บิดาแห่งกฏหมายไทย
![รูปภาพของ sss27271 รูปภาพของ sss27271](http://old.thaigoodview.com/files/profilepic/picture-7250.jpg)
เมื่อเสด็จในกรมฯ ทรงพิถีพิถันเกี่ยวกับคุณสมบัติ ผู้จะมาเป็นผู้พิพากษาเช่นนี้ ในสมัยนั้น จึงได้มีการสกัดและกลั่นกรอง เอาบุคคลที่ไม่เหมาะสม แก่ตำแหน่งหน้าที่ตุลาการออกเป็นจำนวนไม่น้อย เริ่มแรกก็ก่อให้เกิดความหวั่นวิตก ในวงการตุลาการเป็นอันมาก แต่ต่อมาเมื่อตระหนักแน่ในน้ำพระทัยบริสุทธิ์ ของพระองค์แล้ว บุคคลผู้อยู่ในบังคับบัญชา ตลอดจนบรรดาศิษย์ ต่างก็ทวีความเคารพ เทิดทูนพระองค์ขึ้นเป็นลำดับ
ที่มาของรูปภาพ http://www.mh.ac.th/E_Dream_Web/Student_work/Thaitana61/wap002/pic/rape1.jpg
นอกจากนี้แล้ว ยังปรากฎในรายงานของเสด็จในกรมฯ ฐานะข้าหลวงพิเศษว่า ทรงขอพระราชทานพระมหากรุณาเรื่องเงินเดือนผู้พิพากษา ให้สมกับศักดิ์ และตำแหน่งหน้าที่ความว่า " อีกประการหนึ่งที่จะทำให้ ราชการตุลาการคงดีไว้นั้น ต้องระลึกถึงเงินเดือนที่จะได้ ราชการฝ่ายตุลาการไม่เหมือนกับธุระการธรรมดา เพราะตามธรรมดาผู้ใดที่มีสติแล้ว ก็ได้มีหน้าที่แต่ยังหนุ่มยังเด็ก ในส่วนตุลาการต้องการความรู้เป็นพิเศษ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า เตกนิเกล ความรู้นี้ต้องศึกษาถึง 3 ปี เป็นอย่างน้อย แลทั้งมีที่ ที่จะไม่สำเร็จมากกว่าที่จะสำเร็จ ในสมัยปัจจุบันคนเช่นนี้ ได้รับราชการทีหลังราชการอื่นๆ ที่ไม่ต้องการความรู้พิเศษ เป็นที่เสียเปรียบในชั้นต้น แลยังเสียเปรียบอีกต่อไปด้วยว่า ตำแหน่งที่จะเลื่อนขึ้นนั้นมีน้อย คือ จะเลื่อนขึ้นจากผู้พิพากษาธรรมดา เป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลมณฑล ก็มีอยู่แต่ 11,12 มณฑลเท่านั้นเอง จะเลื่อนจากมณฑลมายังสนามสถิตย์ยุติธรรม หรือศาลอุทธรณ์ และข้าหลวงพิเศษ หรือเพื่อจะลบล้างการเสียเปรียบเช่นนี้ ก็จำเป็นที่จะต้องให้เงินเดือนสูง นั้นไม่ใช่แต่พอกิน ต้องแล้วแต่เทียบตำแหน่งและอัตราอื่น และอีกข้อหนึ่งในราชการอย่างอื่น ตามภาษาไพร่ เรียกว่า มีกำลังในราชการฝ่ายตุลาการ ไม่มีเลยเหตุไรจึงได้กราบบังคมทูล พระกรุณาในข้อนี้ก็เพราะเหตุว่า ถึงเป็นการไม่สมควรที่คนดีจะคิดก็จริง ก็เป็นการที่จริง และเป็นการที่ถูกต้องตามทางวิชา ที่อังกฤษเรียกว่า โปลิตติกแกลอิคอนโนมี ต้องมีผลดีและชั่วประการใด ประการหนึ่งแก่ราชการ ของใต้ฝ่าละอองธุรีพระบาท ฯลฯ "
เสด็จในกรมฯ ทรงกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายความเห็นว่า เงินเดือนผู้พิพากษาอย่างต่ำสุดควรจะเป็นเงิน 3 ชั่ง หรือ 240 บาท ซึ่งมากกว่าข้าราชการอย่างอื่น และสมเด็จพระบรมชนกนาถ ก็ทรงพระมหากรุณาพระราชทาน ตามที่กราบบังคมทูลพระกรุณาขอ เป็นมูลเหตุให้ผู้พิพากษา มีเงินเดือนมากกว่าข้าราชการประเภทอื่น สืบเนื่องมาจนทุกวันนี้
