>*~ THE BEE ~*<

user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:bd7e9ffdbb6b1f8477514e8007d0e824' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '\n \n\n\n \n\n<v:shapetype coordsize=\"21600,21600\" o:spt=\"136\" adj=\"10800\" path=\"m@7,l@8,m@5,21600l@6,21600e\" id=\"_x0000_t136\"></v:shapetype><v:shapetype coordsize=\"21600,21600\" o:spt=\"136\" adj=\"10800\" path=\"m@7,l@8,m@5,21600l@6,21600e\" id=\"_x0000_t136\"></v:shapetype>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"400\" src=\"http://widget.sanook.com/static_content/widget/full/graphic_1/0509/309509/69fd9c2b3d972fb5b4198701d0440043_1233659525.gif\" height=\"400\" style=\"width: 261px; height: 237px\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n\n> *The Bee *<\n\n\n \n\n</div>\n<v:formulas><v:f eqn=\"sum #0 0 10800\"></v:f><v:f eqn=\"prod #0 2 1\"></v:f><v:f eqn=\"sum 21600 0 @1\"></v:f><v:f eqn=\"sum 0 0 @2\"></v:f><v:f eqn=\"sum 21600 0 @3\"></v:f><v:f eqn=\"if @0 @3 0\"></v:f><v:f eqn=\"if @0 21600 @1\"></v:f><v:f eqn=\"if @0 0 @2\"></v:f><v:f eqn=\"if @0 @4 21600\"></v:f><v:f eqn=\"mid @5 @6\"></v:f><v:f eqn=\"mid @8 @5\"></v:f><v:f eqn=\"mid @7 @8\"></v:f><v:f eqn=\"mid @6 @7\"></v:f><v:f eqn=\"sum @6 0 @5\"></v:f></v:formulas><v:path textpathok=\"t\" o:connecttype=\"custom\" o:connectlocs=\"@9,0;@10,10800;@11,21600;@12,10800\" o:connectangles=\"270,180,90,0\"></v:path><v:textpath on=\"t\" fitshape=\"t\"></v:textpath><v:handles><v:h position=\"#0,bottomRight\" xrange=\"6629,14971\"></v:h></v:handles><o:lock v:ext=\"edit\" text=\"t\" shapetype=\"t\"></o:lock>\n\n<img border=\"0\" width=\"400\" src=\"http://www.billporterdesign.com/lollygaggin/wp-content/uploads/2007/06/happy_bee.jpg\" height=\"400\" style=\"width: 238px; height: 239px\" />\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n<o:p><o:p> </o:p></o:p> <o:p><o:p> </o:p></o:p> <o:p><o:p> </o:p></o:p> <o:p><o:p> </o:p></o:p> <o:p><o:p> </o:p></o:p> <o:p><o:p> </o:p></o:p> <o:p><o:p></o:p></o:p><o:p><o:p></o:p></o:p>\n\n*~ ความมหัศจรรย์ของผึ้ง ~*\n\n\n<a href=\"http://z.about.com/d/healing/1/0/s/M/gtotem_bee.jpg\"><img border=\"0\" width=\"400\" src=\"http://z.about.com/d/healing/1/0/s/M/gtotem_bee.jpg\" height=\"320\" style=\"width: 298px; height: 273px\" /></a>\n\n\n " ผึ้ง " จะมีอะไรน่ามหัศจรรย์นักหนา มันก็เป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆธรรมดาๆชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง จะมีดีหน่อยก็ตรงที่มีน้ำผึ้งอร่อยๆให้เรากิน มีไขผึ้งที่เอามาทำสีผึ้งทาปาก แต่ท่านเชื่อหรือไม่ว่า ถ้าโลกเราขาดผึ้งไปล่ะก้อชีวิตจะอับเฉาไปไม่น้อยทีเดียว เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “แกงไม่จืด ไม่รู้คุณเกลือ” ผลิตภัณฑ์จากผึ้งมีมากมายหลายชนิดนอกเหนือจากน้ำผึ้งที่เราคุ้นเคย เช่น นมผึ้ง เกสรผึ้ง แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งคือ การที่ผึ้งช่วยผสมเกสรทำให้พืชต่างๆขยายแพร่พันธุ์ได้อย่างดี เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ ได้พืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทางยา ทำให้เกิดประโยชน์มหาศาลต่อเกษตรกร เภสัชกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม\n\n \n>> นอกจากผึ้งจะมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆในโลกแล้ว ผึ้งยังเป็นแมลงที่มีคุณสมบัติหลายๆอย่างที่มนุษย์อย่างเราๆน่าจะเอาเยี่ยงอย่างดูบ้าง โลกอาจจะไม่วุ่นวายดังเช่นทุกวันนี้ ความมหัศจรรย์อันดับแรกคือ ผึ้งเป็นทั้งสถาปนิกและวิศวกรชั้นเยี่ยมโดยไม่ต้องเรียนจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยไหนเลย เพราะสามารถออกแบบรวงรังเป็นรูปหกเหลี่ยม ซึ่งเมื่อต่อกันแล้วจะสิ้นเปลืองไขผึ้งน้อยที่สุดในการสร้างรัง อีกทั้งยังสามารถรับน้ำหนักน้ำผึ้งได้มากอย่างน่าทึ่งทีเดียว นอกจากนี้รังผึ้งยังสามารถกันน้ำ กันไฟได้อีกด้วย \nรังผึ้งจะมีอุณหภูมิที่พอเหมาะอยู่เสมอ เพราะผึ้งทำตัวเป็นเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิภายในรังให้คงที่ ไม่ว่าอากาศภายนอกจะหนาวเย็นลง หรือร้อนขึ้นเพียงใด \nถ้าให้แมลงทุกชนิดมาบินแข่งกัน ผึ้งก็จะได้เหรียญทองอย่างไร้คู่แข่ง เพราะสามารถบินได้ไกลที่สุดโดยใช้พลังงานน้อยที่สุด ส่วนนางพญาผึ้งก็จัดเป็นแชมป์วางไข่ มีประสิทธิภาพในการวางไข่และฟักไข่ได้สูงสุดในบรรดาสัตว์เพศเมียทุกชนิดในโลก \nผึ้งมีความชาญฉลาด เรียนรู้ได้เร็ว มีระบบประสาทที่ว่องไว เป็นนักอุตุนิยมวิทยาที่แม่นยำ สามารถรู้ล่วงหน้าถึงการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ เช่น มีลมพายุ ฝนตกฟ้าคะนอง ไฟป่า หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ถ้าเราศึกษาและสังเกตพฤติกรรมของผึ้งให้ดีๆ ต่อไปเราอาจไม่ต้องอาศัยเครื่องไม้เครื่องมือตรวจอากาศราคาแพงๆก็เป็นได้ \nการที่ผึ้งมีความอ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อมนี้เอง ทำให้เราสามารถนำผึ้งมาเป็นตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติของสภาพแวดล้อมที่มนุษย์อาศัยอยู่ เท่ากับเป็นสัญญาณเตือนภัยให้กับเรานั่นเอง \nความเก่งกาจที่ให้คุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อสรรพสัตว์ในโลกก็คือการที่ผึ้งเป็นนักผสมเกสรมืออาชีพ ผึ้งช่วยผสมเกสรพืชได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพดีกว่าวิธีการใดๆที่มนุษย์ใช้หลายร้อยเท่า เมื่อเกสรดอกไม้ได้รับการผสมก็จะมีเมล็ดได้แพร่พันธุ์สืบต่อกันมานับล้าน ๆ ปี \nนอกจากความสามารถต่างๆที่ผึ้งมีเหนือกว่ามนุษย์แล้ว ผึ้งยังมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เสียสละและกล้าหาญ ไม่ว่าจะเป็นผึ้งงาน ผึ้งตัวผู้ หรือนางพญาต่างก็แบ่งงานกันทำอย่างมีระเบียบ มีความรับผิดชอบ ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน เป็นคุณสมบัติที่น่าสรรเสริญอย่างยิ่ง \nผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ได้จากผึ้งนั้นมนุษย์เรานำมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เป็นทั้งเครื่องอุปโภคและบริโภค โดยเฉพาะนมผึ้งหรือ รอยัลเยลลี ซึ่งชาวต่างประเทศในแถบตะวันตกเข้าใจว่าเป็นเพียงอาหารเสริมธรรมดาๆเท่านั้น แต่ในวงการผู้เลี้ยงผึ้งในแถบเอเซียบ้านเราทราบดีถึงคุณค่าอันสูงยิ่งของนมผึ้ง จึงได้พัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตนมผึ้งที่มีประสิทธิภาพเหนือบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลาย ปัจจุบันชาวตะวันตกเริ่มเห็นคุณค่าและหันมาบริโภคนมผึ้งกันมากขึ้นโดยการนำเข้า ดังนั้นถ้ารัฐให้การสนับสนุนการค้นคว้า วิจัยการเลี้ยงผึ้งและส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตนมผึ้ง เราก็จะมองเห็นอนาคตการส่งออกที่สดใส ผู้คนมีงานทำเพิ่มขึ้น เงินบาทก็จะไม่ลอยหนีไปไหนไกลนัก \nผลผลิตจากผึ้งอีกอย่างหนึ่งที่คนทั่วไปอาจไม่คุ้นเคยนักคือ น้ำพิษจากผึ้ง น้ำพิษนี้นำมาใช้รักษาโรคไขข้อ หรือโรคเก๊าท์ได้ \nชีวิตความเป็นอยู่ที่น่ามหัศจรรย์ของผึ้งนั้น อาจมาจากการที่ผึ้งมีบรรพบุรุษเกิดมาก่อนมนุษย์นานถึง ๗๕ ล้านปี การที่ผึ้งสามารถดำรงเผ่าพันธุ์มาได้จนถึงทุกวันนี้ เป็นเพราะผึ้งรู้จักปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เกิดการเรียนรู้เพื่อการอยู่รอดปลอดภัย พฤติกรรมนี้ถูกถ่ายทอดเข้าสู่สายเลือดหรือถ่ายทอดทางพันธุกรรม อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อม (environmental gene) \n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n \n\n\n\n\n\noo00oo ประวัติความเป็นมาของผึ้ง oo00oo\n\n\n\n \n\n\n<img border=\"0\" width=\"579\" src=\"http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet2/knowledge_math/phibobac/bee04.jpg\" height=\"415\" style=\"width: 321px; height: 236px\" /> \n\n\n \n\n\n \n“ผึ้ง” แบ่งได้เป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆคือ ผึ้งรวง (Honeybee) มีชื่อวิทยาศาสตร์หรือชื่อสกุลว่า เอพีส (Apis) เป็นผึ้งที่ให้น้ำผึ้งได้ ผึ้งในกลุ่มนี้ได้แก่ ผึ้งหลวง ผึ้งมิ้ม ผึ้งโพรง และผึ้งพันธุ์ อีกประเภทหนึ่งคือผึ้งที่ไม่ให้น้ำผึ้ง เรียกว่า พวกนอน-เอพีส (Non-Apis) เช่น ผึ้งป่า ผึ้งหลอด ผึ้งรู ผึ้งกัดใบ แมลงภู่ เป็นต้น เมื่อหลายสิบล้านปีมาแล้ว ผึ้งถือกำเนิดขึ้นมาในเขตุหนาว โดยเกิดควบคู่มากับการกำเนิดไม้ดอกต่างๆ แต่ผึ้งที่ไม่ให้น้ำผึ้งนี้จะมีบรรพบุรุษที่เก่าแก่กว่าผึ้งรวง \nยังมีผึ้งอีก\n\n\n\nประเภทหนึ่ง ซึ่งจัดเป็นพวกนอน-เอพีส แต่สามารถให้น้ำผึ้งและเกสรผึ้งได้ ผึ้งประเภทนี้เรียกว่า ชันโรง มีลักษณะที่แตกต่างจากผึ้งชนิดอื่นๆคือชันโรงไม่มีเหล็กไน (Stingless bee) นักวิชาการได้ลงความเห็นว่าชันโรงมีถิ่นกำเนิดในทวีปอาฟริกาซึ่งบรรพบุรุษในอดีตชื่อ Axestotrigona นั้นมีเหล็กไน ต่อมาได้วิวัฒนาการไปจนไม่มีเหล็กไน ในประเทศเม็กซิโกมีการเลี้ยงชันโรงตั้งแต่ ๓๐๐ ปีก่อนคริสตศักราชมาแล้ว ชันโรงให้น้ำผึ้งในปริมาณน้อยกว่าผึ้งอื่นๆ แต่น้ำผึ้งชันโรงมีราคาแพงกว่าน้ำผึ้งธรรมดาทั่วไป ทั้งนี้เพราะเชื่อว่ามีคุณค่าทางโภชนาการและทางยาสูงกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น \nสำหรับในประเทศไทย ที่สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เริ่มมีการศึกษา ทดลองเลี้ยงและขยายพันธุ์ชันโรงในกลุ่มลาวิเซป (Laeviceps) ซึ่งเป็นแมลงผสมเกสรพื้นเมืองที่สำคัญของไทย มีพฤติกรรมไม่ทิ้งรังง่าย และยังสามารถดูแลตัวเองได้ในสภาพที่แหล่งอาหารขาดแคลน\n\n\n\n \nมนุษย์รู้จักตีผึ้งมานานไม่น้อยกว่า ๗๐๐๐ ปีมาแล้ว และนำน้ำผึ้งมาใช้เป็นสารให้ความหวาน เพราะในสมัยนั้นยังไม่รู้จักการผลิตน้ำตาล มีการใช้น้ำผึ้งเป็นเครื่องบรรณาการจากประเทศที่เป็นเมืองขึ้น ในพระพุทธประวัติก็มีเอ่ยถึงน้ำผึ้งว่า มีลิงนำรวงผึ้งมาถวายพระพุทธเจ้า ในบางประเทศเช่นสเปญ และอินเดียพบหลักฐานภาพเขียนเก่าแก่อายุหลายพันปีมาแล้วแสดงวิธีการเก็บน้ำผึ้งจากรังผึ้งพันธุ์และรังผึ้งหลวงตามลำดับ มิใช่แต่มนุษย์เท่านั้นที่รู้จักเอาน้ำผึ้งมาใช้ ลิงชิมแพนซีก็รู้จักขโมยน้ำผึ้งโดยใช้ไม้แหย่หรือแทงเข้าไปในรังผึ้ง แล้วให้น้ำผึ้งหยดไหลลงมา \nต่อมามนุษย์เริ่มให้ความสนใจต่อการเลี้ยงผึ้ง ในสมัยอริสโตเติลหรือประมาณ ๓๕๐ ปีก่อนคริสตศักราช ได้มีการพยายามจับผึ้งมาเข้ารังเลี้ยง แต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตและพฤติกรรมของผึ้ง เช่น ในสมัยนั้นยังคิดว่า นางพญาผึ้งเป็นผึ้งตัวผู้ (King of the Colony) นี่ก็คงเป็นเพราะคนสมัยก่อนถือว่า ผู้ชายเท่านั้นที่จะมีความสำคัญและเป็นผู้นำ ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีใจเปิดกว้างไม่คับแคบอย่างแต่ก่อน จึงยอมรับผู้นำที่เป็นหญิงมากขึ้นในทุกระดับ แม้กระทั่งเป็นผู้นำของประเทศ และยังพบว่าเธอเหล่านั้นทำหน้าที่ได้อย่างดีทัดเทียมกับผู้ชาย หรือบางทีอาจจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำไป สงสัยว่าเราจะเริ่มเอาอย่างผึ้งเข้าให้บ้างแล้วกระมัง\n\n\n\n \nผึ้งที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งคือ ผึ้งพันธุ์ (European honey bee) แต่เดิมนั้นผึ้งพันธุ์ถือกำเนิดและกระจายพันธุ์อยู่ในเขตุร้อนคือทวีปอาฟริกา และในเขตุหนาวคือทวีปยุโรป จากหลักฐานการค้นพบซากโบราณของผึ้งพันธุ์ เมื่อตรวจสอบทางชีวเคมีก็พบว่า วิวัฒนาการของโปรตีนในผึ้งพันธุ์นั้นแตกต่างไปจากผึ้งชนิดอื่นๆในสกุลเอพีสด้วยกัน กล่าวโดยสรุปได้ว่า ผึ้งพันธุ์ที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้มีสัณฐานวิทยาและพฤติกรรมเหมือนบรรพบุรุษเดิมเมื่อ ๒๗ ล้านปีมาแล้วทุกประการ เป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของผึ้งพันธุ์\n\n\n\n \nปัจจุบันผึ้งพันธุ์ได้กลายเป็นผึ้งสากล นั่นคือมีการเลี้ยงผึ้งพันธุ์ได้ทั่วโลก ในทวีปออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาซึ่งแต่เดิมไม่เคยมีผึ้งพันธุ์มาก่อน เมื่อมีการอพยพย้ายถิ่นฐานจากทวีปยุโรป มายังทวีปอเมริกา และออสเตรเลีย ชาวยุโรปได้นำผึ้งพันธุ์เข้าไปเลี้ยงด้วย จนมีความก้าวหน้าในการเลี้ยง มากกว่าประเทศที่เป็นถิ่นกำเนิด โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา กลับกลายเป็นแหล่งเลี้ยงผึ้ง ที่มีการค้นคว้าวิจัยการเลี้ยงแบบสมัยใหม่ และเป็นต้นตำรับของการเลี้ยงผึ้งแบบเคลื่อนย้ายคอนผึ้งได้ (moveable frame hive) การที่ชาวอเมริกันเป็นผู้ชำนาญในการเลี้ยงผึ้งพันธุ์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่แหล่งกำเนิดนั้น ทำให้นึกถึงศิลปมวยไทยที่เลื่องชื่อ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่คนไทยภาคภูมิใจ แต่ปัจจุบันนี้ชาวตะวันตกได้นำมวยไทยไปเป็นกีฬาซึ่งกำลังนิยมกันอย่างมากในต่างประเทศ เขาศึกษาด้วยความตั้งใจจริง หมั่นฝึกฝน จนทำให้ชาวยุโรปชกมวยไทยได้อย่างชำนิชำนาญทัดเทียม หรือบางทีอาจจะเหนือกว่าชาวไทยที่เป็นเจ้าตำรับเสียอีก ดังนั้นจะเห็นว่า การตั้งใจศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จแม้จะมิใช่เป็นผู้ริเริ่มก็ตาม \n\n\n\n \nสำหรับในทวีปเอเซีย ดูเหมือนว่าไต้หวันจะเป็นผู้นำในด้านอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้ง แต่เนื่องจากไต้หวันมีพื้นที่น้อย ดังนั้นในระยะต่อมาผู้เลี้ยงผึ้งจึงหอบหิ้วเอาผึ้งขึ้นเครื่องบินแบบเหมาลำเลยทีเดียว ไปเลี้ยงในประเทศใกล้เคียงที่มีพื้นที่เพียงพอ เช่น ประเทศไทย ชาวไต้หวันได้เข้ามาเลี้ยงผึ้งที่บ้านเรานี่ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นมา อันที่จริงการเลี้ยงผึ้งพันธุ์เพื่อการศึกษาในประเทศไทยนั้นเริ่มมาตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๔๙๕ แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนักในระยะแรกๆ เนื่องจากปัญหาหลายประการได้แก่ การป้องกันกำจัดศัตรูผึ้งโดยเฉพาะไรศัตรูผึ้ง ปัญหาเรื่องผึ้งโพรงไทยชอบบุกเข้าไปขโมยน้ำผึ้งจากรังผึ้งพันธุ์ ทำให้ผึ้งพันธุ์ทิ้งรังหนีหัวซุกหัวซุนไปในที่สุด \n\n\n\n \nแต่ก็นับว่าเรายังโชคดีที่ทางโครงการหลวงได้ทดลองเลี้ยงผึ้งพันธุ์ในภาคเหนือและสามารถแก้ปัญหาเรื่องไรศัตรูผึ้งได้ การเลี้ยงผึ้งพันธุ์จึงได้รับความนิยมเรื่อยมาจนปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามการเลี้ยงผึ้งในบ้านเรานั้นมีจุดประสงค์เพียงเพื่อเก็บน้ำผึ้ง นมผึ้ง หรือผลิตภัณฑ์ผึ้งอื่นๆเท่านั้น ยังไม่มีการเลี้ยงผึ้งเพื่อผสมเกสร เกษตรกรทั้งภาครัฐและเอกชนยังไม่ค่อยจะเห็นความสำคัญของผึ้งในแง่นี้มากนัก\n\n\n\nสถานการณ์การเกษตรในปัจจุบัน โดยเฉพาะการปลูกพืชผลที่ต้องอาศัยแมลงผสมเกสรเข้าช่วยจึงจะติดผลนั้นเริ่มประสบปัญหาการขาดแคลนแมลงผสมเกสร ทั้งนี้เนื่องจากการที่ป่าถูกทำลายไปเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย เพื่อการทำไร่เลื่อนลอย เพื่อการพัฒนาชนบทหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ รวมทั้งการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชกันอย่างกว้างขวาง ทำให้จำนวนประชากรผึ้งและแมลงผสมเกสรชนิดอื่นๆลดลงอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย เกษตรกรบางกลุ่มเริ่มเห็นความสำคัญของผึ้งขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่มีการริเริ่มที่จะพยายามควบคุมปัจจัยการติดผลของพืชปลูกให้ได้แทนการรอให้พืชติดผลเองไปตามยถากรรม\n\n\n\n \nธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตจำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว แม้ในโลกปัจจุบันจะมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพียงใดก็ตาม มนุษย์ยังต้องพึ่งธรรมชาติอยู่นั่นเอง เมื่อธรรมชาติถูกทำลาย มนุษย์ก็จะได้รับผล กระทบอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ดังนั้นมนุษย์จะต้องใช้ธรรมชาติอย่างทะนุถนอม ไม่ทำลายธรรมชาติ การที่จะทำให้ธรรมชาติที่ถูกทำลายไปแล้ว กลับมาเหมือนเดิมนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หรือแม้จะเป็นไปได้บ้างก็จะต้องใช้เวลายาวนานกว่าเวลาที่มันถูกทำลายหลายร้อยเท่า ความมหัศจรรย์ของสัตว์เดรัจฉานจึงอยู่ตรงนี้ ตรงที่ว่า มนุษย์ไม่สามารถสร้างธรรมชาติได้นั่นเอง\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n ++~ ชนิดของผึ้ง ~++\n\n<o:p></o:p> \n<dd></dd>\n\nผึ้งในสกุล เอพีส เป็นผึ้งที่เก็บสะสมน้ำหวานปริมาณค่อนข้างมากในรัง มีทั้งหมดอยู่ 4 ชนิด ผึ้ง 3 ชนิดแรกได้แก่ ผึ้งหลวง ผึ้งมิ้ม และผึ้งโพรง เป็นผึ้งพื้นเมืองในแถบเอเชียใต้ ส่วนผึ้งชนิดที่ 4 คือ ผึ้งพันธุ์ เป็นผึ้งพื้นเมืองของทวีปยุโรปและทวีปแอฟริกา\n\n<o:p></o:p>1. ผึ้งหลวง (Apis dorsata F.) เป็นผึ้งพื้นเมืองชนิดหนึ่งของไทยและประเทศอื่นๆ ทางคาบสมุทรอินเดียและเอเซียอาคเนย์ มีขนาดตัวใหญ่ มีท้องเป็นปล้องสีเหลืองและดำ <o:p></o:p><o:p> </o:p> \n\n\n\n\n\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"393\" src=\"http://learners.in.th/file/giobana/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87.jpg\" height=\"166\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<o:p></o:p>\n</div>\nผึ้งหลวงจะสร้างรังประกอบด้วยรวงเพียงรวงเดียวห้อยจากกิ่งไม้ หน้าผา หรือชายคาบ้าน รวงของผึ้งหลวงมีขนาดใหญ่ บางครั้งกว้างเกินกว่า 1 เมตรประชากรส่วนใหญ่ของผึ้งงานของผึ้งหลวงทำหน้าที่ในการป้องกันรังด้วยการแขวนตัวเป็นม่านปกคลุมรัง <o:p></o:p>ผึ้งหลวงเป็นผึ้งชนิดหนึ่ง ที่เราไม่สามารถนำมาเลี้ยงในภาชนะหรือเลี้ยงในอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งได้ เพราะผึ้งงานของผึ้งหลวงจำเป็นที่จะต้องเห็นดวงอาทิตย์ หรือท้องฟ้าในขณะที่มันเต้นรำเพื่อที่จะส่งข่าวสารเรื่องตำแหน่งของอาหารได้อย่างถูกต้อง <o:p></o:p>2. ผึ้งมิ้ม (Apis florea F.) แบ่งออกเป็นผึ้งมิ้ม และผึ้งมิ้มเล็ก <o:p></o:p> ผึ้งมิ้ม มีขนาดตัวเล็กกว่าผึ้งหลวงและผึ้งโพรง ขนาดของลำตัวใหญ่กว่าแมลงวันบ้านเล็กน้อย มีท้องปล้องแรกสีเหลือง ที่เหลือเป็นปล้องสีดำสลับขาวชัดเจน พบอยู่ทั่วไป ชอบตอมขนมหวาน <o:p></o:p> <o:p></o:p><o:p></o:p><o:p></o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"400\" src=\"http://learners.in.th/file/giobana/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1.jpg\" height=\"163\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n \n</div>\n ผึ้งมิ้มเป็นผึ้งที่สร้างรังประกอบด้วยรวงเพียงรวงเดียว รูปทรงกลมหรือรี ขนาดรังไม่ใหญ่นัก แขวนห้อยอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ อยู่กลางแจ้งในธรรมชาติ ประชากรส่วนใหญ่ขิงผึ้งงานในรังผึ้งมิ้มจะถูกใช้ในการป้องกันรักษารัง ด้วยการแขวนตัวมันติดกันเป็นแผงคลุมรวงผึ้งทั้งรวง มีผึ้งงานส่วนน้อยเท่านั้นที่ออกไปหาอาหาร ทำให้ผลผลิตน้ำผึ้งต่อรังมีน้อย <o:p></o:p>ผึ้งมิ้มเล็ก จัดเป็นผึ้งที่เล็กที่สุดในโลก มีท้องปล้องแรกสีดำ ส่วนท้องปล้องที่เหลือเป็นสีขาวสลับดำเป็นผึ้งที่หายาก พบเฉพาะในบริเวณป่าละเมาะใกล้ภูเขาเท่านั้น <o:p></o:p><o:p> </o:p> \n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n<img border=\"0\" width=\"405\" src=\"http://learners.in.th/file/giobana/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81.jpg\" height=\"161\" />\n\n\n \n\n\nลักษณะรังมีชั้นเดียวบอบบางและเล็กกว่ารังของผึ้งมิ้ม คือ มีขนาดเท่าผ่ามือผู้ใหญ่เท่านั้น ผึ้งมิ้มเล็กมักจะปกปิดรังของมันอยู่ในซุ้มไม้และกิ่งไม้เพื่อพรางตาป้องกันศัตรูเหมือนกับผึ้งมิ้ม แต่ปกปิดมิดชิดกว่า บางท้องถิ่นเรียกว่า "ผึ้งม้าน" ผึ้งมิ้มเล็ก เป็นผึ้งที่จำเป็นต้องอนุรักษ์ เพราะมีเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยในประเทศไทย เนื่องจากเป็นผึ้งที่ไม่ดุและต่อยไม่ เจ็บปวดเหมือนผึ้งชนิดอื่นๆ จึงถูกล่าตีหรือเผารังเพื่อนำน้ำผึ้งมากินได้ง่าย \n\n<o:p></o:p>3. ผึ้งโพรง (Apis cerana F.) หรือ ผึ้งโพรงไทย มีขนาดตัวใหญ่กว่าผึ้งมิ้มแต่เล็กกว่าผึ้งหลวง ลำตัวมีสีน้ำตาลสลับเหลืองเป็นปล้อง ๆ ที่ท้อง <o:p></o:p> <o:p> </o:p> \n\n \n\n\n\n \n\n\n\n\n\n<img border=\"0\" width=\"430\" src=\"http://learners.in.th/file/giobana/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%87.jpg\" height=\"152\" />\n\n\n \n\n\nผึ้งชนิดนี้ในธรรมชาติ จะทำรังด้วยการสร้างรวงซ้อนกันเป็นหลืบๆ อยู่ในโพรงไม้ หรือ โพรงหิน ที่มีปากทางเข้าค่อนข้างเล็ก แต่ภายในมีที่กว้างพอให้ผึ้งสร้างรวงได้ ทำให้ผึ้งโพรงกลายเป็นผึ้งเลี้ยงของเอเซีย แต่ผึ้งโพรงมีข้อเสีย คือ ผึ้งโพรงเป็นผึ้งที่เก็บสะสมน้ำผึ้งไว้ในรังในปริมาณน้อย และมีพฤติกรรมที่มักจะทิ้งรังไปหาที่อยู่ใหม่ ถ้าในบริเวณที่ตั้งของรังเดิมมีสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น อาหารขาดแคลน มีโรค ฯลฯ \n\n\n\n\n<o:p> </o:p> 4. ผึ้งพันธุ์ (Apis mellifera F.) หรือ ผึ้งโพรงฝรั่ง คือ ผึ้งพื้นเมืองของทวีปแอฟริกาและยุโรป มีพฤติกรรมในการทำรังเช่นเดียวกับผึ้งโพรง คือ ทำรังเป็นรวงซ้อนกันเป็นหลืบๆ อยู่ภายในโพรงไม้ธรรมชาติ <o:p></o:p> <o:p></o:p><o:p> </o:p> \n\n \n\n\n\n\n\n\n\n\n\n<img border=\"0\" width=\"432\" src=\"http://learners.in.th/file/giobana/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B9%E0%B9%8C.jpg\" height=\"152\" />\n\n\n \n\n\n \n\n\n \n\n\n\n\nเนื่องจากผึ้งพันธุ์เป็นผึ้งที่มีการสะสมปริมาณน้ำผึ้งไว้ในรังจำนวนมาก อีกทั้งยังมีพฤติกรรมในการทิ้งรังได้อยากกว่าผึ้งโพรง จึงเป็นผึ้งที่นิยมเลี้ยงในอุตสาหกรรมการเลี้ยงผึ้งมากกว่าผึ้งโพรง<o:p></o:p> \n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n2.ผึ้งจิ๋วหรือชันโรง <o:p></o:p> ผึ้งจิ๋วหรือชันโรง เป็นผึ้งพื้นเมืองของไทยทำหน้าที่ผสมเกสรพืชทางการเกษตร พบได้ทุกภูมิภาคของประเทศไทย ปัจจุบันประชากรของผึ้งจิ๋วในธรรมชาติมีจำนวนลดลง ซึ่งเป็นผลจากการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของผึ้งจิ๋ว รวมทั้งการทำลาย เผาป่าซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผึ้งและการใช้สารเคมีเพื่อกำจัดแมลงศัตรูพืชนั่นเอง <o:p></o:p> \nผึ้งจิ๋ว เป็นแมลงที่สามารถแพร่กระจายพันธุ์ได้ดีในเขตร้อนและเขตอบอุ่นของโลก การสร้างรังจะใช้ไขผึ้งบริสุทธิ์ผสมกับโปรโปลิส (ยางไม้) และจะพบรังผึ้งจิ๋วได้ตามโพรงไม้เก่าๆบนต้นไม้ ตามบ้านเรือน หรือใต้ดิน โดยทำปล่อง(ท่อ) โผล่ออกจากรังเพื่อเป็นทางเข้า-ออก จากพฤติกรรมของผึ้งจิ๋วที่หากินหรือตอมดอกไม้ไม่ไกลจากรังมากนัก จึงสามารถให้บังคับผสมเกสรพืชเป้าหมายได้ดีและมักจะตอมดอกไม้อย่างละเอียด นุ่มนวล ชอบเก็บเกี่ยวเกสรมากกว่าน้ำหวาน ไม่รังเกียจดอกไม้ที่ผ่านการตอมของผึ้งตัวอื่นมาแล้ว มีขนาดเล็ก (จิ๋ว) จึงลงตอมหรือผสมเกสรดอกไม้เล็กๆ ได้ดี และเมื่อเปรียบเทียบกับแมลงผสมเกสรอื่นๆ ผึ้งจิ๋วมีอายุยืนกว่าจึงทำให้มีโอกาสในการผสมเกสรดอกไม้ได้นาน จากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้ผึ้งจิ๋วมีประโยชน์อย่างมากในการถ่ายละอองเกสรของพืชทางการเกษตร ก่อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้นจึงควรช่วยกันอนุรักษ์ เผยแพร่ และเพาะเลี้ยงเพื่อเพิ่มปริมาณผึ้งจิ๋วให้มีจำนวนมากขึ้น <o:p></o:p> \nประโยชน์จากการเลี้ยงผึ้งจิ๋วนั้นนอกจากจะช่วยผสมเกสรพืชทางเกษตรแล้วภายในรังของผึ้งจิ๋วประกอบไปด้วยน้ำผึ้ง เกสรผึ้งและชั้นผึ้ง (โปรโปลิส) ด้วย น้ำผึ้งของผึ้งจิ๋วมีจำนวนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับผึ้งราคาจึงแพงกว่าหลายเท่าตัว น้ำผึ้งของผึ้งจิ๋วนั้นมีสีคล้ำกว่าน้ำผึ้งปกติ เนื่องจากผึ้งจิ๋วจะเก็บเยวน้ำหวานจากดอกไม้หลายชนิด และภายในถ้วยน้ำผึ้งก็มีส่วนผสมของยางไม้ซึ่งมีสีคล้ำ ทำให้น้ำผึ้งมีสีเข็มไปด้วย ซึ่งต่างจากผึ้งที่จะเก็บเกี่ยวน้ำหวานจากดอกไม้เฉพาะที่ชอบหรือให้น้ำหวานมากเท่านั้น สำหรับชันผึ้ง (โปรโปลิส) ในผึ้งจิ๋วจะมีจำนวนมากกว่ารังผึ้งทั่วไป เพื่อใช้สร้างรัง โดยการนำไปอุดตามรอยโหว่ รอยแตก หรือสำหรับสร้างชั้นป้องกันภัยโดยการปิดทับชันผึ้งหลายชั้นโดยเฉพาะปากทางเข้า-ออก ทำให้บริเวณนั้นเหนี่ยวเหนอะหนะจึงป้องกันการบุกรุกของศัตรูจากภายนอกได้ดี <o:p></o:p> <o:p> </o:p> <o:p> </o:p> \n\n \n\n\n\n \n\n\n \n\n\n\n!!!... วรรณะของผึ้ง ...!!!\n\n\n\n\n\n<img border=\"0\" width=\"700\" src=\"http://play.kapook.com/files/play/photo/0/1126_334053.jpg\" height=\"525\" style=\"width: 426px; height: 258px\" />\n\n\n\n\n\nแบ่งออกเป็น 3 วรรณะคือ .........\n\n \n\n1.ผึ้งนางพญา (The Queen) \n\n<o:p> </o:p> \n\n ผึ้งนางพญาสามารถแยกออกจากผึ้งตัวผู้ และผึ้งงานได้โดยง่าย เพราะผึ้งนางพญาจะมีขนาดใหญ่ และมีลำตัวยาวกว่าผึ้งตัวผู้และผึ้งงาน ปีกของผึ้งนางพญาจะมีขนาดสั้น เมื่อเทียบกับความยาวของลำตัว เนื่องจากส่วนท้องของผึ้งนางพญาจะค่อนข้างเรียวยาว ดูแล้วมีลักษณะคล้ายกับตัวต่อ ผึ้งนางพญาจะมีเหล็กไน ซึ่งมีไว้สำหรับต่อสู้กับนางพญาตัวอื่นเท่านั้น ไม่เหมือนผึ้งงานที่ใช้เหล็กไนไว้ทำร้ายศัตรู การเคลื่อนไหวของผึ้งนางพญาค่อนข้างเชื่องช้า แต่สุขุมรอบคอบ แต่ถ้าจำเป็นก็พบว่านางพญาสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นกัน ในรังผึ้งนางพญาที่ถูกผสมพันธุ์แล้วเรามักจะพบอยู่บริเวณรวงผึ้งที่มีตัวอ่อนอยู่ภายในหลอดรวง\n\n\n นางพญาจะถูกห้อมล้อมด้วยผึ้งงาน โดยผึ้งงานจะใช้หนวดแตะหรือใช้ลิ้นเลียตามตัวผึ้งนางพญา ผึ้งงานเหล่านี้ทำหน้าที่คอยให้อาหาร ทำความสะอาดและนำของเสียที่ผึ้งนางพญาขับถ่ายออกไปทิ้ง นอกจากนั้นผึ้งงานยังรับเอาสารที่ผึ้งนางพญาผลิตออกมา แล้วส่งต่อให้ผึ้งงานตัวอื่น ๆ หรือใช้ปีกกระพือให้กลิ่นของสารแพร่กระจายไปทั่วรังผึ้ง \n\n<o:p> </o:p> \n\n รังผึ้งในสภาพปกติจะมีผึ้งนางพญาอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น โดยผึ้งนางพญาจะมีหน้าที่สำคัญ คือ \n\n\n1. ผสมพันธุ์ \n\n\n2. วางไข่ \n\n\n3. ควบคุมสังคมของผึ้งให้อยู่ในสภาพปกติ โดยการผลิตสารเคมีแพร่กระจาย ไปทั่วรังผึ้ง ผึ้งนางพญาจะไม่มีการออกหาอาหาร ไม่มีตะกร้อเก็บเกสร (Pollen basket) และไม่มีต่อมผลิตไขผึ้ง \n\n\n นางพญาพรหมจรรย์ (The Virgin Queen) เมื่อตัวอ่อนของผึ้งนางพญาโตเต็มที่แล้ว ผึ้งงานก็จะทำการปิดหลอดรวงด้วยไขผึ้ง ตัวอ่อนภายในก็จะเริ่มเข้าดักแด้ โดยจะถักเส้นไหมห่อหุ้มรอบตัวแล้วกลายเป็นดักแด้ และเป็นตัวเต็มวัยในที่สุด ผึ้งนางพญาที่โตเต็มที่แล้วจะกัดฝาหลอดรวงที่ปิดอยู่ออกมา \n\n\n ถ้าสภาพรังผึ้งขณะนั้น ผึ้งเตรียมตัวจะแยกรัง (Swarming) ผึ้งงานจะคอยป้องกันผึ้งนางพญาตัวใหม่ไม่ให้ผึ้งนางพญาตัวเก่ามาทำร้าย เมื่อผึ้งนางพญาตัวเก่าแยกรังออกไปแล้ว ผึ้งนางพญาตัวใหม่ก็จะออกผสมพันธุ์เป็นนางพญาประจำรังนั้นต่อไป\n\n<o:p> </o:p> <o:p></o:p>\n\n2.ผึ้งตัวผู้ (The Drone) \n\n\n ผึ้งตัวผู้จะมีขนาดใหญ่และตัวอ้วนกว่าผึ้งนางพญาและผึ้งงาน แต่จะมีความยาวน้อยกว่าผึ้งนางพญา ผึ้งตัวผู้จะไม่มีเหล็กไน ลิ้นจะสั้นมาก มีไว้สำหรับคอยรับอาหารจากผึ้งงาน หรือดูดกินน้ำหวานจากที่เก็บไว้ในรวงเท่านั้น ผึ้งตัวผู้จะไม่มีการออกไปหาอาหารกินเองภายนอกรัง ผึ้งตัวผู้ไม่มีที่เก็บละอองเกสร เป็นที่ทราบกันดีว่าผึ้งตัวผู้มีหน้าที่อย่างเดียวภายในรัง คือผสมพันธุ์ ผึ้งตัวผู้จะไม่ทำงานอะไรทั้งสิ้นภายในรัง ปริมาณของผึ้งตัวผู้ภายในรังไม่แน่นอน อาจมีได้ตั้งแต่ศูนย์ถึงหลายพันตัวขึ้นกับฤดูกาล ผึ้งตัวผู้จะเจริญมาจากไข่ที่ไม่ได้รับการผสม (Un-fertilized egg) เมื่อตัวอ่อนของผึ้งตัวผู้โตเต็มที่ ผึ้งงานก็จะมาปิดฝาหลอดรวงด้วยไขผึ้ง ผึ้งตัวผู้ก็จะเข้าดักแด้อยู่ภายใน เมื่อครบกำหนดก็จะกัดไขผึ้งที่ปิดฝาออกมาเป็นตัวเต็มวัย อายุประมาณ 16 วัน พร้อมที่จะผสมพันธุ์ได้ \n\n<o:p> </o:p> \n\n3.ผึ้งงาน (The Worker) \n\n\n ผึ้งงานเป็นผึ้งที่มีขนาดเล็กที่สุดภายในรังผึ้ง แต่มีปริมาณมากที่สุด ผึ้งงานถือ กำเนิดมาจากไข่ที่ได้รับการผสมกับเชื้อตัวผู้ (Fertilized egg) ผึ้งงานเป็นเพศเมีย เช่นเดียวกับผึ้งนางพญา แต่เป็นเพศเมียที่ไม่สมบูรณ์ คือส่วนของรังไข่จะมีขนาดเล็กไม่สามารถสร้างไข่ได้ ยกเว้นในกรณีที่รังผึ้งรังนี้เกิดขาดนางพญาขึ้นมาก็พบว่า อาจมีผึ้งงานบางตัวสามารถวางไข่ได้ (Laying Worker) แต่ไข่ที่วางจะเป็นไข่ที่เป็นผึ้งตัวผู้ \n\n\n ผึ้งงานจะมีอวัยวะพิเศษหลายอย่าง เพื่อที่จะปฏิบัติงานสำคัญ ๆ ภายในรังไข่ เช่น มีต่อมไขผึ้ง ตะกร้อเก็บเกสร ต่อมกลิ่น\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\nปัจจัยที่ควบคุมการทำงานของผึ้งงานนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประการ คือ \n\n\n\n\n\n<a href=\"http://www.onopen.com/upload/pic038.jpg\"><img border=\"0\" width=\"500\" src=\"http://www.onopen.com/upload/pic038.jpg\" height=\"379\" style=\"width: 454px; height: 318px\" /></a>\n\n\n\n\n\n1. ความพร้อมทางด้านการพัฒนาการของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย คือ ผึ้งจะปฏิบัติงานต่าง ๆ ได้นั้นขึ้นกับอายุของตัวเต็มวัยของผึ้งงาน \n\n\nตารางที่ 1 แสดงอายุหน้าที่และการเจริญของต่อมต่างๆ ของผึ้งงาน\n\n<img border=\"0\" width=\"1\" src=\"http://learning.eduzones.com/panda25/12500\" alt=\"http://learning.eduzones.com/panda25/12500 \" height=\"1\" /> \n\n\n\n<table border=\"1\" cellPadding=\"0\" cellSpacing=\"0\" style=\"margin: auto auto auto 51.3pt; border-collapse: collapse; border: medium none\" class=\"MsoNormalTable\">\n<tbody>\n<tr>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; border-top: black 1pt solid; padding-left: 5.4pt; border-left-color: #ece9d8; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; border-bottom: black 1pt solid; background-color: transparent; border-right-color: #ece9d8\">\n\n อายุตัวเต็มวัย (วัน) \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; border-top: black 1pt solid; padding-left: 5.4pt; border-left-color: #ece9d8; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; border-bottom: black 1pt solid; background-color: transparent; border-right-color: #ece9d8\">\n\n หน้าที่ \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; border-top: black 1pt solid; padding-left: 5.4pt; border-left-color: #ece9d8; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; border-bottom: black 1pt solid; background-color: transparent; border-right-color: #ece9d8\">\n\n ต่อม \n \n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; background: silver; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; border-color: #ece9d8\">\n\n 1 - 3 \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; background: silver; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; border-color: #ece9d8\">\n\n ทำความสะอาดรัง \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; background: silver; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; border-color: #ece9d8\">\n\n \n \n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; background-color: transparent; border-color: #ece9d8\">\n\n 4 - 11 \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; background-color: transparent; border-color: #ece9d8\">\n\n ให้อาหารตัวอ่อน \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; background-color: transparent; border-color: #ece9d8\">\n\n ต่อมพี่เลี้ยง (Nnurse Gland) \n \n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; background: silver; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; border-color: #ece9d8\">\n\n 12 - 17 \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; background: silver; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; border-color: #ece9d8\">\n\n สร้างและซ่อมแซมรวง \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; background: silver; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; border-color: #ece9d8\">\n\n ต่อมผลิตไขผึ้ง (Wax Gland) \n \n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; background-color: transparent; border-color: #ece9d8\">\n\n 18 - 21 \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; background-color: transparent; border-color: #ece9d8\">\n\n ป้องกันรัง \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; padding-bottom: 0cm; padding-top: 0cm; background-color: transparent; border-color: #ece9d8\">\n\n ต่อมพิษ (Poison Gland) \n \n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; border-left-color: #ece9d8; background: silver; padding-bottom: 0cm; border-top-color: #ece9d8; padding-top: 0cm; border-bottom: black 1pt solid; border-right-color: #ece9d8\">\n\n 22 - ตาย \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; border-left-color: #ece9d8; background: silver; padding-bottom: 0cm; border-top-color: #ece9d8; padding-top: 0cm; border-bottom: black 1pt solid; border-right-color: #ece9d8\">\n\n หาอาหารยางไม้และน้ำ \n \n</td>\n<td vAlign=\"top\" style=\"padding-right: 5.4pt; padding-left: 5.4pt; border-left-color: #ece9d8; background: silver; padding-bottom: 0cm; border-top-color: #ece9d8; padding-top: 0cm; border-bottom: black 1pt solid; border-right-color: #ece9d8\">\n\n ต่อมน้ำลาย (Salivary Gland) และ ต่อมกลิ่น (Scent Gland) \n \n</td>\n</tr>\n</tbody>\n</table>\n\n \n\n\n2. ความต้องการของสังคมผึ้งในขณะนั้น ยามที่สังคมผึ้งมีความจำเป็นเร่ง ด่วนที่จะให้มีผึ้งจำนวนมากร่วมปฏิบัติภารกิจบางอย่างด้วยกัน การทำงานของผึ้งงานแต่ละตัวก็อาจข้ามหรือถอยหลังจากกำหนดการทำงานปกติตามความพร้อมของร่างกายก็ได้ เช่น ถ้ารวงผึ้งเกิดความเสียหาย หรือจำเป็นต้องเสริมสร้างรวงเพิ่มเติม ผึ้งงานที่อายุมาก ๆ ก็จะไปกินน้ำหวานเป็นปริมาณมาก ซึ่งจะมีผลไปกระตุ้นให้ต่อมผลิตไขผึ้งที่ฝ่อไป แล้วเจริญขึ้นมาสามารถผลิตไขผึ้งได้\n\n\n \n\n\n \n\n\n \n\n\n \n\n\n \n\n\n \n\n\n\n\n \n\n\n\nการผสมพันธุ์ (Mating)\n\n<o:p></o:p><o:p></o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"427\" src=\"http://gotoknow.org/file/somluckv/MatingBH.JPG\" height=\"588\" />\n</div>\n <o:p></o:p> \n\n\n\n เมื่อผึ้งนางพญามีอายุได้ 3-5 วัน ก็จะเริ่มออกบินเพื่อผสมพันธุ์ การผสมพันธุ์ของผึ้งจะเกิดขึ้นเฉพาะในกลางอากาศเท่านั้น โดยในวันที่อากาศดี ๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ผึ้งนางพญาจะบินออกจากรัง เมื่อผึ้งตัวผู้ได้รับกลิ่นของผึ้งนางพญาก็จะพากันบินติดตามไปเป็นกลุ่ม ผึ้งตัว ผู้จะเป็นผึ้งที่มาจากรังผึ้งในบริเวณนั้น การผสมพันธุ์จะเกิดขึ้นในระยะความสูงตั้งแต่ 50-<st1:metricconverter ProductID=\"100 ฟุต\" w:st=\"on\">100 ฟุต</st1:metricconverter> ถ้าต่ำหรือสูงกว่านี้ ก็จะไม่มีการผสมพันธุ์ ผึ้งนางพญาตัวหนึ่งจะผสมพันธุ์กับผึ้งตัวผู้ครั้งหนึ่งประมาณ 7-10 ตัว หรือบางทีอาจถึง 20 ตัว ระยะเวลาในการผสมพันธุ์ประมาณ 10-30 นาที โดยที่ผึ้งนางพญา จะมีถุงสำหรับเก็บน้ำเชื้อของผึ้งตัวผู้ (Sperm) ไว้ได้ตลอดอายุของผึ้งนางพญา โดยไม่ต้องมี การผสมพันธุ์อีกเลย <o:p></o:p> เมื่อผึ้งนางพญาบินกลับมาจากการผสมพันธุ์ ผึ้งงานก็จะเข้ามาช่วยทำความสะอาด และดึงเอาอวัยวะสืบพันธุ์ของผึ้งตัวผู้ที่ติดมาออกทิ้งไป หลังจากผสมพันธุ์แล้ว ส่วนท้องของผึ้งนางพญาจะขยายใหญ่ขึ้นภายใน 2-4 วัน ผึ้งนางพญาก็จะเริ่มวางไข่ โดยมุดหัวเข้าไปแล้วกางขาคู่หน้าออกวัดขนาดของหลอดรวง เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรจะวางไข่ชนิดไหน แล้วจะถอนกลับออกมา หย่อนส่วนท้องลงไปวางไข่ที่ก้นหลอดรวงนั้น <o:p></o:p> ถ้าหลอดรวงที่วัดได้มีขนาดเล็ก (ประมาณ <st1:metricconverter ProductID=\"0.5 มม.\" w:st=\"on\">0.5 มม.</st1:metricconverter>) ผึ้งนางพญาจะวางไข่ของผึ้งงานคือ ไข่ที่ได้รับการผสมกับน้ำเชื้อของผึ้งตัวผู้ มี-โครโมโซม 2 n ถ้าหลอดรวงที่วัดได้มีขนาดใหญ่ (ประมาณ 0.7-<st1:metricconverter ProductID=\"0.8 มม.\" w:st=\"on\">0.8 มม.</st1:metricconverter>) ผึ้งนางพญาจะวางไข่ของผึ้งตัวผู้ คือไข่ที่ไม่มีการผสมกับน้ำเชื้อของผึ้งตัวผู้ มีโครโมโซม n เดียว <o:p></o:p> ผึ้งนางพญาจะวางไข่ติดต่อกันในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉลี่ยประมาณ 1,200 ฟองต่อวัน หรือบางตัวอาจถึง 2,000 ฟองต่อวัน ซึ่งคิดแล้วน้ำหนักของไข่ที่วางต่อวันนี้หนักเป็น 1-2 เท่าของน้ำหนักตัวของผึ้งนางพญาปริมาณการวางไข่ของผึ้งนางพญา ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ถ้าในเขตร้อนผึ้งนางพญาสามารถวางไข่ได้ตลอดปี ตัวอ่อนของผึ้งจะเจริญได้ดีที่อุณหภูมิประมาณ 32-35๐C ผึ้งจะรักษาอุณหภูมิภายในรังให้คงที่อยู่ตลอดเวลา <o:p></o:p><o:p> </o:p><o:p></o:p> <o:p></o:p><o:p></o:p> \n\n \n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\n\nการเจริญเติบโตและอายุไขของผึ้ง\n\n\n\n\n\n\n\n\n<img border=\"0\" width=\"276\" src=\"http://www.ladyvisa.com/wp-content/uploads/2009/05/14071ck23-276x300.jpg\" height=\"300\" /> \n\n\n\nผึ้งนางพญา ( Queen ) \n\n\n เจริญมาจากไข่ที่ถูกผสมมีโครโมโซม 2n เป็นเพศเมียที่ทำหน้าที่วางไข่เพียงตัวเดียวภายในรัง ดังนั้น อาจจะเรียกว่าผึ้งแม่รังเพราะผึ้งในรังทุกตัวเป็นลูกของผึ้งนางพญา ปีกสั้นเมื่อเทียบกับความยาวของลำตัว เคลื่อนไหวช้า แต่เมื่อจำเป็นมันจะเคลื่อนไหวค่อนข้างเร็ว ผึงนางพญามีความสำคัญต่อสังคมผึ้งโดยเป็นตัวผลิตสารเฟอโรโมน ( Queen pheromone ) ซึ่งจะควบคุมกลไกที่สำคัญของผึ้งสมาชิกทุกตัวภายในรังเพื่อรักษาสมดุลของสังคมไว้ ปกติผึ้งพันธุ์นางพญาจะมีอายุ 2-3 ปี สำหรับประเทศไทยผึ้งนางพญาวางไข่ตลอดทั้งปีอายุจึงสั้นลงเหลือ1-2 ปี การเลี้ยงผึ้งพันธุ์จึงเปลี่ยนนางพญาทุกปี \n\nผึ้งงาน ( worker) \n\n เจริญมาจากไข่ที่ถูกผสมมีโครโมโซม 2n เช่นเดียวกับผึ้งนางพญา ผึ้งงานมีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับผึ้งทั้ง 3 วรรณะ มีอวัยวะที่แตกต่างจากผึ้งวรรณะอื่น ๆ เช่น มีต่อมสร้างไขผึ้งเพื่อสร้างและซ่อมแซมรวงผึ้ง ต่อมผลิตสารเฟอโรโมนที่ท้ อง( Nassanoff ‘s หรือ scent gland ) มีต่อมผลิตสารเตือนภัย ( alarm pheromone ) และมีอวัยวะที่ขาหลัวดัดแปลงให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ที่เรียกว่าตะกร้าเก็บเกสร มีอวัยวะทางเดินอาหรส่วนหน้าขยายเป็นถุงเพื่อเก็บน้ำหวานที่ดูดมาจากดอกไม้เรียกว่ากระเพาะเก็บน้ำผึ้ง ฯ ซึ่งอวัยวะเหล่านี้มีความสำคัญต่อการทำงานของผึ้งงานมาก ถึงแม้ผึ้งงานจะเป็นผึ้งเพศเมียเช่นเดียวกับผึ้งนางพญา แต่จะมีรังไข่ที่เล็กและไม่สามารถสร้างไข่ได้ในสภาวะปกติ ยกเว้นในกรณีที่รังนั้นขาดผึ้งนางพญา \n\n\n ผึ้งงานมักมีอายุสั้นเพียง 10-12 สัปดาห์ ในฤดูหาอาหารหรือฤดูเก็บน้ำผึ้ง แต่ผึ้งงานในเขตหนาวจะมีชีวิตหลายเดือน ทั้งนี้เพราะอายุของผึ้งงานขึ้นกับการทำงาน ในฤดูร้อนซึ่งมีการาทำงานมากชีวิตก็จะสั้นลง ในประเทศไทยช่วงฤดูที่ขาดเกสรจะมีประชากรของผึ้งงานน้อยและประชากรจะเพิ่มขึ้นในฤดูที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเกสรจากดอกไม้นานาชนิด \n\n\nผึ้งตัวผู้( drone ) \n\n\n เจริญมาจากไข่ที่ไม่ถูกผสม มีโครโมโซม n มีขนาดใหญ่และอ้วนกว่าผึ้งงาน ลำตัวกว้างกว่าผึ้งงานและผึ้งนางพญา มีตารวมที่ใหญ่และหนวอที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความสามารถในการมองเห็นและรับกลิ่น ซึ่งลักษณะนี้มีเพียงเพื่อการผสมพันธุ์กับผึ้งนางพญาเท่านั้น ปลายท้องมนไม่มีเหล็กในสำหรับป้องกันตัวมีลิ้นสั้นสำหรับรับอาหารจากผึ้งงานและจากเซลล์เก็บน้ำผึ้งภายในรัง เพราะไม่ออกไปเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ ไม่มีที่เก็บเกสร ไม่มีต่อมสร้างไขผึ้งหรือต่อมสร้างกลิ่น ทั้งนี้เพราะมันไม่มีหน้าที่ทำงานภายในรัง นอกจากบินออกไปหาผึ้งนางพญาและทำการผสมพันธุ์ภายนอกรัง อายุของผึ้งตัวผู้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผึ้งงาน กล่าวคือเมื่อผึ้งตัวผู้หมดความจำเป็นต่อรังก็จะถูกกำจัดไป โดยผึ้งงานจะหยุดป้อนอาหารและคาบออกมานอกรัง ผึ้งตัวผู้ก็จะอดตายในที่สุด \n\n\n \n\n<o:p></o:p><o:p> </o:p> \n<a name=\"วิธีการผลิตน้ำผึ้ง\" title=\"วิธีการผลิตน้ำผึ้ง\"></a><o:p></o:p><o:p></o:p>\n\n<a name=\"วิธีการผลิตน้ำผึ้ง\" title=\"วิธีการผลิตน้ำผึ้ง\"></a>วิธีการผลิตน้ำผึ้ง\n\n\n \n\n\n \n\n\n<img border=\"0\" width=\"200\" src=\"http://www.thailanna.co.th/images/1127034407/bee.jpg\" height=\"157\" /><img border=\"0\" width=\"200\" src=\"http://www.thailanna.co.th/images/1127034407/hive.jpg\" height=\"146\" />\n\n\n<img border=\"0\" width=\"200\" src=\"http://www.thailanna.co.th/images/1127034407/extract.jpg\" height=\"240\" />\n\n\n \n\n\n \n\nเมื่อผึ้งงานเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ลงสู่กระเพาะน้ำหวาน จะมีเอนไซม์จากต่อมน้ำลายขับออกมาเปลี่ยน หรือเมตาบอไลซ์น้ำตาลกลูโคสและฟรุกโทสให้เป็นน้ำตาลแปรรูป (Invert Sugar) คือ น้ำตาลลีวูโลส เดกซ์โทรส และมอลโทส นอกจากนั้นยังมีน้ำตาลอื่น ๆ อีก แต่มีจำนวนน้อยมาก ปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ผึ้งเริ่มบินกลับรัง ในขณะที่ผึ้งกระพือปีกจะเกิดพลังงานความร้อนช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์ ตลอดจนช่วยเผาผลาญลดความชื้นในน้ำหวานให้กลายเป็นน้ำผึ้งเร็วขึ้น เมื่อผึ้งงานกลับถึงรัง จะคายน้ำหวานแปรรูปนี้ให้กับผึ้งงานประจำรัง ซึ่งจะรับกันด้วยปากต่อปาก น้ำหวานแปรรูปนี้ยังไม่เป็นน้ำผึ้งที่สมบูรณ์ เพราะยังมีความชื้นหรือน้ำในน้ำหวานจำนวนมากถึง 30-40% ต่อมาผึ้งงานประจำรัง จะนำน้ำหวานนี้ไปเก็บในหลอดรวงน้ำผึ้ง ตอนเย็นผึ้งกลับรังกันเป็นส่วนใหญ่ จะช่วยกันกระพือปีก ช่วยให้มีการระเหยของน้ำหวานอีก จนได้น้ำผึ้งที่สมบูรณ์ คือ มีน้ำเหลืออยู่เพียง 20-25% เท่านั้น หลังจากนั้นผึ้งงานจะใช้ไขผึ้งปิดหลอดรวงที่เก็บน้ำผึ้งไว้ใช้เพื่อให้พลังงานในชีวิตประจำวัน และยามขาดแคลนอาหารต่อไป <o:p></o:p> เมื่อผึ้งงานสร้างฝาขี้ผึ้งปิดฝาหลอดรวมแล้ว แสดงว่าน้ำผึ้งเข้มข้นได้ที่แล้ว ผู้เลี้ยงจะนำรวงผึ้งมาปาดฝารวงด้วยมีดปาดฝา แล้วจึงนำรวงผึ้งนั้นเข้าเครื่องสลัดหมุน ให้น้ำผึ้งไหลออกจากรวงโดยแรงเหวี่ยง จะได้น้ำผึ้งที่สะอาด แต่อาจมีเศษไขผึ้ง หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ ติดมา จึงต้องกรองด้วยผ้ากรอง แล้วเก็บไว้ในถังสูงที่มีฝาปิดมิดชิด ป้องกันมดและฝุ่นละอองตกลงไปในถัง การบรรจุน้ำผึ้งจากถังลงสู่ขวดจะไขก๊อกให้น้ำผึ้งจากก้นถังลงสู่ขวดบรรจุ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีฟองอากาศติดปนเข้ามา <o:p></o:p><o:p></o:p><o:p></o:p>\n<o:p></o:p><o:p></o:p>\n\n@_@ !!! ประโยชน์ของน้ำผึ้ง !!! @_@\n\n\n \n\n\n \n\n\n \n\n\n \n\n\n\n\n\n\n\n\n<img border=\"0\" width=\"400\" src=\"http://www.sns.ac.th/www512/408/35a.JPG\" height=\"304\" />\n\n\n\n\n\n\n\nน้ำผึ้งช่วยแต่งรสยา - น้ำผึ้งมีรสหวานฝาด ร้อนเล็กน้อย มีสรรพคุณช่วยบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ปวดหลัง ปวดเอว ทำให้แห้ง ใช้ทำยาอายุวัฒนะ เราใช้น้ำผึ้งแต่งรสยาบางชนิด เช่น ยาแก้ไข้ที่มีรสขมมาก จนคนไข้กินไม่ได้ เราต้องใช้น้ำผึ้งผสมให้มีรสหวานนิดหนึ่ง รสยาก็จะอร่อยขึ้น และช่วยชูกำลัง ซึ่งน้ำผึ้งเข้าได้กับตำรับยาทุกชนิด \nน้ำผึ้งหนึ่งในน้ำกระสายยา - น้ำกระสายยาคือส่วนผสมหนึ่งของตำรับยาไทย ที่ช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น ซึ่งมีหลายชนิด เช่น ได้จากพืช อาทิ น้ำมะนาว ได้จากธาตุ เช่น เปลือกหอยนำมาฝนกับน้ำ ได้จากสัตว์ เช่น งาช้าง รวมถึงน้ำผึ้งที่ถือเป็นน้ำกระสายยาตัวหนึ่งที่มีฤทธิ์แรงทำให้ตัวยาดูดซึมเร็วขึ้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของไต และกระจายเลือด ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีกำลังมากขึ้น หรือบางครั้งนำน้ำผึ้งมาผสมกับยาปั้นเป็นลูกกลอน แต่ผู้ปรุงยาควรนำน้ำผึ้งไปเคี่ยวให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรคมิฉะนั้นยาลูกกลอนจะขึ้นราภายหลัง\n\nผู้ป่วยที่ไม่ควรกินน้ำผึ้ง\nตามหลักการแพทย์แผนไทยแล้ว น้ำผึ้งมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่สำหรับผู้ป่วยบางราย แนะนำว่าไม่ควรกินน้ำผึ้งแบบเข้มข้นโดยไม่ผสมอะไรเลย เช่น คนที่ดีพิการ คือ มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง นอนสะดุ้งผวา สอง เสมหะพิการ คือมีเสมหะมากและมีภาวะโรคปอดแทรก สาม คนที่น้ำเหลืองเสีย มีฝีพุพอง ตุ่มหนอง หรือโรคครุฑราชต่างๆ \n\nน้ำผึ้งในตำรายาจีน\nภาษาจีน แต้จิ๋ว เรียกน้ำผึ้งว่า "พังบิ๊ก" เป็นยาบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะบำรุงลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย และยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย น้ำผึ้งมีรสชาติหวาน ชุ่มคอ สามารถใช้ได้ทั้งเดี่ยวและนำไปเป็นส่วนผสมของยากรณีที่ใช้เดี่ยวโดยมากใช้ในกรณีลำไส้ไม่ดี\nถ้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว กินน้ำผึ้งประจำจะไปช่วยเคลือบลำไส้ ช่วยระบบขับถ่าย แต่สำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ กากอาหารที่ค้างอยู่ในลำไส้จะแข็งตัว ถ้าปล่อยให้ท้องผูกนานๆ กากอาหารจะขูดผนังลำไส้ อาจทำให้เป็นแผล และมีปัญหาสุขภาพตามมาซึ่งถ้าเรากินน้ำผึ้งเพื่อช่วยเคลือบลำไส้จะช่วยลดปัญหาลงได้ \n \n \nสารสำคัญในน้ำผึ้ง\nน้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ น้ำตาลชนิดต่างๆ เช่น กลูโครส ฟลุคโตส และเลวูโรส ประมาณ 79 เปอร์เซ็นต์ โดยมีปริมาณน้ำตาล "ฟรักโทส" มากกว่าน้ำตาล "กลูโคส" เล็กน้อย ทำให้น้ำผึ้งไม่ตกผลึก และมีรสหวานกว่าน้ำตาลชนิดอื่นๆ กรดชนิดต่างๆ ประมาณ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยวเล็กน้อยโดยกรดที่พบมาก คือ กรดกลูโคนิก วิตามิน (ไรโบเฟลวิน, ไนอะซิน) เอนไซม์ และแร่ธาตุ (แคลเซียม, แมกนีเซียม, โปตัสเซียม, ฟอสฟอรัส)ประมาณ 0.5 เปอร์เซ็นต์ โดยน้ำผึ้งที่มีสีเข้ม จะมีปริมาณแร่ธาตุสูงกว่าน้ำผึ้งที่มีสีอ่อน ซึ่งจะเห็นได้ว่า องค์ประกอบหลักของน้ำผึ้ง คือน้ำตาล และเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดียวเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายโดยน้ำผึ้ง100กรัมจะให้พลังงาน303แคลอรี่ \n \nน้ำผึ้งมีคุณสมบัติทางยา คือ สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ ได้ เพราะน้ำผึ้งมีความเข้มข้นของน้ำตาลสูง ซึ่งความเข้มข้นนี้เองจะช่วยกำจัดปริมาณน้ำที่แบคทีเรียใช้ในการเจริญเติบโต รวมถึงน้ำผึ้งมีความเป็นกรดสูง และมีปริมาณโปรตีนต่ำ ซึ่งทำให้แบททีเรียไม่ได้รับไนโตรเจนที่จำเป็น นอกจากนี้น้ำผึ้งยังมีสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และสารแอนตี้ออกซิแดนด์ซึ่งจะมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียด้วย ดังนั้นเมื่อเราใช้น้ำผึ้งทาบาดแผลจึงสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้และทำให้แผลไม่เกิดการอักเสบ\nเอนไซม์ในน้ำผึ้งมีหลายชนิด มีหน้าที่ช่วยย่อยคาร์โบโฮเดรตได้ น้ำผึ้งจึงมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ และแก้อาการท้องผูกในเด็กและคนชราได้เป็นอย่างดี<o:p></o:p> <o:p> </o:p> ลดการอักเสบ\nหากมีบาดแผลหรือแผลถลอกให้ล้างด้วยน้ำเบกกิ้งโซดา หรืออบเชย ชาเสจ ชาใบผักชี (ที่เย็นแล้ว) ซึ่งมีสรรพคุณฆ่าเชื้อทั้งสิ้น อาจใช้ชาดำธรรมดา น้ำมันหอม และน้ำมันกระเทียมช่วยล้างด้วยเพื่อห้ามเลือด จากนั้นทาน้ำผึ้งสะอาดบนแผลน้ำผึ้งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและทำให้แผลหายเร็ว\n\nรักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา\nใช้ผงขมิ้นผสมน้ำผึ้งทาบริเวณกลากเกลื้อนวันละ2ครั้ง\n\nต้านข้ออักเสบ\nผสมน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละ 2 ครั้ง\n\nแก้อาการท้องผูก\nกินกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มน้ำผึ้งหรือมันต้มสุกจิ้มน้ำผึ้งช่วยลดอาการท้องผูกได้เช่นกัน \n\nแก้นอนไม่หลับ\nน้ำผึ้งเป็นยาระงับประสาทอ่อนๆ ชงน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นหรือชาดอกไม้ เช่น ชาดอกคาโมมายล์ ดื่มก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายขึ้น\n\nบำรุงเลือด\nเทน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว บีบน้ำมะนาว 1 ซึก ใส่เกลือนิดหน่อยเติมน้ำร้อน ดื่มเป็นยาบำรุงเลือด \n\nบรรเทาอาการไอ<o:p></o:p> ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก\nผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป โดยนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น\n\nสำหรับผิวหน้าสดใส\nผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออกน้ำผึ้งไม่ผานความร้อนจะมีเอ็นไซน์ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น\n\nเพื่อผมเงางาม\nหลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ <o:p></o:p> <o:p></o:p> <o:p> </o:p> \n\n \n\n\n \n\n\n \n\n\n\n\n \n\n\n \n\n\nThank you very much ^^\n\n\n\n\n<o:p></o:p>\n\nhttp://www.billporterdesign.com/lollygaggin/wp-content/uploads/2007/06/happy_bee.jpg รูปภาพ Bee Happy<o:p></o:p>\n\n\nhttp://widget.sanook.com/static_content/widget/full/graphic_1/0509/309509/69fd9c2b3d972fb5b4198701d0440043_1233659525.gif รูปภาพยินดีต้อนรับ<o:p></o:p>\n\n\nhttp://z.about.com/d/healing/1/0/s/M/gtotem_bee.jpg รูปภาพผึ้งในหน้าของความมหัศจรรย์ของผึ้ง<o:p></o:p>\n\n\nhttp://www.geocities.com/chemistry_nop2000/project_bee/bee1.html ข้อมูลความมหัศจรรย์กับประวัติผึ้ง<o:p></o:p>\n\n\nhttp://learners.in.th/blog/gio/19074 ข้อมูลชนิดผึ้งสกุล เอพีส<o:p></o:p>\n\n\nhttp://region7.prd.go.th/asp/view_news.asp?GID=18759 ข้อมูลชนิดผึ้งสกุล ชันโรงหรือจิ๋ว<o:p></o:p>\n\n\nhttp://www.cheewajit.com/highlight.asp ข้อมูลประโยชน์ของน้ำผึ้ง \nhttp://www.ku.ac.th/e-magazine/may47/know/bee.html ข้อมูลประโยชน์ของน้ำผึ้ง \nhttp://www.saranair.com/article.php?sid=6130 ข้อมูลประโยชน์ของน้ำผึ้ง \nhttp://www.dss.go.th/dssweb/st-articles/files/bsp_12_2545_hunny.pdf ข้อมูลประโยชน์ของน้ำผึ้ง<o:p></o:p>\n\n\nhttp://takato.exteen.com/20080807/entry ข้อมูลประโยชน์ของน้ำผึ้ง<o:p></o:p>\n\n\nhttp://learning.eduzones.com/panda25/12500 ข้อมูลการผสมพันธุ์ของผึ้ง<o:p></o:p>\n\n\nhttp://learners.in.th/blog/whitedargon/69811 ข้อมูลการเจริญเติบโตและอายุไขของผึ้ง<o:p></o:p>\n\n\nhttp://web.ku.ac.th/schoolnet/snet2/knowledge_math/phibobac/bee04.jpg รูปภาพของผึ้งในหน้าของประวัติของผึ้งhttp://learners.in.th/file/giobana/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87.jpg รูปภาพของสายพันธุ์ผึ้งสกุลเอพีส ผึ้งหลวง http://learners.in.th/file/giobana/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1.jpg รูปภาพของสายพันธุ์ผึ้งสกุลเอพีส ผึ้งมิ้ม\n\n\nhttp://learners.in.th/file/giobana/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81.jpg รูปภาพของสายพันธุ์ผึ้งสกุลเอพีส ผึ้งมิ้มเล็ก\n\n\nhttp://learners.in.th/file/giobana/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%87.jpg รูปภาพของสายพันธุ์ผึ้งสกุลเอพีส ผึ้งโพรงไทย\n\n\nhttp://learners.in.th/file/giobana/%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B9%E0%B9%8C.jpg รูปภาพสายพันธุ์ผึ้งสกุลเอพีส ผึ้งโพรงฝรั่ง<o:p></o:p>\n\n\nhttp://learning.eduzones.com/panda25/12500 ตารางแสดงอายุหน้าที่และการเจริญของต่อมต่างๆ ของผึ้งงาน <o:p></o:p>\n\n\nhttp://www.onopen.com/upload/pic038.jpg รูปภาพผึ้งในหน้าของปัจจัยที่ควบคุมการทำงานของผึ้งงานนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประการ <o:p></o:p>\n\n\nhttp://play.kapook.com/files/play/photo/0/1126_334053.jpg รูปภาพผึ้งในหน้าของวรรณะของผึ้งhttp://gotoknow.org/file/somluckv/MatingBH.JPG ภาพการผสมพันธุ์ของผึ้ง<o:p></o:p>\n\n\nhttp://www.ladyvisa.com/wp-content/uploads/2009/05/14071ck23-276x300.jpg รูปภาพผึ้งในหน้าของการเจริญเติบและอายุไขของผึ้ง\n\n\nhttp://www.thailanna.co.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=197826 ข้อมูลจากวิธีการผลิตน้ำผึ้งhttp://www.thailanna.co.th/images/1127034407/bee.jpg รูปภาพที่1การผลิตน้ำผึ้งhttp://www.thailanna.co.th/images/1127034407/hive.jpg รูปภาพที่2การผลิตน้ำผึ้งhttp://www.thailanna.co.th/images/1127034407/extract.jpg รูปภาพที่3การผลิตน้ำผึ้งhttp://www.sns.ac.th/www512/408/35a.JPG รูปภาพของประโยชน์น้ำผึ้ง<o:p></o:p>\n\n\n<o:p> </o:p>\n\n\n<o:p> </o:p>\n\n\n<o:p> </o:p>\n\n\n<o:p> </o:p>\n\n\n\n<o:p> </o:p>\n\n\n \n\n\n \n\n\n \n\n\nน.ส.สาธิยา กองกูล<o:p></o:p>\n\n\n \n\n\n\n \n\n<o:p></o:p>\n', created = 1718517032, expire = 1718603432, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:bd7e9ffdbb6b1f8477514e8007d0e824' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:372de6af169935e94a53352e3f770075' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '\n \n\n\n \n\n<v:shapetype coordsize=\"21600,21600\" o:spt=\"136\" adj=\"10800\" path=\"m@7,l@8,m@5,21600l@6,21600e\" id=\"_x0000_t136\"></v:shapetype><v:shapetype coordsize=\"21600,21600\" o:spt=\"136\" adj=\"10800\" path=\"m@7,l@8,m@5,21600l@6,21600e\" id=\"_x0000_t136\"></v:shapetype>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"400\" src=\"http://widget.sanook.com/static_content/widget/full/graphic_1/0509/309509/69fd9c2b3d972fb5b4198701d0440043_1233659525.gif\" height=\"400\" style=\"width: 261px; height: 237px\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n\n> *The Bee *<\n\n\n \n\n</div>\n<v:formulas><v:f eqn=\"sum #0 0 10800\"></v:f><v:f eqn=\"prod #0 2 1\"></v:f><v:f eqn=\"sum 21600 0 @1\"></v:f><v:f eqn=\"sum 0 0 @2\"></v:f><v:f eqn=\"sum 21600 0 @3\"></v:f><v:f eqn=\"if @0 @3 0\"></v:f><v:f eqn=\"if @0 21600 @1\"></v:f><v:f eqn=\"if @0 0 @2\"></v:f><v:f eqn=\"if @0 @4 21600\"></v:f><v:f eqn=\"mid @5 @6\"></v:f><v:f eqn=\"mid @8 @5\"></v:f><v:f eqn=\"mid @7 @8\"></v:f><v:f eqn=\"mid @6 @7\"></v:f><v:f eqn=\"sum @6 0 @5\"></v:f></v:formulas><v:path textpathok=\"t\" o:connecttype=\"custom\" o:connectlocs=\"@9,0;@10,10800;@11,21600;@12,10800\" o:connectangles=\"270,180,90,0\"></v:path><v:textpath on=\"t\" fitshape=\"t\"></v:textpath><v:handles><v:h position=\"#0,bottomRight\" xrange=\"6629,14971\"></v:h></v:handles><o:lock v:ext=\"edit\" text=\"t\" shapetype=\"t\"></o:lock>\n\n<img border=\"0\" width=\"400\" src=\"http://www.billporterdesign.com/lollygaggin/wp-content/uploads/2007/06/happy_bee.jpg\" height=\"400\" style=\"width: 238px; height: 239px\" />\n\n\n', created = 1718517032, expire = 1718603432, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:372de6af169935e94a53352e3f770075' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:90ac31bcee0ef6b401bd0669408afc1a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '\nเสียดายจัง มีข้อมูลดี แต่ Font มั่วไปหมด \nขออีกนิด อย่าลืมอ้างแหล่งที่มาของภาพไว้ใต้ภาพ \nและอ้างแหล่งที่มาของข้อมูลไว้ทุกหน้า \nจะเป็นกำลังใจให้ แล้วจะมาดูอีกครั้ง\n\n\nอย่าลืมส่งประกวด \nแต่ต้องสร้างให้มากกว่า 20 node พร้อมลิ้งค์ด้วย\n\n\n<img border=\"0\" width=\"200\" src=\"/files/u9/panda01.jpg\" height=\"294\" />\n\n\n----------------------------------------------------------------------------------------- \nครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล \nทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน\n\n', created = 1718517032, expire = 1718603432, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:90ac31bcee0ef6b401bd0669408afc1a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

>~ THE BEE ~<

เมื่อ เสาร์, 18/07/2009 - 19:37 | แก้ไขล่าสุด อาทิตย์, 19/07/2009 - 21:05| โดย

sss27395

> *The Bee *<

sss27395's blog |

ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น |

อ่าน 18795 ครั้ง

ssspoonsak เมื่อ พุธ, 26/08/2009 - 13:11

เสียดายจัง มีข้อมูลดี แต่ Font มั่วไปหมด
ขออีกนิด อย่าลืมอ้างแหล่งที่มาของภาพไว้ใต้ภาพ
และอ้างแหล่งที่มาของข้อมูลไว้ทุกหน้า
จะเป็นกำลังใจให้ แล้วจะมาดูอีกครั้ง

อย่าลืมส่งประกวด
แต่ต้องสร้างให้มากกว่า 20 node พร้อมลิ้งค์ด้วย

-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน

ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น

Thaigoodview

ของขวัญ ของที่ระลึก Miori Jung Handmade

ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ
ไม่ถูกปิดเสียก่อน
ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558
มีผลบังคับใช้แล้ว
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

โรงเรียนเครือข่ายจัดกิจกรรม บล็อก(Blog) เครื่องมือสำหรับครูยุคใหม่ เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้

เปลี่ยนชื่อผู้ใช้งาน/เพิ่มพื้นที่เก็บภาพ

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 480 คน กำลังออนไลน์

Copyright © 2000-2024 thaigoodview.com | ออกแบบและพัฒนาระบบโดย ไทยกู๊ดวิวดอทคอม
สงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-Noncommercial-Share Alike 3.0 Unported License.
ท่านสามารถนำเนื้อหาไปใช้ แสดง ดัดแปลง เผยแพร่ โดยต้องอ้างอิงที่มา ห้ามใช้เพื่อการค้า และต้องใช้สัญญาอนุญาตชนิดเดียวกันนี้ไปกับงานดัดแปลงต่อยอดที่เผยเผยแพร่ต่อ

นำทาง

สมาชิกที่ออนไลน์

>~ THE BEE ~<