเทอเรส ซึ่งน่าจะให้สารอะเซติลโคลีนคงเหลืออยู่มากขึ้น
ปัจจุบันมียาที่เรียกว่า สารยับยั้งอะเซติลโคลีนเอสเทอเรส ซึ่งช่วยลดการย่อยสารอะเซติลโคลีน และเป็นการรักษาระดับของอะเซติลโคลีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มต้น และระยะปานกลาง ในการรักษาอาการความจำเสื่อม
สารยับยั้งอะเซติลโคลีนเอสเทอเรสหลายตัว อาจมีอาการข้างเคียงในคนไข้บางคน เช่น ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์
ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ในระยะต้นๆ มักมีพฤติกรรมต่างๆ เกิดขึ้น เช่น ซึมเศร้านอนไม่หลับ ตื่นตกใจง่าย ก้าวร้าว ไม่สนใจทำกิจวัตรประจำวัน การให้คำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้ผู้ป่วยลดความวิตกกังวล หรือซึมเศร้า ซึ่งเกิดจากโรคอัลไซเมอร์ พร้อมทั้งการให้ยาเพื่อรักษาอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ให้คำปรึกษา และวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสมที่สุด
วิธีป้องกัน : 1. การกินสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินซี หรือวิตามินอี สารเหล่านี้มีอยู่ในพืชผักตามธรรมชาติแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อหามาแพงๆ
2. การกินน้ำมันปลาให้เพียงพอ เพราะน้ำมันปลาช่วยลดการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนต่างๆ ของร่างกายหรือสมอง
3. กินอาหารเสริม Phosphatidylserine แต่ตามข่าวบอกว่าแหล่งข่าวเองก็ไม่แน่ใจว่าสารตัวนี้จะช่วยได้จริงหรือเปล่า ชื่ออาหารเสริมอ่านยากและฟังดูแพงและน่าจะหาซื้อไม่ง่ายนักในประเทศไทย
4. กินแกงที่ใส่เครื่องแกงรสจัด เพราะมีงานวิจัยจากสิงค์โปร์พบว่าผู้กินแกงใส่เครื่องแกงสัปดาห์ละครั้งมีความทรงจำที่ดีกว่าผู้ไม่ได้กิน วิธีนี้น่าจะเหมาะสมกับคนไทยเรามากที่สุด
5. ออกกำลังกายสมองอย่างสม่ำเสมอ ตามข่าวว่ามีงานวิจัยพิสูจน์แล้วเรื่องใช้สมองคิดเยอะๆ ลดความเสื่อมของสมองได้ดี วิธีนี้ไม่มีต้นทุน
สะท้อนความคิดเห็น
ทำไมสนใจศึกษาเรื่องนี้ : คิดว่าเป็นโรคที่น่าสนใจ อีกโรคหนึ่ง เพราะในปัจจุบัน เริ่มพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะ ผู้สูงอายุ อีกทั้งยังไม่มีวิธีที่ช่วยรักษาให้หายขาด มีเพียงการรักษาให้อาการดีขึ้นเท่านั้น อาจจะเป้นโรคที่ผู้สูงอายุทุกคนจะต้องเป็นก็ได้ ด้วยตัวเลจของอายุทำให้การทำงานของระบบต่างๆเสื่อม รวทั้ง ระบบสมองด้วย
คิดอย่างไรกับโรคนี้ : เป็นโรคที่น่ากลัวอีกโรคหนึ่ง เเหมจะดูเหมือนไม่มีอะไรที่น่ากลัวมากมายเหมือนกับโรคอื่นๆที่เป็นเเล้วรักษาไม่ทันอาจจะตายได้ เเต่โรคนี้ถ้าเป็นมากๆเเล้วจะทำให้ สมองในการจดจำสิ่งต่างลดน้อยลงเรื่อยๆ ใช้ชีวิตประจำวันผิดเเปลกไปจากเดิม อารมณ์เเปรปรวนง่าย เเละที่อันตรายที่สุด อาจจะจำอะไรไม่ได้เลยเเม้เเต่ ชื่อตัวเอง ดังนั้นหากมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ควรพบเเพทย์ เเละปฎิบัติตามการรักษาที่ถูกต้อง