บิดาแห่งกฏหมายไทย
![รูปภาพของ sss27271 รูปภาพของ sss27271](http://old.thaigoodview.com/files/profilepic/picture-7250.jpg)
เนื่องจากเอกราชทางการศาล ของสยามประเทศในเวลานั้น ได้รับความกระทบกระเทือนเป็นอย่างมาก กล่าวคือ สยามต้องเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต (Extraterritorial rights) ให้แก่ชาวต่างชาติ ที่มาพำนักในประเทศสยามหลายครั้ง หลายครา ด้วยข้ออ้างที่ว่า กฎหมายสยามยังไม่ทันสมัย มิเสมอด้วยกฎหมายของอารยประเทศ จำต้องมีการชำระ สะสางกันใหม่ทั้งระบบอย่างเร่งด่วน เสด็จในกรมฯ จึงทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ ที่จะเข้ารับราชการในฝ่ายตุลาการ เพื่อทรงแก้ปัญหาสำคัญของชาติที่มีอยู่ในเวลานั้น
แต่ด้วยเหตุที่เสด็จในกรมฯ เสด็จไปประทับ ณ ต่างประเทศตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ จึงทรงพระดำริว่า พระองค์มิทรงทราบความ เกี่ยวกับกฎหมายไทยอย่างจริงจัง เป็นเหตุให้ทรงเริ่มศึกษากฎหมายไทย โดยการค้นคว้า จากราชเลขานุการฝ่ายกฤษฎีกา โดยมีขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) และเจ้าพระยามหิธร (ลออ ไกรฤกษ์) เป็นผู้รับปฏิบัติค้นคว้าถวาย ทรงศึกษาอยู่ไม่กี่เดือนก็สำเร็จ จนกระทั่งเจ้าพระยาอภัยราชา (ดร.โรแลง ยัคแมงส์) นักกฎหมายชาวเบลเยี่ยม ที่ปรึกษาราชการแผ่นดินในสมัยนั้นแปลกใจ ขอซักถามก็ได้ความว่า ทรงมีความจำดีมาก ทรงอ่านเพียงครั้งเดียว ก็สามารถจดจำความสำคัญ ทั้งแนวทางกฎหมาย และวิถีทางของการชำระคดีได้หมด
ที่มาของรูปภาพ http://www.baanjomyut.com/library/rapheepattana/page2.html
ในพุทธศักราช 2439 หลังจากที่สถาปนากระทรวงยุติธรรมได้ 4 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งข้าหลวงพิเศษขึ้นคณะหนึ่ง สังกัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อจัดการศาลหัวเมือง ในมณฑลอยุธยาเป็นแห่งแรก โดยโปรดเสด็จในกรมฯ ทรงเป็นสภานายกพิเศษ ทั้งยังประกอบด้วยขุนหลวงพระยาไกรสี เนติบัณฑิตอังกฤษ กับมิสเตอร์เกิก แปตริก เนติบัณฑิตเบลเยี่ยม และข้าหลวงพิเศษในท้องถิ่น คือพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนมรุพงศ์ศิริพัฒน์ สมุหเทศาภิบาลมณฑล กับพระยาชัยวิชิต (นาค ณ ป้อมเพ็ชร์) ผู้รักษากรุงศรีอยุธยา เริ่มจัดการศาลหัวเมืองในครั้งนั้น เสด็จในกรมฯ ทรงตัดสินคดีทั้งปวง ด้วยพระองค์เองอย่างเร่งด่วน และยุติธรรม พระเกียรติคุณปรากฏเป็นที่นิยมยินดี ของหมู่ชนในมณฑลนั้น ยังผลให้การเป็นไปสมพระราชประสงค์ ทุกประการ
ครั้นถึงพุทธศักราช 2439 ต่ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมว่างลง เนื่องด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร เสนาบดีได้ประชวร และกราบบังคมทูลพระกรุณาลาออกจากต่ำแหน่ง สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอให้ทรงแต่งตั้งเสด็จในกรมฯ ขึ้นเป็นเสนาบดี โดยมีคำรับรองจากเจ้าพระยาอภัยราชา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระบรมราชโองการ แต่งตั้งให้พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงเป็นเสนาบดีสืบแทน เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พุทธศักราช 2439 นับเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ลำดับที่ 3 ขณะที่พระชนมายุเพียง 22 พรรษา ทั้งยังดำรงต่ำแหน่งสภานายก ในข้าหลวงพิเศษจัดการศาลตามเดิมด้วย นับว่าทรงเป็นเสนาบดีผู้มีอายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์โลก
ที่มาของข้อมูล http://www.baanjomyut.com/library/rapheepattana/page1.html
http://www.baanjomyut.com/library/rapheepattana/page2.html
http://www.baanjomyut.com/library/rapheepattana/page3.html
http://www.baanjomyut.com/library/rapheepattana/page4.html
ดีแล้วละ แต่ขออีกนิด
1. แหล่งที่มาของข้อมูล ควรอ้างอิงทุกหน้า
จะเป็นกำลังใจให้ แล้วจะมาดูอีกครั้ง
-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน