โรคหัด
แหล่งที่มาของรูป: http://www.kantang-hospital.net/html/modules/activeshow_mod/images/picture/1227336150.jpg
โรคหัด ( Measles)
โรคหัดเป็นโรคไข้ออกผื่น (Exanthematous fever)ที่พบบ่อยในเด็กเล็กนับว่าเป็นดรคที่มีความสำคัญมากโรคหนึ่ง เพราะอาจมี
โรคแทรกซ้อนทำให้ถึงเสียชีวิตได้
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัส Measles ซึ่งอยู่ในตระกูล Paramyxovirus ซึ่งเป็น RNA ไวรัสที่จะพบได้ในจมูกและลำคอของผู้ป่วย
อาการของโรคหัด
อาการเริ่มด้วยมีไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง ตาแฉะและกลัวแสงอาการต่างๆจะมากขึ้นพร้อมกับไข้สูงขึ้นและจะสูงเต็มที่เมื่อมีผื่นขึ้นในวันที่ 4 ของไข้ลักษณะผื่นนูนแดงติดกันเป็นปื้นๆดดยจะขึ้นที่หน้า บริเวณชิดขอบผมแล้วแผ่กระจายไปตามลำตัว แขน ขา เมื่อผื่นแพร่กระจายไปทั่วตัวซึ่งกินเวลาประมาณ 2-3 วัน ไข้ก้จะเริ่มลดลง ผื่นที่ระยะแรกมีสีแดงจะมีสีเข้มขึ้นเป็นสีแดงคล้ำหรือน้ำตาลแดงซึ่งคงอยู่นาน5-6 วันกว่าจะจางหายไปหมด กินเวลาประมาณ2 สัปดาห์ บางครั้งจะพบผิวหนังลอกเป็นขุย
การตรวจในระยะ1-2 วันก่อนผื่นขึ้นจะพบจุดขาวๆเล็กๆมีขอบสีแดงๆอยู่ในกระพุ้งแก้ม วึ้งจะช่วยให้วินิจแยโรคหัดได้ก่อนที่จะมีผื่นขึ้น
การรักษา
- ให้การรักษาตามอาการ ถ้าไข้สูงมากให้ยาลดไข้เป็นครั้งคราวร่วมกับการเช็ดตัว ให้ยาแก้ไอที่เป็นยาขับเสมหะได้เป็นครั้งคราว
- ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ นอกจากรายที่มีโรคแทรกซ้อนเช่นปอดอักเสบหูอักเสบ
- ให้อาหารอ่อนที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ให้วิตามินเสริมโดยเฉพาะวิตามินเอ องค์การอนามัยโลกและUNICEF แนะนำให้วิตามินเอ แก่เด็กที่เป็นหัด
การแยกผู้ป่วย
แยกผู้ป่วยที่สงสัยเป็นหัดจนถึง 4 วันหลังผื่นขึ้น
การป้องกัน
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย วิธีที่ดีที่สุดคือให้วัคซีนป้อกันปัจจุบันกระทรวงสาะรณสุขให้วัคซีนป้องกันโรคหัด2ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเด็กอายุ9-12 เดือนโดยให้ในรูปของวัคซีนหัดชนิดเยว (m) ครั้งที่สองเมื่อเด็กเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1 โดยให้ในรูปของวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR)
สำหรับผู้ที่สัมผัสโรคภายในระยะ72 ชั่วโมงอาจพิจารณาให้วัคซีนหัดทันทีซึ่งจะป็องกันโรคได้
ถ้าสัมผัสโรคเกิน72 ชั่วโมงแต่ไม่เกิน6 วันให้ Immune globulin(IG)เพื่อป้องกันหรือทำให้ความรุนแรงของโรคลดลง โดยให้ IG ฉีดเข้ากล้ามเนื้อต้นแขน0.25 มล./กก. ผู้ที่ควรพิจารณาให้ IG ได้แก่เด็กเล็กอายุน้อกว่า1 ปี ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หญิงมีครรภ์ และเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการ ซึ่งคนเหล่านั้นถ้าเป็นหัดแล้วจะมีภาวะแทรกซ้อนสูง
การวินิจฉัยโรค
จากอาการทางคลินิก ลักษณะการเกิดผื่นในวันที่ 4 และการแพร่กระจายของผื่นจากหน้าไปยังแขนขา การมีKoplik's spots แต่การวินิจฉัยที่แน่นอนคือการตรวจหา antibody ต่อ measles โดยการเจาะเลือดตรวจในระยะที่มีผื่น และครั้งที่สองห่างไป 2-4 สัปดาห์ ด้วยวิธี Hemagglutination inhibition test หรืออาจตรวจด้วยวิธี ELISA ตรวจหา specific IgM การแยกเชื้อไวรัสจาก nasopharyngeal secretion จากตาหรือปัสสาวะ ในระยะที่มีไข้จะสามารถยืนยันได้ว่าเป็นโรคหัดแต่การแยกเชื้อทำได้ยาก จึงไม่ได้ทำกันนอกจากเป็นการวิจัย
ระบาดวิทยา
โรคหัดติดต่อกันได้ง่ามาก โดยการไอ จาม หรือพูดกันในระยะใกล้ชิด เชื้อไวรัสจะกระจายอยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยและเข้าสู่ร่างกายโดยทางการหายใจ บางครั้งเชื้ออยู่ในอากาศเมื่อหายใจเอาระอองที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสเข้าไปก้ทำใหเป็นโรคได้ผู้ติดเชื้อจะเป็นโรคเกือบทุกราย
ถ้าไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค เด็กมีโอกาสเป็นหัดได้เมื่อภูมิคุ้มกันที่ผ่านมาจากแม่หมดไปเมื่ออายุประมาณ 6-9 เดือนอายุที่พบบ่อยคือ 1-6 ปี ถ้าไม่มีภูมิต้านทานจะเป็นได้ทุกอายุ ในประเทศไทยเริ่มให้วัคซีนป้องกันโรคหัดเมื่อพ.ศ.2527 ทำให้อุบัติการณ์ของโรคลดลงเป็นจำนวนมากโดยเพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีแต่ก็ยังพบโรคได้ประปรายและมีการระบาดเป็นครั้งคราวในชนบท ผู้ป่วยที่พบส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และเป็นเด็กอายุเกิน5 ปีมากขึ้น
ผู้ป่วยหัดจะมีเชื้อไวรัสในลำคอและแพร่เชื่อได้ในระยะจาก 1-2วันก่อนที่จะเริ่มมีอาการไปถึงระยะหลังผื่นขึ้นแล้ว 4วัน
ระยะฝักตัวของโรคจากที่เริ่มสัมผัสโรคจนถึงมีอาการประมาณ8-12 วันเฉลี่ยจากวันที่สัมผัสจนถึงมีผื่นเกิขึ้นประมาณ14วัน
โรคแทรกซ้อน
พบได้บ่อยมากโดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในสภาพยากจน อยู่ในชุมชนแออัด มีภาวะทุพโภชนาการและในเด็กเล็กที่พบบ่อยมีดังนี้
1. ระบบทางเดินหายใจ
- หูส่วนกลางอักเสบ
- หลอดลมอักเสบ
- ปอดอักเสบ
2. ระบบทางเดินอาหาร พบอุจาระร่วงซึ่งจะนำไปสู่ภาวะทุพโภชนาการ
3. สมองอักเสบพบได้ประมาณ1ใน1000ราย ซึ่งจะทำให้มีการพิการเหลืออยู่ ถ้าไม่เสียชีวิต
4. ในเด็กที่มีภาวะขาดวิตามินเออาจจะรุนแรงและอาจทำให้มีอาการตาบอด
โรคหัดจัดอยู่ในกลุ่มโรคประเภท ผิวหนัง
แหล่งที่มาของข้อมูล: http://thaigcd.ddc.moph.go.th/vac-p-Mea.html
สะท้อนความคิดเห็น
โรคหัดจะเกิดกับเด็กเล็กเพราะเด็กเล็กจะไม่มีภูมิคุ้มกันหรือภูมิต้านทานที่ดี โอกาสที่จะเป็นโรคหัดมีมากกว่าเด็กโต เด็กที่พบว่าเป็นโรคหัดส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันและเป็นเด็กอายุเกิน 5ปี ดังนั้นพ่อแม่ควรพาเด็กไปรับวัคซีนเพื่อป้องกันการเป็นโรคหัด ในกรณีที่เด็กเป็นโรคหัดก็ไม่ต้องตกใจกลัวโรคชนิดนี้ เพราะโรคหัดมีวัคซีนป้องกันทำให้รักษาจนหายได้และเมื่อสงสัยว่าเด็กเป็นโรคหัดก็ควรพาไปพบแพทย์ถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานานๆอาจเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นกับตัวเด็กได้และอาจจะเป็นอันตรายกับเด็กมากยิ่งขึ้น