ในการสืบสวนสอบสวน ตามกระบวนการยุติธรรมนั้น แต่เดิมมาศาลและพนักงานอัยการ ไม่มีทางทราบว่า บุคคลใดเคยต้องโทษมาแล้วหรือไม่ กี่ครั้ง เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันให้ถือได้แน่นอน จะถือเอานามก็เอาแน่ไม่ได้ เพราะบรรดาผู้ต้องหา แต่ละคนก็ตั้งสมญาไว้ คนละหลายๆ ชื่อ พอถูกจับลงโทษครั้งหนึ่ง ก็ใช้ชื่อหนึ่ง ต่อมาถูกจับอีกก็บอกไปอีกอย่างหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เสด็จในกรมฯ จึงทรงริเริ่มจัดการพิมพ์ลายมือขึ้น ใช้ในพุทธศักราช 2443 จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อการตรวจสอบได้ว่า ผู้ร้ายรายนี้เคยต้องโทษมาแล้วหรือไม่ โดยมิพักต้องพิเคราะห์ว่า ชื่อของผู้ต้องหาจะตรงกันหรือไม่ ประการใด
ที่มาของรูปภาพ http://www.pieam.com/newpicture/20094131219441.jpg
พระคุณลักษณะส่วนพระองค์ ของเสด็จในกรมฯ นั้นเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ทรงเอาจริงเอาจัง ทรงหนักแน่นในพระหฤทัย เที่ยงธรรมเป็นที่สุด เป็นต้นว่า ในคราวที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงพา " แหม่ม " ชาวรัสเซีย มาอยู่ด้วย เสด็จในกรมฯ ทรงเป็นเจ้านายผู้ใหญ่พระองค์หนึ่ง ที่ทรงปฏิบัติต่อหม่อมในสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ อย่างปรกติ มิได้ทรงแสดงความรังเกียจใดๆ ดังที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงนิพนธ์ไว้ในหนังสือเกิดวังปารุสก์ ความว่า " เจ้านายพระญาติของพ่อ โดยมากก็ทรงทำเฉยๆ ต่อแม่ ที่ท่านทรงทำเฉยๆ ก็เพราะกลัวทูลหม่อมปู่ แต่ข้าพเจ้าก็ยินดีที่จะสามารถบันทึกไว้ว่า มีเจ้านายองค์หนึ่ง ซึ่งไม่กลัวใคร และอะไรเลย คือ เสด็จกรมหลวงราชบุรีฯ ได้เสด็จมาหาแม่ และตรัสว่าแม่คงจะเหงามาก จึงทรงนำกล้องถ่ายรูปมาประทาน เพื่อที่แม่จะได้ถ่ายรูปกันเบื่อ เป็นพระเมตตาที่น่าสรรเสริญยิ่ง เพราะได้ทรงฝ่าอันตราย ที่จะถูกทูลหม่อมปู่กริ้ว ข้าพเจ้ารำลึกถึงพระเมตตาของท่าน ด้วยความขอบพระทัยเสมอ ฯลฯ "
ที่มาของข้อมูล http://www.baanjomyut.com/library/rapheepattana/page1.html
http://www.baanjomyut.com/library/rapheepattana/page2.html
http://www.baanjomyut.com/library/rapheepattana/page3.html
http://www.baanjomyut.com/library/rapheepattana/page4.html
ดีแล้วละ แต่ขออีกนิด
1. แหล่งที่มาของข้อมูล ควรอ้างอิงทุกหน้า
จะเป็นกำลังใจให้ แล้วจะมาดูอีกครั้ง
-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน