• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:388b22ba0329054d5d26964ad098c12e' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n&nbsp;\n</p>\n<p><span style=\"font-size: 24pt; color: #333333; line-height: 115%; font-family: \'Tahoma\',\'sans-serif\'\" lang=\"TH\">         7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง</span><span style=\"font-size: 24pt; line-height: 115%\"><o:p></o:p></span> </p>\n<p>\nสิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ดจัดเป็นสิ่งก่อสร้างของโลกสมัยกลาง ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครได้กำหนดไว้ และรายการในยุคกลางก็ระบุไว้ไม่ตรงกันแต่โดยมากจะยอมรับกับรายการต่อไปนี้\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"500\" src=\"http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_data1561_83358335.jpg\" height=\"375\" style=\"width: 264px; height: 199px\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\nแหล่งที่มาของภาพ\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n <u><span style=\"color: #0000ff\"><a href=\"http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_data1561_83358335.jpq\"><span style=\"color: #008000\">http://www.arts65.net/artsmen/postboard/photo/artsmen-dot-net_data1561_83358335.jpq</span></a></span></u>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<u><span style=\"color: #0000ff\"></span></u>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<u><span style=\"color: #0000ff\"></span></u>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>\n<strong>1..โคลอสเซียม สนามกีฬาแห่งกรุงโรม ประเทศอิตาลี</strong><br />\nโคลอสเซียม (อังกฤษ: Colosseum หรือ Flavian Amphitheatre; อิตาลี: Colosseo - โคลอสโซ) เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมเริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียน  แห่งจักรวรรดิโรมัน  และ สร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิทัสในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตรสามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี  เพื่อ ให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบันในบางครั้งจะมีการเรียกชื่อ โคลิเซียม (Coliseum)7กรกฎาคม พ.ศ.2550โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น1ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ\n</p>\n<p>\nสนามกีฬาแห่งกรุงโรม  (The colosseum  of  Rome)<br />\nสนามกีฬาแห่งกรุงโรม   เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมันและสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิติตัส (Titus)  ในคริสต์ศตวรรษที่  1 หรือ   ประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ  527  เมตร  สูง  57  เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000  คน ใต้อัฒจรรย์มีห้องใต้ดินที่สร้างขึ้นเพื่อขังสิงโตและนักโทษประหาร   ก่อนปล่อยให้ออกมาต่อสู้กันกลางสนาม   นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่ประลองฝีมือของเหล่าอัศวินในยุคนั้นปัจจุบันยังคงเหลือโครงสร้างเกือบสมบูรณ์ตั้งเด่นเป็นโบราณสถานที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั่วโลก\n</p>\n<p style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"640\" src=\"http://w6.thaiwebwizard.com/member/elite/images/Egypt/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%9E%20%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A21.jpg\" height=\"480\" style=\"width: 285px; height: 203px\" />\n</p>\n<p style=\"text-align: center\">\nแหล่งที่มาของภาพ\n</p>\n<p align=\"center\">\n <a href=\"http://w6.thaiwebwizard.com/member/elite/images/Egypt/หลุมฝังศพ%20แห่งอเล็กซานเดรีย1.jpg\"><u><span style=\"color: #0000ff\"><span style=\"color: #008000\">http://w6.thaiwebwizard.com/member/elite/images/Egypt/หลุมฝังศพ%20แห่งอเล็กซานเดรีย1.jpg</span></span></u></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n</p><p><strong>2.หลุมฝังศพแห่งอเล็กซานเดรีย ( Catacombs of Alexandria Egypt)  สุสานใต้ดินเมืองอะเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์</strong><br />\nสุสานแห่งอเล็กซานเดรีย เป็นอุโมงค์ที่เก็บศพ และทรัพย์สมบัติของกษัตริย์อียิปต์โบราณ อุโมงค์ฝังศพนี้  มีชื่อเรียกว่า  คาตาโคมป์(Catacombs) เป็นอุโมงค์ที่สร้างด้วยหินก้อนใหญ่ ๆ และ ขุดลึกลงไปเป็นชั้นๆ บางตอนลึกถึง 21 ถึง 24 เมตร (70-80 ฟุต)มีทางเดินกว้างถึง 1.2 เมตร (3-4 ฟุต) วกไปเวียนมา เป็นระยะทางหลาย ๆ กิโลเมตรตามริมผนังของอุโมงค์เป็นช่อง ๆ ไว้ สำหรับเป็นที่บรรจุศพมีแท่นบูชาอยู่หน้าช่องบรรจุศพเหล่านั้น พร้อมตะเกียงดวงเล็กๆ แขวนไว้ บางส่วนของอุโมงค์ตกแต่งทั่ว ๆ ไปไว้อย่างวิจิตรงดงามปัจจุบันยังคงมีสภาพสมบูรณ์\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" align=\"middle\" width=\"400\" src=\"http://tnahra.files.wordpress.com/2008/11/greatwall-of-china.jpg\" height=\"300\" style=\"width: 276px; height: 240px\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n แหล่งที่มาของภาพ  <a href=\"http://tnahra.files.wordpress.com/2008/11/greatwall-of-china.jpg\"><u><span style=\"color: #0000ff\"><span style=\"color: #008000\">http://tnahra.files.wordpress.com/2008/11/greatwall-of-china.jpg</span></span></u></a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<strong>3.กำแพงเมืองจีน ประเทศจีน</strong><br />\nกำแพงเมืองจีน (เป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัยโบราณ สร้างในสมัย พระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นครั้งแรก กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงทั้งนี้เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกมองโกล และพวกเติร์ก หลังจากนั้นยังมีการสร้างกำแพงต่ออีกหลายครั้งด้วยกัน แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรียสามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองจีนได้สำเร็จกำแพงเมืองจีนยังคงเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ กำแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมดถึง 6,350 กิโลเมตร และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วยเชื่อกันว่า หากมองเมืองจีนจากอวกาศ จะสามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"560\" src=\"http://img355.imageshack.us/img355/1580/stonehengeis3.jpg\" height=\"287\" style=\"width: 336px; height: 199px\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\nแหล่งที่มาของภาพ <u><span style=\"color: #0000ff\"><a href=\"http://img355.imageshack.us/img355/1580/stonehengeis3.jpq\"><span style=\"color: #008000\">http://img355.imageshack.us/img355/1580/stonehengeis3.jpq</span></a></span></u>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<u><span style=\"color: #0000ff\"></span></u>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<u><span style=\"color: #0000ff\"></span></u>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>\n<strong>4.สโตนเฮนจ์ ในอังกฤษ</strong>สโตนเฮนจ์ (อังกฤษ: Stonehenge) เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบว้างใหญ่ในบริเวณที่เรียกว่า ที่ราบซัลลิสเบอร์รี่ในบริเวณตอนใต้ของอังกฤษ ประกอบไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันอยู่ในแนวนอน และบางอันก็ถูกวางซ้อนขึ้นไปข้างบนสโตนเฮนจ์มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่เป็นกลุ่มหินประหลาดซึ่งไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ในการสร้างอย่างชัดเจน และเมื่อพิจารณาถึงอายุของมันแล้ว คาดว่ากลุ่มกองหินประหลาดนี้  ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ   5 ,000 ปี   ที่แล้วทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่างสงสัยว่า คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ ในบริเวณที่ราบดังกล่าว ไม่ใช่บริเวณที่จะมีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมด มาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากบริเวณที่เรียกว่า &quot;ทุ่งมาล์โบโร&quot;ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียวมีผู้สันนิษฐานถึงวัตถุประสงค์ในการสร้างสโตนเฮนจ์กันหลายประเด็น แต่ประเด็นที่ดูจะได้รับความเชื่อถือมากที่สุดคือ เป็นสถานที่สำหรับการทำพิธีกรรมทางศาสนาของชนกลุ่มที่นับถือลัทธิดรูอิท รองลงมาคือความเชื่อที่ระบุว่าเป็นการสร้างเพื่อหวังผลทางดาราศาสตร์ ใช้ในการสังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า เช่น สุริยุปราคา เป็นต้นสโตนเฮนจ์ได้ถูกจัดให้เป็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางอีกด้วย\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"525\" src=\"http://www4.msu.ac.th/satit/studentProj/2548/Selectted/M102/g12-7Singmahassajan/imgs/thaihouse/all/nanking04.jpg\" height=\"349\" style=\"width: 303px; height: 164px\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\nแหล่งที่มาของภาพ\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"http://www4.msu.ac.th/satit/studentProj/2548/Selectted/M102/g12-7Singmahassajan/imgs/thaihouse/all/nanking04.jpg\"><u><span style=\"color: #0000ff\"><span style=\"color: #008000\">http://www4.msu.ac.th/satit/studentProj/2548/Selectted/M102/g12-7Singmahassajan/imgs/thaihouse/all/nanking04.jpg</span></span></u></a><span style=\"color: #008000\"> </span>\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<strong>5.เจดีย์กระเบื้องเคลือบ เมืองหนานกิง ประเทศจีน<br />\n</strong>เจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิง ตั้งอยู่ในประเทศจีน เป็นสิ่งก่อสร้างเจดีย์รูปแปดเหลี่ยม สูง 9 ชั้น สูง 261 ฟุต หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว มีกระดิ่งแขวนไว้ 80 ลูก และโคมไฟประดับอีกหลายร้อยผูกแขวนไว้ตามชายคา ยอดเจดีย์เป็นรูปกลมปิดทอง องค์เจดีย์ก่อด้วยอิฐประดับด้วยกระเบื้องเคลือบทั้งหมด เดิมทีพุทธศาสนิกชนชาวจีนเป็นผู้สร้างไว้เพียง 3 ชั้น\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"338\" src=\"http://pirun.ku.ac.th/~b4910147/pisa1.jpg\" height=\"500\" style=\"width: 174px; height: 238px\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\nแหล่งที่มาของภาพ   <a href=\"http://pirun.ku.ac.th/~b4910147/pisa1.jpg\"><u><span style=\"color: #0000ff\"><span style=\"color: #008000\">http://pirun.ku.ac.th/~b4910147/pisa1.jpg</span></span></u></a>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>\n<br />\n<strong>6.หอเอนเมืองปิซา ในประเทศอิตาลี</strong><br />\nหอเอนเมืองปิซา (อิตาลี : Torre pendente di Pisa หรือ La Torre di Pisa ,  อังกฤษ:  Leaning Tower of Pisa)   ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวสูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร\n</p>\n<p>\n<img border=\"0\" align=\"middle\" width=\"1\" src=\"http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Aya_sofya.jpg/300px-Aya_sofya.jpg\" height=\"1\" />\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"300\" src=\"http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Aya_sofya.jpg/300px-Aya_sofya.jpg\" height=\"202\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\nแหล่งที่มาของภาพ\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<u><span style=\"color: #0000ff\"><a href=\"http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Aya_sofya.jpg/300px-Aya_sofya.jpq\"><span style=\"color: #008000\">http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Aya_sofya.jpg/300px-Aya_sofya.jpq</span></a></span></u>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<u><span style=\"color: #0000ff\"></span></u>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<u><span style=\"color: #0000ff\"></span></u>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>\n<strong>7.พิพิธภัณฑ์อะยาโซเฟีย  แห่งคอนสแตนติโนเปิล (ปัจจุบันคือ กรุงอีสตันบูล) ประเทศตุรกี<br />\n</strong>ฮาเยีย โซเฟีย หรือ ฮาเจีย โซเฟีย (ภาษาตุรกี : Ayasofya, ภาษาละติน: Sancta Sapientia, ภาษากรีก : ???? ????? ) หรือ  ชื่อ  ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์อะยาโซเฟีย (Ayasofya Museum) เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกส์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งงอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง จุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ฮาเจีย โซเฟียเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งโบสถ์เซบียาสร้างเสร็จในปี 1520สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างให้เป็นโบสถ์ในระหว่างปีค.ศ. 532-537โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นโบสถ์หลังที่สามถูกสร้างขึ้นในสถานที่เดียวกันนี้ (โบสถ์สองหลังแรกถูกทำลายในระหว่างการจลาจล) โบสถ์นี้เป็นศูนย์กลางของนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ เป็นเวลาเกือบ 1,000 ปีในปี 1453 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันพิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 จึงดัดแปลงโบสถ์ให้กลายเป็นสุเหร่า เช่นย้ายระฆัง แท่นบูชา รูปปั้นต่าง ๆ ออก และสร้างสัญลักษณ์ทางอิสลาม เช่นเสามินาเรต แทน สุเหร่าโซเฟียเป็นสุเหร่าหลักของอิสตันบูลมากว่า 500 ปี และเป็นต้นแบบของสุเหร่าออตโตมันอีกหลายแห่ง เช่นสุเหร่าสุลต่านอาเหม็ด (สุเหร่าสีน้ำเงิน),สุเหร่าเซห์ซาเด, สุเหร่าซือเลย์มานิเย และสุเหร่ารืสเตม ปาชา ในปี 1935 ฮาเจีย โซเฟียก็ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์โดยสาธารณรัฐตุรกีจนถึงปัจจุบันอีกชื่อหนึ่งของ ฮาเจีย โซเฟียคือเซนต์โซเฟีย ซึ่งมาจากชื่อเต็มในภาษากรีก &quot;???? ??? ????? ??? ???? ??????&quot; แปลว่า โบสถ์แห่งปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์โดยคำว่า &quot;โซเฟีย&quot; มาจากภาษาละตินที่เปลี่ยนมาจากคำในภาษากรีกที่แปลว่า &quot;ปัญญา&quot; อีกทีหนึ่ง จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับเซนต์ที่ชื่อโซเฟียแต่อย่างใด\n</p>\n', created = 1719734406, expire = 1719820806, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:388b22ba0329054d5d26964ad098c12e' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

รูปภาพของ sss27359

 

         7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง

สิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ดจัดเป็นสิ่งก่อสร้างของโลกสมัยกลาง ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครได้กำหนดไว้ และรายการในยุคกลางก็ระบุไว้ไม่ตรงกันแต่โดยมากจะยอมรับกับรายการต่อไปนี้

แหล่งที่มาของภาพ

1..โคลอสเซียม สนามกีฬาแห่งกรุงโรม ประเทศอิตาลี
โคลอสเซียม (อังกฤษ: Colosseum หรือ Flavian Amphitheatre; อิตาลี: Colosseo - โคลอสโซ) เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมเริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียน  แห่งจักรวรรดิโรมัน  และ สร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิทัสในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตรสามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี  เพื่อ ให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบันในบางครั้งจะมีการเรียกชื่อ โคลิเซียม (Coliseum)7กรกฎาคม พ.ศ.2550โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น1ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ

สนามกีฬาแห่งกรุงโรม  (The colosseum  of  Rome)
สนามกีฬาแห่งกรุงโรม   เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมันและสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิติตัส (Titus)  ในคริสต์ศตวรรษที่  1 หรือ   ประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ  527  เมตร  สูง  57  เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000  คน ใต้อัฒจรรย์มีห้องใต้ดินที่สร้างขึ้นเพื่อขังสิงโตและนักโทษประหาร   ก่อนปล่อยให้ออกมาต่อสู้กันกลางสนาม   นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่ประลองฝีมือของเหล่าอัศวินในยุคนั้นปัจจุบันยังคงเหลือโครงสร้างเกือบสมบูรณ์ตั้งเด่นเป็นโบราณสถานที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั่วโลก

แหล่งที่มาของภาพ

 http://w6.thaiwebwizard.com/member/elite/images/Egypt/หลุมฝังศพ%20แห่งอเล็กซานเดรีย1.jpg

2.หลุมฝังศพแห่งอเล็กซานเดรีย ( Catacombs of Alexandria Egypt)  สุสานใต้ดินเมืองอะเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์
สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย เป็นอุโมงค์ที่เก็บศพ และทรัพย์สมบัติของกษัตริย์อียิปต์โบราณ อุโมงค์ฝังศพนี้  มีชื่อเรียกว่า  คาตาโคมป์(Catacombs) เป็นอุโมงค์ที่สร้างด้วยหินก้อนใหญ่ ๆ และ ขุดลึกลงไปเป็นชั้นๆ บางตอนลึกถึง 21 ถึง 24 เมตร (70-80 ฟุต)มีทางเดินกว้างถึง 1.2 เมตร (3-4 ฟุต) วกไปเวียนมา เป็นระยะทางหลาย ๆ กิโลเมตรตามริมผนังของอุโมงค์เป็นช่อง ๆ ไว้ สำหรับเป็นที่บรรจุศพมีแท่นบูชาอยู่หน้าช่องบรรจุศพเหล่านั้น พร้อมตะเกียงดวงเล็กๆ แขวนไว้ บางส่วนของอุโมงค์ตกแต่งทั่ว ๆ ไปไว้อย่างวิจิตรงดงามปัจจุบันยังคงมีสภาพสมบูรณ์

 แหล่งที่มาของภาพ  http://tnahra.files.wordpress.com/2008/11/greatwall-of-china.jpg

 

3.กำแพงเมืองจีน ประเทศจีน
กำแพงเมืองจีน (เป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัยโบราณ สร้างในสมัย พระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นครั้งแรก กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงทั้งนี้เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกมองโกล และพวกเติร์ก หลังจากนั้นยังมีการสร้างกำแพงต่ออีกหลายครั้งด้วยกัน แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรียสามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองจีนได้สำเร็จกำแพงเมืองจีนยังคงเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ กำแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมดถึง 6,350 กิโลเมตร และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วยเชื่อกันว่า หากมองเมืองจีนจากอวกาศ จะสามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้

แหล่งที่มาของภาพ http://img355.imageshack.us/img355/1580/stonehengeis3.jpq

4.สโตนเฮนจ์ ในอังกฤษสโตนเฮนจ์ (อังกฤษ: Stonehenge) เป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบว้างใหญ่ในบริเวณที่เรียกว่า ที่ราบซัลลิสเบอร์รี่ในบริเวณตอนใต้ของอังกฤษ ประกอบไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันอยู่ในแนวนอน และบางอันก็ถูกวางซ้อนขึ้นไปข้างบนสโตนเฮนจ์มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่เป็นกลุ่มหินประหลาดซึ่งไม่มีใครทราบวัตถุประสงค์ในการสร้างอย่างชัดเจน และเมื่อพิจารณาถึงอายุของมันแล้ว คาดว่ากลุ่มกองหินประหลาดนี้  ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ   5 ,000 ปี   ที่แล้วทำให้นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ต่างสงสัยว่า คนในสมัยก่อนสามารถยกแท่งหินที่มีน้ำหนักกว่า 30 ตัน ขึ้นไปวางเรียงกันได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ปราศจากเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน และที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ ในบริเวณที่ราบดังกล่าว ไม่ใช่บริเวณที่จะมีก้อนหินขนาดมหึมานี้ ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่าผู้สร้างต้องทำการชักลากแท่งหินยักษ์ทั้งหมด มาจากที่อื่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากบริเวณที่เรียกว่า "ทุ่งมาล์โบโร"ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียวมีผู้สันนิษฐานถึงวัตถุประสงค์ในการสร้างสโตนเฮนจ์กันหลายประเด็น แต่ประเด็นที่ดูจะได้รับความเชื่อถือมากที่สุดคือ เป็นสถานที่สำหรับการทำพิธีกรรมทางศาสนาของชนกลุ่มที่นับถือลัทธิดรูอิท รองลงมาคือความเชื่อที่ระบุว่าเป็นการสร้างเพื่อหวังผลทางดาราศาสตร์ ใช้ในการสังเกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า เช่น สุริยุปราคา เป็นต้นสโตนเฮนจ์ได้ถูกจัดให้เป็นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางอีกด้วย

แหล่งที่มาของภาพ

 

