• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:7adb3e5ae828f764a75ab66daaa71f89' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<strong><span style=\"color: #ff00ff\">ประวัติความเป็นมาของสุนัขพันธุ์ชิสุ</span></strong>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"341\" src=\"/files/u7338/1.jpg\" height=\"415\" style=\"width: 195px; height: 215px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://women.sanook.com/app/isanook/resize/415x415/45759_006.jpg\">http://women.sanook.com/app/isanook/resize/415x415/45759_006.jpg</a>\n</p>\n<p align=\"left\">\n          ชิสุเป็นสุนัขพันธุ์เล็กมีขนสวยงามน่ารัก คนที่มีโอกาสได้สัมผัสสุนัขพันธุ์นี้แล้วมักอยากจะหามาเลี้ยงเป็นของตัวเอง แม้ในประเทศที่มีเนื้อที่สร้างบ้านจำกัด ชิสุก็มีโอกาสเข้าไปเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของครอบครัวเสมอ ตามคอนโด หรืออพาร์ตเม้นท์ก็ไม่เว้น ในบ้านเราเองชิสุเป็นสุนัขพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน และเป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่มีผู้ส่งเข้าประกวดมากที่สุด ในสุนัขกลุ่มทอย<br />\n บรรพบุรุษของชิสุค่อนข้างจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นักแต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าชิสุมีต้นกำเนิดจากทิเบต เนื่องจากตามประวัติศาสตร์ของชาวทิเบตถือว่าสิงโตเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อทางศาสนา พระชาวทิเบต จึงได้ผสมสุนัขพันธุ์เล็กขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิงโต ชิสุ (ซึ่งแปลว่าสิงโต) จึงได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่เก่าแก่ และตัวเล็กที่สุดในบรรดาสุนัขศักดิ์สิทธิ์ และมีลักษณะบางอย่างคล้ายกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ของชาวทิเบต<br />\n          สำหรับประเทศจีนตามประวัติศาสตร์อันยาวนานและรุ่งโรจน์นั้น การเพาะพันธุ์สุนัขสิงโต ที่มีขนาดเล็ก เป็นงานอดิเรกที่โปรดปรานของชาวราชสำนัก โดยเฉพาะพระนางชูสีไทเฮา ก่อนปี ค.ศ.๑๖๒๔ มีหลักฐานยืนยันว่าสุนัขขนาดเล็กถูกส่งจากประเทศมอลต้า ตุรกี กรีซ และเปอร์เซีย เพื่อเป็นของขวัญให้กับจักรพรรดิจีน และสุนัขสิงโตจากทิเบต (ซึ่งชิสุอาจสืบเชื้อสายมาจากพันธุ์นี้) ที่ได้เข้ามาในประเทศจีนในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งพระทิเบตถวายเป็นเครื่องบรรณาการแก่ราชสำนักจีน ชาวจีนได้ทำการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสุนัขทิเบตกับสุนัขที่ได้มาจากยุโรปรวมทั้งได้ผสมข้ามสาบพันธุ์กับสุนัขพันธุ์ปั๊กและปักกิ่ง<br />\n          การที่เรามีสายพันธุ์ชิสุที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนี้นั้น ต้องยกให้เป็นความดีของพระนางชูสีไทเฮาที่พยายามจะรักษาสายพันธุ์นี้ไว้ ซึ่งคอกสุนัขปั๊ก ปักกิ่ง และชิสุของพระนางชูสีไทเฮาเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงทั่วโลก และถึงแม้ว่าพระนางจะดูแลเอาใจใส่สุนัขในคอกเป็นอย่างดีในตลอดช่วงเวลาที่พระนางมีชีวิตอยู่ แต่ก็ยังถูกลักลอบ นำออกไปโดยขันฑีราชสำนัก ( เนื่องจากมีสุนัขจำนวนมากเป็นร้อยตัวและประชาชนยังไม่มีสิทธิ์ที่จะเลี้ยง เพราะผู้ที่เลี้ยงได้ต้องเป็นผู้ที่อยู่ในวังเท่านั้น ) ซึ่งขันฑีได้แอบ ผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์เพื่อต้องการลดขนาดของสุนัขให้เล็กลงและให้ได้มาร์คกิ้งที่ต้องการ หลังจากพระนางชูสีไทเฮาสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. ๑๙๐๘ สุนัขก็ค่อยๆกระจัดกระจายหายไป การผสมพันธุ์ก็เป็นไปแบบตามอำเภอใจ แต่ก็ยังคงผสมพันธุ์เพื่อรักษาสายพันธุ์ไว้อยู่ และหลังจากที่มีการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ สุนัขในพระราชวังก็สูญพันธุ์ไปเนื่องจากมีการทำลายล้างพระราชวัง\n</p>\n<p align=\"left\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://pirun.ku.ac.th/~b4709058/page1.html\">http://pirun.ku.ac.th/~b4709058/page1.html</a>\n</p>\n<p align=\"left\">\n </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak-->\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>ชิสุมีความนิยมแพร่หลายจากประเทศจีนไปไหนกันบ้าง</strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"350\" src=\"/files/u7338/13.jpg\" height=\"344\" style=\"width: 250px; height: 223px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"/files/u570/Shih_Tzu16.jpg\">http://www.thaigoodview.com/files/u570/Shih_Tzu16.jpg</a>\n</p>\n<p align=\"left\">\n          ชิสุ เข้าสู่ยุโรป ไม่วาจะเป็นอังกฤษ ไอส์แลนด์ หรือประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียประมาณปี ๑๙๓๐ ในประเทศอังกฤษ มีการนำเข้าสุนัขเพศผู้ ๗ตัว เพศเมีย ๗ตัวจากประเทศจีน ซึ่งมีเชื่อสายของชิสุอยู่และหนึ่งใน ๑๔ ตัวนี้ก็มีสุนัขพันธุ์ปักกิ่งรวมอยู่ด้วยและอังกฤษได้มีการผสมข้ามสายพันธุ์ในราวปีค.ศ.๑๙๕๒ สำหรับสุนัขที่เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งรวมถึงชิสุ ๓ตัว ถูกนำมาจากประเทศจีนโดย Mrs. Lady Brownring กลายเป็นต้นตระกูลของคอก Taishan Shih Tzu ในประเทศอังกฤษและมีการนำเข้าอีก ๘ ตัว ในระหว่างปี ค.ศ.๑๙๓๓-๑๙๕๙<br />\n          ชิสุชุดแรกที่เข้าไปในประเทศอังกฤษตอนนั้นคนอังกฤษต่างเข้าใจผิดว่า เป็นพันธุ์ ลาซาแอ๊ปโซ ต่อมาจึงมีการแบ่งแยกพันธุ์ทั้งสองออกจากกันอย่างชัดเจน พระเจ้ายอร์ชที่ ๖ แห่งอังกฤษ เคยกล่าวถึงสุนัขพันธุ์นี้ว่า ชุ-ซู เพราะตอนที่มาหาเราครั้งแรกนั้นมันทำเสียงเหมือนรถไฟ ชาวอังกฤษมีความรู้สึกที่ดีต่อสุนัขพันธุ์นี้ว่าเป็นสุนัขชั้นสูงที่น่าเลี้ยงพันธุ์หนึ่ง เพราะเคยได้ยินมาว่า ในอดีตสุนัขชนิดนี้เคยใช้หมุนกงล้อศักดิ์สิทธิ์ซึ่งบรรจุคัมภีร์ที่เชื่อกันว่ามาจากสรวงสวรรค์ นักประวัติสาสตร์กล่าวกันว่า ชิสุที่นำเข้าสแกนดิเนเวีย เป็นชิสุที่สมบูรณ์แบบสวยงามมากกว่าชิสุที่อยู่ในประเทศอังกฤษ เพราะสมัยนั้นชาวจีนมรความรู้สึกที่ไม่ดีต่ออังกฤษที่พวกเขาถือว่าเป็นต้นเหตุทำให้เกิด “สนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรม” เหมือนอังกฤษเอารัดเอาเปรียบชาวจีน และเกลียดทหารต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในดินแดนของจีน ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าเป็นไปได้ว่าชาวจีนจะมอบสุนัขที่ล้ำค่าเหล่านี้ให้ตรงกันข้ามกับประเทศเดนมาร์ก ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับจีน มีการนำเข้าชิสุชุดแรก ๓ ตัว จากประเทศจีน ในปีค.ศ.๑๙๓๒ โดยMrs.Henrick Kauffman ซึ่งเป็นภรรยาฑูตเดนมาร์ก ประจำประเทศจีน ในชิสุ ๓ตัวนี้ มีเพศเมียตัวหนึ่งและเป็นตัวเดียวที่ถูกเพาะพันธุ์ขึ้นในราชสำนักจีนที่มีในทวีปยุโรป<br />\n          สำหรับในอเมริกา มีการนำเข้าชิสุจากประเทศอังกฤษ ชิสุชุดแรกนำเข้ามาในประเทศอเมริกาในปีค.ศ. ๑๙๓๘ และเริ่มผสมพันธุ์นับแต่นั้นมา โดยในระยะแรกชิสุจะผสมพันธุ์และโชว์ภายใต้ชื่อ ลาซ่า แอพโซ่ และจากความสวยงามที่มีลักษณะพิเศษและอุปนิสัยอันโดดเด่นของชิสุ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้จากที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักกลายเป็นพันธุ์ที่มีเสน่ห์ ดึงดูดใจและเป็นที่นิยมมากที่สุดพันธุ์หนึ่งอย่างรวดเร็ว\n</p>\n<p align=\"left\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://club.truelife.com/club/club_contentdetails.php?club_id=1108&amp;contentfolder_id=164411&amp;content_id=745867\">http://club.truelife.com/club/club_contentdetails.phpclub_id=1108&amp;contentfolder_id=164411&amp;content_id=745867</a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak-->\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>การจดทะเบียนและการได้รับรองมาตรฐานสายพันธุ์</strong></span>\n</p>\n<p>\n<br />\n          การรับรองมาตรฐานสายพันธุ์ของสุนัขพันธุ์ชิสุ ค่อนช้างยุ่งยากสับสน แม้จะมีการประชุมและมติของคณะกรรมการผู้นิยมเลี้ยงสุนัขในประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๑๙๓๔ ว่า สุนัขพันธุ์นี้จะต้องจดทะเบียนโดยใช้ชื่อชิสุ สุนัขตัวที่เคยขึ้นทะเบียนไว้แล้วในชื่อลาซา แอ๊ปโซ สามารถเปลี่ยนแปลงมาใช้ชื่อว่าชิสุได้โดยไม่คิดมูลค่า และสามารถส่งเข้าประกวดได้การรับรองสุนัขพันธุ์ชิสุในอเมริกาก็มีปัญหาเหมือนอังกฤษเพราะสุนัขพันธุ์ชิสุที่เลี้ยงกันอยู่ในอเมริกาในสมัยนั้นล้วนเป็นสายอังกฤษ แรกๆยังไม่เป็นที่นิยมมากนักบางตัวเจ้าของนำไปจดทะเบียนเป็นพันธุ์ลาซา แอ๊ปโซ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันแล้ว เพราะผู้เลี้ยงไม่มีหนทางจะนำสุนัขพันธุ์ชิสุเข้าประกวดได้ จึงต้องขึ้นทะเบียนเป็นลาซา แอ๊ปโซ และสมาคมผู้นิยมเลี้ยง สุนัขในอเมริกา AKC ได้จดทะเบียนรับรองสายพันธุ์ชิสุนี้เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๑๙๖๙ เป็นต้นมา<br />\nแหล่งที่มา <a href=\"http://www.dog2cat.com/webboard/show.php?Category=board&amp;No=5364\">http://www.dog2cat.com/webboard/show.php?Category=board&amp;No=5364</a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak-->\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>มาตรฐานสายพันธุ์ ชิสุ </strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"332\" src=\"/files/u7338/2.jpg\" height=\"432\" style=\"width: 262px; height: 268px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://image.dek-d.com/15/1012160/14536262\">http://image.dek-d.com/15/1012160/14536262</a>\n</p>\n<p>\n<br />\n          ลักษณะทั่วไป ชิสุเป็นสุนัขที่แข็งแรง ร่าเริง กระตือรือร้น บรรพบุรุษเป็นสุนัขของชนชั้นสูงในจีน จึงมีลักษณะสง่างาม หัวเชิด หางโค้งงอมาถึงหลัง ถึงแม้จะมีขนาดแตกต่างกันแต่โดยทั่วไปต้องตัวเล็กกะทัดรัด กระนั้นก็ไม่ถึงกับบอบบาง ต้องมีสุขภาพดีและมีโครงสร้างที่ได้มาตรฐาน <br />\nขนาด สัดส่วน  รูปร่าง และลักษณะ<br />\nขนาด - ความสูงวัดจากพื้นถึงแนวหลังคือ ๙ ถึง ๑๐.๕ นิ้ว ไม่ต่ำกว่า ๘ นิ้ว และไม่เกิน ๑๑ นิ้ว น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ควรอยู่ระหว่าง ๙ ถึง ๑๖ ปอนด์ <br />\nสัดส่วน - ความยาวจากจุดสูงสุดของแนวหลังจนถึงโคนหางควรจะมากกว่าความสูงเล็กน้อย ชิสุไม่ควรดูตัวสูงเกินไปจนดูเก้งก้าง หรือเตี้ยเกินไปจนดูอุ้ยอ้าย <br />\nรูปร่าง - เนื่องจากเป็นสุนัขขนาดเล็ก รูปร่างจึงต้องกะทัดรัด แต่ไม่บอบบาง <br />\nหัว - กลม กว้าง มีขนาดพอดีกับลำตัว ไม่ยุบหรือบวมข้างใดข้างหนึ่ง<br />\nตา - ใหญ่ กลม ไม่ปูดโปน ตั้งอยู่ห่างกัน มองตรงไปข้างหน้า ดวงตาสีดำสนิท <br />\nหู -หูมีขนาดใหญ่ ขนดกยาว<br />\nจมูก -จมูกเรียบ ชื้นพอสมควร เป็นมัน ปลายจมูกเย็น<br />\nปาก และฟัน- ปากสั้น ไม่มีแผล เหงือกสีชมพู ฟันสบแบบเสมอหรือฟันล่างครอบฟันบนเล็กน้อย <br />\nคอ หลัง ลำตัว- คอสั้น ลาดลงไปหาไหล่ หลังขนานกับพื้น ลำตัวป้อมสั้น ไม่มีเอว หน้าอกลึกกว้าง <br />\nหาง- หางตั้งสูงเป็นพุ่มอยู่บนบั้นท้าย งอโค้งอยู่เหนือแผ่นหลัง<br />\nขา- ขาตรง ไม่ชิดกัน กล้ามเนื้อแข็งแรง เท้าอูม แน่น<br />\nขน -สุนัขชิสุที่ดีควรมีขนที่ยาวจรดพื้น เส้นขนอ่อนนุ่ม ดกแน่น และมีลักษณะเหยียดตรงไม่หยิกงอ และขนชั้นในควรมีเส้นเล็กนุ่มและสั้นกว่าขนชั้นนอก ขนบริเวณศีรษะควรยาวจนสามารถรวบเป็นกระจุกได้<br />\nสี-มีได้หลายสี ตั้งแต่ สีขาว ดำ เทา น้ำตาล และเทาแกมแดง ๒ - ๓ สี และมักมีมาร์คกิ้งเป็นสีขาว บริเวณใบหน้า ไหล่ สะโพก และปลายหาง<br />\n          บุคลิกลักษณะและอารมณ์ของชิสุ<br />\nบุคลิกลักษณะ - อบอุ่น อ่อนโยน ตากลมกว้าง เป็นมิตรและไว้ใจได้ อย่างไรก็ตามเราควรพิจารณาการตัดแต่งขนให้ดีๆ เพราะบางกรณีอาจมีการตัดแต่งขนเพื่อหลอกตาให้เห็นว่าสุนัขนั้นมีลักษณะหัวที่ดีได้ โดยที่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้นอ่อนลงได้ ท่วงท่า เคลื่อนที่ตรง หัวเชิดสูงและหลังได้ระดับระหว่างเคลื่อนที่ หางควรโค้งอยู่เหนือแผ่นหลังแม้ในขณะเคลื่อนไหว อารมณ์สดใส ร่าเริง เฉลียวฉลาด ตื่นตัว กล้าหาญ เข้ากับเด็กๆ ได้ดี (ตราบเท่าที่เด็กๆ เล่นกับพวกเค้าอย่างถูกวิธี) แม้บางครั้งจะชอบแสดงความอิจฉาต่อเด็กเล็กๆ ชิสุมีข้อแตกต่างจากสุนัขเล็กสายพันธุ์อื่นๆ นั่นคือไม่ค่อยมีอาการ &quot;ไฮเปอร์&quot; หรือตื่นเต้นเกินเหตุ พวกเค้ามีความสุขที่จะเล่นกับคุณ แต่เมื่อเค้ารู้สึกว่าเล่นพอแล้วก็มักจะเลิกเล่นและกลับไปนอนพักผ่อนเงียบๆ ยังที่ของตัวเอง นอกจากนั้นยังไม่ค่อยพบปัญหาเรื่องการส่งเสียงเห่าหอนรบกวนซึ่งอาจจะเป็นเพราะ บรรพบุรุษของพวกเค้าถูกเลี้ยง ดูมาในพระราชวังก็เป็นได้<br />\nอารมณ์ - ชิสุเป็นสุนัขบ้าน มักถูกเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน มันจึงต้องอารมณ์ดี มีความผูกพันกับเจ้าของ เป็นมิตร ไว้ใจได้ และพร้อมที่จะไปไหนมาไหนกับเจ้าของได้ ชิสุเป็นสุนัขที่มีนิสัยขี้เล่น อ่อนโยน ชอบเล่นกับเด็ก\n</p>\n<p align=\"left\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://www.samakkeepetshop.com/index.php?lay=show&amp;ac=article&amp;Id=538637072&amp;Ntype=1\">http://www.samakkeepetshop.com/index.php?lay=show&amp;ac=article&amp;Id=538637072&amp;Ntype=1</a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak-->\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>การเลี้ยงดูสุนัขชิสุ</strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"374\" src=\"/files/u7338/3.jpg\" height=\"280\" style=\"width: 218px; height: 174px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://www.market2online.com/post/pics/AT23398.jpg\">http://www.market2online.com/post/pics/AT23398.jpg</a>\n</p>\n<p align=\"left\">\n<br />\n          ความพร้อมในการเลี้ยงสุนัขชิสุ<br />\n๑. ความพร้อมของสถานที่ การเลี้ยงชิสุต้องมีสถานที่หรือบริเวณสำหรับให้ชิสุวิ่งเล่นออกกำลังกายบ้าง อย่าปล่อยให้สุชิสุอยู่ในที่แคบ สิ่งแวดล้อมไม่ดี เพราะมันมีนิสัยร่าเริง ขี้เล่น และชอบวิ่งเล่นในที่กว้าง  ดังนั้นผู้เลี้ยงชิสุควรคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสถานที่ให้พอเหมาะกับชิสุด้วย<br />\n๒. ความพร้อมของผู้เลี้ยง ผู้เลี้ยงควรสำรวจตัวเองเสียก่อนกว่า ชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไร และมีเวลาให้กับชิสุหรือไม่ เช่น ถ้าสถานที่แคบไม่มีบริเวณที่จะปล่อยให้สุนัขวิ่งเล่น แต่อยากจะเลี้ยงสุนัขมากจึงขังกรงเอาไว้ ก็จะไม่ได้อะไรขึ้นมา ผู้เลี้ยงจะได้รับเพียงเสียงเห่าที่หนวกหูเท่านั้น ผู้เลี้ยงต้อยมีเวลาพามันออกกำลังวิ่งเล่นบ้าง คอยฝึกสอนบางสิ่งบางอย่างที่เป็นพื้นฐานต่าง ๆ ให้สุนัขจะทำให้สุนัขที่เลี้ยงมีคุณค่ามากขึ้น เช่นการนั่งคอย การไหว้ ไม่ขโมยอาหารและกินมูมมาม<br />\n๓. ความรัก การเลี้ยงดูสุนัขต้องมีความรัก ความจริงใจและเสมอต้นเสมอปลายด้วย เพราะบางคนนำสุนัขมาเลี้ยงขณะที่ยังเป็นลูกสุนัข มีความน่ารักขนปุกปุย ขี้เล่น แต่พอสุนัขโตขึ้นความน่ารักดังกล่าวก็จะค่อย ๆ หายไป นิสัยใจคอเปลี่ยนไป รูปร่างขนที่ปุกปุยก็จะหยาบ ขายาว ตัวโตขึ้น หมดความน่ารักลง ทำให้ไม่อยากเอาใจใส่และไม่เล่นกับมัน แต่สุนัขไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนี้ยังคงทำในสิ่งที่เคยทำ เช่น อยากจะให้อุ้ม แล้วตะกุยตะกายให้อุ้ม แต่เรามักไม่เข้าใจก็ทำโทษมันด้วยความโมโหและรำคาญที่ถูกเล็บข่วนเป็นเป็นแผล หรือทำให้เสื้อผ้าสกปรก จึงโทษด้วยการดุหรือเฆี่ยนตี ทำให้สุนัขเข็ดกลัวไม่อยากเข้าใกล้ หรือคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทำให้สุนัขที่เคยน่ารักหมดคุณค่าไป<br />\n๔. ความเอาใจใส่ในชีวิตประจำวัน เมื่อสุนัขเกิดอาการไม่สบาย มันไม่สามารถบอกเล่าอาการต่าง ๆ ได้เหมือนคน จึงต้อยคอยสังเกต เอาใจใส่ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้สุนัขมีความเป็นอยู่ที่ดี นอกเหนือไปจากการให้อาหารและน้ำดื่มที่สะอาดแล้ว ต้องคอยสังเกตว่าสุนัขมีสุขภาพอย่างไร ในเรื่องของการขับถ่าย ท้องเสียหรือไม่ มีกิริยาท่าทางร่าเริงหรือหงอย ซึม ไม่สบาย มีแปล\n</p>\n<p align=\"left\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://std.kku.ac.th/4530801871/412443(webpage)/MyWeb/html/takecare_page/readyToFeed.htm\">http://std.kku.ac.th/4530801871/412443(webpage)/MyWeb/html/takecare_page/readyToFeed.htm</a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--></p><p> \n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>การให้อาหารสุนัขชิสุ</strong></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong><br />\n</strong></span>          ชิสุที่เรานำมา เลี้ยงได้ส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ ๑๐สัปดาห์ เป็นระยะเวลาที่มันหย่านมจากแม่ ลืมตา และแข็งแรงแล้ว เมื่อนำมาเลี้ยงจะมีพฤติกรรม ๒ อย่าง  คือ กินกับนอน ซึ่งเราต้องฟูมฟักกับมันอยู่เช่นนั้น กว่าที่จะโตเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ได้ต้องใช้เวลาประมาณ ๑๐ - ๑๕ เดือน <br />\n          สารอาหารที่จำเป็นสำหรับชิสุ สารอาหารที่จำเป็นสำหรับชิสุที่กำลังเจริญเติบโต ก็เช่นเดียวกับคน  คือมันจะต้องการคาร์โบไฮเดรตโปรตีน วิตามิน ไขมัน แร่ธาตุ น้ำ  ชิสุส่วนใหญ่ชอบกินอาหารสำเร็จรูป ในปัจจุบันก็จะมีอาหารสำเร็จรูปที่มีสารอาหารครบถ้วนออกมาขายหลายชนิดหลายแบบ\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>อาหารสุนัขสำเร็จรูป</strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"331\" src=\"/files/u7338/4.jpg\" height=\"477\" style=\"width: 167px; height: 222px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://www.igetweb.com/www/atpetshop/catalog/p_16827.jpg\">http://www.igetweb.com/www/atpetshop/catalog/p_16827.jpg</a>\n</p>\n<p>\n           อาหารชนิดเม็ดหรือชนิดกระป๋อง อาหารสุนัขสำเร็จรูปโดยปกติแล้วมักจะแบ่งได้เป็น  สองชนิด คือ อาหารแห้งหรืออาหารชนิดเม็ด และอาหารกระป๋องหรืออาหารชนิดเปียก อาหารทั้งสองอย่างเป็นอาหารที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมที่จะเลี้ยงสุนัข แต่อย่างไรก็ดีอาหารทั้งสองอย่างนี้มีข้อแตกต่างกันหลายจุด ซึ่งอาจใช้เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้ออาหารให้สุนัขของคุณได้ดังนี้ <br />\nอาหารชนิดแห้งหรืออาหารเม็ด โดยมากมักผลิตจากวัตถุดับพวกเนื้อสัตว์  โดยผ่านกระบวนการอบให้แห้ง จนเหลือความชื้นอยู่ในตัวอาหารไม่ถึง ๑๐%  ดังนั้นอาหารแห้งจะมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าอาหารกระป๋อง ดังนั้น เมื่อคุณให้อาหารแห้งแก่สุนัขในปริมาณที่น้อยกว่าก็ไม่ทำให้สุนัขได้รับสารอาหารที่น้อยเกินไปแต่อย่างใด อาหารสำเร็จรูปชนิดเม็ดจะช่วยนวดเหงือกและขัดฟันสุนัขให้สะอาดป้องกันการเกิดหินปูน\n</p>\n<p align=\"center\">\n<br />\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>อาหารกระป๋อง </strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"360\" src=\"/files/u7338/5.jpg\" height=\"480\" style=\"width: 168px; height: 184px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://www.yespetshop.com/catalog/p_16812.jpg\">http://www.yespetshop.com/catalog/p_16812.jpg</a>\n</p>\n<p align=\"left\">\n          ก็นิยมทำมาจากวัตถุดิบพวกเนื้อสัตว์เช่นกัน อาหารชนิดนี้มีกลิ่นและรสชาติที่ดึงดูดใจสุนัขให้รับประทานเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ง่าย อย่างไรก็ดีคุณควรจัดหาน้ำสะอาดใส่ภาชนะวางไว้ข้าง ๆ  ชามข้าวสุนัขตลอดเวลาด้วยเช่นกัน\n</p>\n<p align=\"left\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://std.kku.ac.th/4830503484/dream/punha.htm\">http://std.kku.ac.th/4830503484/dream/punha.htm</a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak-->\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>หลักการเลือกอาหารสำเร็จรูปของสุนัข </strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"467\" src=\"/files/u7338/6.jpg\" height=\"350\" style=\"width: 257px; height: 183px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://th.88dbmedia1.jobsdb.com/DB88UploadFiles/2008/03/07/47B2EB95-63C8-4276-BC15-74166A226679.jpg\">http://th.88dbmedia1.jobsdb.com/DB88UploadFiles/2008/03/07/47B2EB95-63C8-4276-BC15-74166A226679.jpg</a>\n</p>\n<p align=\"left\">\n<br />\n            ๑. ต้องพิจารณาดูว่าสุนัขของท่านอยู่ในวัยใด เป็นเด็ก เป็นหนุ่ม หรืออยู่ใน วัยชราแล้ว ควรจัดผสมสูตรของอาหารให้เหมาะสมกับวัยของสุนัข การผสม สัดส่วน ของสารอาหารโดยผิดสูตรจะมีผลอย่างยิ่งต่อสุนัขที่ยังอยู่ในวัยเด็ก<br />\n            ๒. อาหารกระป๋อง หรืออาหารเม็ด ทั้ง ๒ อย่างก็มีประโยชน์ต่อสุนัข ของคุณ เท่ากัน ขี้นอยู่กับว่าสุนัขชอบทานประเภทไหน ถ้าเป็นแบบกระป๋องก็ทานง่าย เพราะมีกลิ่น มีน้ำ และรสชาติที่อร่อยกว่าแบบเม็ด เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย<br />\n            ๓. ตรวจสอบอาหารก่อนซื้อ ต้องดูว่าภาชนะที่บรรจุอาหารสุนัข จะไม่ขาดรั่ว มีแมลงตัวมอด หรือหนอนเจาะไซถุง ถ้าเป็นกระป๋องก็ต้องไม่บุบ ไม่รั่ว ไม่บวม ไม่ขึ้นสนิม ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน  กลิ่นบูดเน่า\n</p>\n<p align=\"left\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://pirun.ku.ac.th/~b5013400/page3.html\">http://pirun.ku.ac.th/~b5013400/page3.html</a>\n</p>\n<p align=\"left\">\n </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak-->\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>การอาบน้ำ </strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"384\" src=\"/files/u7338/7.jpg\" height=\"288\" style=\"width: 202px; height: 152px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://pic40.picturetrail.com/VOL352/11062118/21851330/360726919.jpg\">http://pic40.picturetrail.com/VOL352/11062118/21851330/360726919.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<br />\n           ตามปกติไม่นิยมอาบน้ำให้ลูกชิสุบ่อยเกินไป เพราะจำทำให้น้ำมันที่เคลือบเส้นขนหมดไป ทำให้ผิวหนังและเส้นขนแห้งไม่เป็นมัน เกิดอาการคัน ชิสุก็จะกัดหรือเกาให้เป็นแผล นอกจากนี้ชิสุยังแพ้ต่อการเป็นโรคทางระบบหายใจ โดยเฉพาะ จะเป็นโรคปอดบวมได้ง่าย เพราะฉะนั้นหาไม่จำเป็นจริง ๆ แล้วก็ไม่ควรอาบน้ำให้สุนัข<br />\n           การอาบน้ำควรทำหลังจากแปรงขนกำจัดก้อนสังกะตังเรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มจากการฉีดหรือราดน้ำลงบนตัวสุนัขเบาๆ ให้เปียกทั่วตัว หลังจากนั้นชโลมเส้นขนด้วยแชมพูสุนัขคุณภาพดี นวดเบาๆ ห้ามขยี้ไปมา เพราะอาจจะทำให้เส้นขนพันกันได้ ขณะนวดระวังอย่าให้แชมพูเข้าหูเข้าตา เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง ก่อนจะเช็ดตัวและนำไดร์มาเป่าขนให้แห้ง หลังจากนั้นอาจบำรุงเส้นขนด้วยน้ำมันหรือโลชั่น แล้วจึงหวีขนจัดทรงให้เรียบร้อย\n</p>\n<p align=\"center\">\n<br />\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>การดูแลตา</strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"163\" src=\"/files/u7338/Copy_of_8_resize.jpg\" height=\"150\" style=\"width: 183px; height: 156px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://i246.photobucket.com/albums/gg100/thaishihtzu/Nice/Nice43.jpg?t=1246943411\">http://i246.photobucket.com/albums/gg100/thaishihtzu/Nice/Nice43.jpg?t=1246943411</a>\n</p>\n<p>\n<br />\n          สุนัขที่ปกติสมบูรณ์ไม่ควรจะมีขี้ตาแฉะหรือเกรอะกรังรวมทั้งน้ำตาไหลเป็นคราบอยู่เสมอ เราควรสังเกตุตาของชิสุอยู่เสมอ ถ้าเราเจออาการดังกล่าวเราควรรีบพาไปหาสัตวแพทย์ หากยังไม่มีเวลาไปหาสัตวแพทย์ก็อาจจะทำความสะอาดดูแลรักษาไปพลางๆก่อน โดยการใช้น้ำยาล้างตาหลดลงไปบนผิวกระจากตา๔-๕ หยด เป็นระยะ ๆ เพื่อให้น้ำยาล้างตาชะเอาสิ่งสกปรกรวมถึงขี้ตาออกด้วย จากนั้นใช้กระดาษทิชชูซับรอบ ๆ ของตา และควรซับให้แห้ง<br />\n          กรณีที่มีน้ำตาไหลเป็นคราบอยู่เป็นเวลานานมากแล้ว คราบน้ำตาไหลเหล่านั้นมีคุณสมบัติจะไปเกาะติดขนและผิวหนังได้ดีมาก ทำให้เป็นรอบคราบน้ำตาติดแน่นอยู่ที่ตาทั้ง ๒ ข้าง คราบจะย้อยลงมาถึงมุมปาก สิ่งที่จะทำได้ก็คือ ควรหมั่นเช็ดถูตาให้บ่อยครั้งขึ้นทุก ๆ วัน ขนที่ติดคราบน้ำตาอยู่จะค่อย ๆ หลุดร่วงไปวันละเล็กวันละน้อย จนขนใหม่ไม่มีคราบน้ำตางอกขึ้นมาแทนที่เต็มหมดแล้วรอยคราบดังกล่าวจะหมดไป\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>การดูแลหู</strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"390\" src=\"/files/u7338/9.jpg\" height=\"302\" style=\"width: 200px; height: 165px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://www.storageimage.com/imageuser/08/09/04/thaisellingp6837974n1.jpg\">http://www.storageimage.com/imageuser/08/09/04/thaisellingp6837974n1.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<br />\n        หูมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง หูสุนัขก็เช่นเดียวกับหูคน มีการสร้างขี้หูออกมาตลอดเวลาเพื่อเป็นการขับสิ่งสกปรกและแปลกปลอมที่อาจเข้าหู ชิสุบางตัวมีขี้หูมาก แต่บางตัวก็มีน้อย แตกต่างกันไป เจ้าของต้องหมั่นตรวจดูด้วยสายตาว่ามีคราบไคลของขี้หูมากน้อยแค่ไหน มีหนองออกมาหรือไม่  ประกอบกับใช้จมูกช่วยด้วย คือ ดมกลิ่นหาความผิดปกติ เช่นเหม็นมากขึ้นกว่าเก่าหรือไม่ <br />\n         สุนัขที่มีหูปกติจะต้องมีสีชมพูเรื่อๆ สะอาด กลิ่นไม่มีผิดปกติ หูควรสะอาดไม่มีขี้หูมาก<br />\nจนเกินไป ไม่มีเห็บ หรือหมัด ไม่เป็นแผล หนอง ฉะนั้นสิ่งสกปรกต่าง ๆ จึงไม่สามารถหมักหมมจนเกิดโรคได้มากนัก ถ้าหูสุนัขสกปรกมากก็ควรใช้สำลีหรือผ้านุ่มๆ เช็ดบริเวณใบหูและรูหูส่วนนอก ๆ เป็นประจำทางที่ดีหลังการอาบน้ำ เพราะสามารถตรวจสอบว่ามีน้ำหลงเหลือเข้าไปในรูหูหรือไม่ ถ้ามีจะได้เช็ดออกให้แห้ง เป็นการป้องกันหูอักเสบได้ด้วย แต่อย่าได้พยายามทำความสะอาดลึกเข้าไปในรูหูเป็นอันขาด บริเวณอ่อนไหวดังกล่าวควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสัตวแพทย์\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>การดูแลขน</strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"500\" src=\"/files/u7338/10.jpg\" height=\"375\" style=\"width: 226px; height: 159px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://pirun.ku.ac.th/~b5013299/pics/post-104-1135274314_thumb.jpg\">http://pirun.ku.ac.th/~b5013299/pics/post-104-1135274314_thumb.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<br />\n          ชิสุมีขนยาวสลวย เงางาม ขนมีสองชั้น ประกอบไปด้วยขนชั้นนอกที่ยาว หนา และแข็งแรง รองรับด้วยขนชั้นในที่นุ่มนวล  สุนัขสายพันธุ์นี้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการผลัดขน แต่จะมีเส้นขนที่หลุดร่วงตามปกติ ซึ่งเจ้าขนที่หลุดร่วงเหล่านี้เองที่จะไปติดพันกับขนเส้นอื่นจนนำไปสู่การเกาะเป็นก้อนสังกะตัง  หากชิสุไม่ได้รับการหวีขนเป็นประจำทุกวัน ดังนั้นจึงควรหวีขนให้ชิสุอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง ควรใช้หวีแปรงสลิดเกอร์หวีขนก่อน เพื่อทำให้ขนที่พันกันอยู่คลายตัวออก และใช้หวีแปรงบิสเทิลหวีตามอีกครั้ง เพื่อทำให้ขนมันเงา และหวีง่ายขี้นไปอีก   ควรฝึกหวี และแปรงขนสุนัขแต่เล็ก ๆ เพื่อจะได้เคยชินและยอมให้เรา หวีแต่โดยดี ผิวหนังของชิสุที่ได้รับการกระตุ้นจากการหวีหรือแปรงก็จะขับน้ำมันมาเคลือบขนสุนัขทำให้ขนนุ่ม และเป็นเงางาม โดยก่อนจะแปรงขนควรฉีดน้ำหรือสเปรย์ลงบนเส้นขนให้ขนเปียกพอประมาณ ไม่ควรแปรงขณะขนแห้ง เพราะจะแปรงยากและขนอาจขาดได้ง่าย การแปรงหวีขน ของสุนัขบ่อยๆ นอกจากจะ ทำให้ขนสวย ขนไม่พันกันแล้ว ยังจะเป็นการทำความสะอาดตัวของสุนัขได้ เพราะเวลาเราแปรงขน สิ่งสกปรกจะถูกกำจัดออกมารวมทั้งขนเก่าที่ขาดก็จะหลุดออกมาด้วย  นอกจากเราไม่ต้องเสียเงินไปซื้ออาหารเสริมมาให้มันกินแล้ว ชิสุของเราก็จะมีขนที่สวยเงางามอีกด้วย\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>การดูแลเล็บ</strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"400\" src=\"/files/u7338/11.jpg\" height=\"414\" style=\"width: 176px; height: 160px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://starpearl.exteen.com/images/Dogphoto/Happyfinger.jpg\">http://starpearl.exteen.com/images/Dogphoto/Happyfinger.jpg</a>\n</p>\n<p>\n<br />\n          เล็บชิสุจะงอกจิกลงดิน มันจะสึกไปเองโดยธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นชิสุที่เลี้ยงบนพื้นไม้หรือพื้นซีเมนต์ มักจะพบปัญหาเล็บไม่สึก มีเล็บยาวเร็วกว่าปกติทำให้เดินไม่สะดวก และเมื่อทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้นิ้วคด หรือแยกห่างออกจากกัน บางทีก็ถอนหรือฉีกแตกจนเกิดหนองได้ จะทำให้ชิสุเจ็บปวดมากเวลาเดิน ฉะนั้นจึงต้องหมั่นตรวจดูแลตัดเล็บเท้าให้สั้นอยู่เสมอ การตัดเล็บชิสุควรใช้กรรไกรสำหรับการตัดโดยเฉพาะ จะทำได้โดยง่ายและปลอดภัย ได้รอยตัดที่กลมโค้ง การตัดควรตัดที่ปลายเพียงเล็กน้อย ระวังอย่าตัดให้ถูกปลายประสาทสีชมพู(โคนเล็บ) ในเล็บได้  การตัดเล็บควรทำทุกเดือน โดยหลังการอาบน้ำ เพราะเล็บที่เปียกน้ำจะอ่อนตัดง่ายกว่าธรรมดา\n</p>\n<p align=\"left\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://std.kku.ac.th/4530801871/412443(webpage)/MyWeb/html/takecare_page/bath.htm\">http://std.kku.ac.th/4530801871/412443(webpage)/MyWeb/html/takecare_page/bath.htm</a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak-->\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\"><strong>&quot;การให้วัคซีนป้องกันโรค&quot;</strong></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" width=\"300\" src=\"/files/u7338/12.jpg\" height=\"225\" style=\"width: 194px; height: 172px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://thaionlinemarket.net/picproduct/11-91/thumbnailshow227966.jpg\">http://thaionlinemarket.net/picproduct/11-91/thumbnailshow227966.jpg</a>\n</p>\n<p align=\"left\">\n<br />\n          ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดของการให้วัคซีน คือช่วงที่ลูกสุนัขมีระดับภูมิคุ้มกันจากแม่ลดต่ำลงจนระดับภูมิคุ้มกันเดิมในร่างกายไม่สามารถไปรบกวนการทำงานของวัคซีน ภูมิคุ้มกันจากแม่จะป้องกันโรคได้เพียงประมาณ ๖-๘ สัปดาห์ หลังจากนั้นระดับภูมิคุ้มกันจะค่อยๆลดต่ำลง ซึ่งลูกสุนัขอาจได้รับเชื้อโรคและป่วยเป็นโรคได้ แต่ถ้าฉีดวัคซีนเร็วเกินไประดับภูมิคุ้มกันที่ยังมีอยู่ในลูกสุนัขจะต้านกับเชื้อในวัคซีน และไม่เกิดภูมิคุ้มกันขึ้น เราจึงควรให้ลูกสุนัขได้รับการฉีดวัคซีนเมื่ออายุประมาณ ๒ เดือน<br />\nอายุ ๖ สัปดาห์<br />\n โรคไข้หัดสุนัข หรือลำไส้อักเสบติดต่อ<br />\n - ฉีดในกรณีที่มีความเสี่ยงสูงเช่น แม่สุนัขไม่เคยฉีดวัคซีน   หรือมีการระบาดของโรค<br />\n- ทำการถ่ายพยาธิครั้งที่ ๑<br />\nอายุ ๘สัปดาห์<br />\n-รวมโรคไข้หัดสุนัข เลปโตสไปโรซิส <br />\n-ตับ-อักเสบติดต่อ และลำไส้อักเสบติดต่อ<br />\nอายุ ๑๐สัปดาห์<br />\n- รวมโรคไข้หัดสุนัข  เลปโตสไปโรซิส <br />\n-ตับ-อักเสบติดต่อ และลำไส้อักเสบติดต่อ<br />\nอายุ ๑๒สัปดาห์<br />\n- โรคพิษสุนัขบ้า<br />\n - ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงให้ทำก่อน ๑๒ สัปดาห์แล้วทำซ้ำ  เมื่ออายุ ๑๒ สัปดาห์<br />\n- ทำการถ่ายพยาธิครั้งที่ ๒<br />\nอายุ ๑๖ สัปดาห์<br />\n- โรคลำไส้อักเสบติดต่อ<br />\n - ทำการถ่ายพยาธิครั้งที่ ๓<br />\nอายุ ๖ เดือน<br />\n- โรคพิษสุนัขบ้า<br />\n-หลังจากนี้ให้ฉีดวัคซีนทุกโรคซ้ำปีละ๑ครั้ง และทำการถ่ายพยาธิทุก ๓-๖เดือน\n</p>\n<p align=\"left\">\nแหล่งที่มา <a href=\"http://std.kku.ac.th/4830503484/dream/waksen.htm\">http://std.kku.ac.th/4830503484/dream/waksen.htm</a>\n</p>\n', created = 1715711615, expire = 1715798015, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:7adb3e5ae828f764a75ab66daaa71f89' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

สุนัขพันธุ์ชิสุ

รูปภาพของ sss27374

ประวัติความเป็นมาของสุนัขพันธุ์ชิสุ

แหล่งที่มา http://women.sanook.com/app/isanook/resize/415x415/45759_006.jpg

          ชิสุเป็นสุนัขพันธุ์เล็กมีขนสวยงามน่ารัก คนที่มีโอกาสได้สัมผัสสุนัขพันธุ์นี้แล้วมักอยากจะหามาเลี้ยงเป็นของตัวเอง แม้ในประเทศที่มีเนื้อที่สร้างบ้านจำกัด ชิสุก็มีโอกาสเข้าไปเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของครอบครัวเสมอ ตามคอนโด หรืออพาร์ตเม้นท์ก็ไม่เว้น ในบ้านเราเองชิสุเป็นสุนัขพันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน และเป็นอีกพันธุ์หนึ่งที่มีผู้ส่งเข้าประกวดมากที่สุด ในสุนัขกลุ่มทอย
 บรรพบุรุษของชิสุค่อนข้างจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นักแต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าชิสุมีต้นกำเนิดจากทิเบต เนื่องจากตามประวัติศาสตร์ของชาวทิเบตถือว่าสิงโตเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ตามความเชื่อทางศาสนา พระชาวทิเบต จึงได้ผสมสุนัขพันธุ์เล็กขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิงโต ชิสุ (ซึ่งแปลว่าสิงโต) จึงได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่เก่าแก่ และตัวเล็กที่สุดในบรรดาสุนัขศักดิ์สิทธิ์ และมีลักษณะบางอย่างคล้ายกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ของชาวทิเบต
          สำหรับประเทศจีนตามประวัติศาสตร์อันยาวนานและรุ่งโรจน์นั้น การเพาะพันธุ์สุนัขสิงโต ที่มีขนาดเล็ก เป็นงานอดิเรกที่โปรดปรานของชาวราชสำนัก โดยเฉพาะพระนางชูสีไทเฮา ก่อนปี ค.ศ.๑๖๒๔ มีหลักฐานยืนยันว่าสุนัขขนาดเล็กถูกส่งจากประเทศมอลต้า ตุรกี กรีซ และเปอร์เซีย เพื่อเป็นของขวัญให้กับจักรพรรดิจีน และสุนัขสิงโตจากทิเบต (ซึ่งชิสุอาจสืบเชื้อสายมาจากพันธุ์นี้) ที่ได้เข้ามาในประเทศจีนในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งพระทิเบตถวายเป็นเครื่องบรรณาการแก่ราชสำนักจีน ชาวจีนได้ทำการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสุนัขทิเบตกับสุนัขที่ได้มาจากยุโรปรวมทั้งได้ผสมข้ามสาบพันธุ์กับสุนัขพันธุ์ปั๊กและปักกิ่ง
          การที่เรามีสายพันธุ์ชิสุที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนี้นั้น ต้องยกให้เป็นความดีของพระนางชูสีไทเฮาที่พยายามจะรักษาสายพันธุ์นี้ไว้ ซึ่งคอกสุนัขปั๊ก ปักกิ่ง และชิสุของพระนางชูสีไทเฮาเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงทั่วโลก และถึงแม้ว่าพระนางจะดูแลเอาใจใส่สุนัขในคอกเป็นอย่างดีในตลอดช่วงเวลาที่พระนางมีชีวิตอยู่ แต่ก็ยังถูกลักลอบ นำออกไปโดยขันฑีราชสำนัก ( เนื่องจากมีสุนัขจำนวนมากเป็นร้อยตัวและประชาชนยังไม่มีสิทธิ์ที่จะเลี้ยง เพราะผู้ที่เลี้ยงได้ต้องเป็นผู้ที่อยู่ในวังเท่านั้น ) ซึ่งขันฑีได้แอบ ผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์เพื่อต้องการลดขนาดของสุนัขให้เล็กลงและให้ได้มาร์คกิ้งที่ต้องการ หลังจากพระนางชูสีไทเฮาสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. ๑๙๐๘ สุนัขก็ค่อยๆกระจัดกระจายหายไป การผสมพันธุ์ก็เป็นไปแบบตามอำเภอใจ แต่ก็ยังคงผสมพันธุ์เพื่อรักษาสายพันธุ์ไว้อยู่ และหลังจากที่มีการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ สุนัขในพระราชวังก็สูญพันธุ์ไปเนื่องจากมีการทำลายล้างพระราชวัง

แหล่งที่มา http://pirun.ku.ac.th/~b4709058/page1.html

 

หน้า 4 

รูปลูกชายเรานะ

เอามาไม่ขอเลย

โกดนะเนีย....

Tongue out 

รูปภาพของ ssspoonsak

ดีทีเดียว ขออีกนิด จัดข้อความชิดซ้ายทุกย่อหน้าจะดีกว่า แล้วก็ ส่งประกวด ต้องสร้างให้มากกว่า 20 node พร้อมลิ้งค์ด้วย

 

-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน

รูปภาพของ sss27386

แทงยูหลายเน้อ~~ ^o^

 อุตส่าห์ช่วยผลัดหน้าให้ >o<

 

เอารูปเค้ามาลงก้น่าจะให้เคดิตเค้ามั่งระวังโดนฟ้องนะจ๊ะ

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 418 คน กำลังออนไลน์