5.เจดีย์กระเบื้องเคลือบ เมืองหนานกิง ประเทศจีน
เจดีย์กระเบื้องเคลือบเมืองนานกิง ตั้งอยู่ในประเทศจีน เป็นสิ่งก่อสร้างเจดีย์รูปแปดเหลี่ยม สูง 9 ชั้น สูง 261 ฟุต หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว มีกระดิ่งแขวนไว้ 80 ลูก และโคมไฟประดับอีกหลายร้อยผูกแขวนไว้ตามชายคา ยอดเจดีย์เป็นรูปกลมปิดทอง องค์เจดีย์ก่อด้วยอิฐประดับด้วยกระเบื้องเคลือบทั้งหมด เดิมทีพุทธศาสนิกชนชาวจีนเป็นผู้สร้างไว้เพียง 3 ชั้น

แหล่งที่มาของภาพ   http://pirun.ku.ac.th/~b4910147/pisa1.jpg


6.หอเอนเมืองปิซา ในประเทศอิตาลี
หอเอนเมืองปิซา (อิตาลี : Torre pendente di Pisa หรือ La Torre di Pisa ,  อังกฤษ:  Leaning Tower of Pisa)   ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวสูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร

แหล่งที่มาของภาพ

7.พิพิธภัณฑ์อะยาโซเฟีย  แห่งคอนสแตนติโนเปิล (ปัจจุบันคือ กรุงอีสตันบูล) ประเทศตุรกี
ฮาเยีย โซเฟีย หรือ ฮาเจีย โซเฟีย (ภาษาตุรกี : Ayasofya, ภาษาละติน: Sancta Sapientia, ภาษากรีก : ???? ????? ) หรือ  ชื่อ  ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์อะยาโซเฟีย (Ayasofya Museum) เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกส์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งงอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งและมักถูกจัดให้อยู่ในรายการสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง จุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ฮาเจีย โซเฟียเคยเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมานานเกือบพันปี จนกระทั่งโบสถ์เซบียาสร้างเสร็จในปี 1520สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างให้เป็นโบสถ์ในระหว่างปีค.ศ. 532-537โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นโบสถ์หลังที่สามถูกสร้างขึ้นในสถานที่เดียวกันนี้ (โบสถ์สองหลังแรกถูกทำลายในระหว่างการจลาจล) โบสถ์นี้เป็นศูนย์กลางของนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ เป็นเวลาเกือบ 1,000 ปีในปี 1453 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันพิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์ สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 จึงดัดแปลงโบสถ์ให้กลายเป็นสุเหร่า เช่นย้ายระฆัง แท่นบูชา รูปปั้นต่าง ๆ ออก และสร้างสัญลักษณ์ทางอิสลาม เช่นเสามินาเรต แทน สุเหร่าโซเฟียเป็นสุเหร่าหลักของอิสตันบูลมากว่า 500 ปี และเป็นต้นแบบของสุเหร่าออตโตมันอีกหลายแห่ง เช่นสุเหร่าสุลต่านอาเหม็ด (สุเหร่าสีน้ำเงิน),สุเหร่าเซห์ซาเด, สุเหร่าซือเลย์มานิเย และสุเหร่ารืสเตม ปาชา ในปี 1935 ฮาเจีย โซเฟียก็ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์โดยสาธารณรัฐตุรกีจนถึงปัจจุบันอีกชื่อหนึ่งของ ฮาเจีย โซเฟียคือเซนต์โซเฟีย ซึ่งมาจากชื่อเต็มในภาษากรีก "???? ??? ????? ??? ???? ??????" แปลว่า โบสถ์แห่งปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์โดยคำว่า "โซเฟีย" มาจากภาษาละตินที่เปลี่ยนมาจากคำในภาษากรีกที่แปลว่า "ปัญญา" อีกทีหนึ่ง จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับเซนต์ที่ชื่อโซเฟียแต่อย่างใด

รูปภาพของ ssspoonsak

เนื้อหาก็ดีแล้ว  แต่
1. ควรอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่มาทุกหน้า
2. ข้อมูลใดที่นำมาจากวิกิพีเดีย ให้ลบทิ้งให้หมด แม้จะอ้างอิงถูกต้องก็ตาม เพราะอาจจะมีปัญหาตามมาภายหลังได้

อย่าลืมส่งประกวด
แต่ต้องสร้างให้มากกว่า 20 node พร้อมลิ้งค์ด้วย

 

-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 562 คน กำลังออนไลน์