เซอร์เบอรัส หรือ เคอร์เบอรอส (อังกฤษ: Cerberus ; กรีก: Κέρϐερος (Kerberos) แปลว่า ปีศาจในหลุม)

ที่มาของภาพ : www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?p=351...

     เป็นสัตว์ในเทพปกรณัมกรีก มีรูปร่างเป็นหมาสีดำใหญ่โตพ่วงพี มี 3 หัว ปลายสุดของหางเป็นงู (บางตำนานว่าเป็นหางมังกร) เซอร์เบอรัสมีหน้าที่เฝ้าทางลงสู่นรกที่หน้าประตูทางเข้า ตรุทาร์ทะรัส

     เซอร์เบอรัสเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของฮาเดส (Hades) มันจะยอมให้วิญญาณของคนทุกคนเข้าประตู แต่จะไม่ยอมให้กลับออกมาเป็นอันขาด เมื่อไปถึงประตูนี้ วิญญาณแต่ละดวงจะถูกพาไปรับคำพิพากษาของ สามเทพสุภาคือ ราดาแมนทีส ,ไมนอส และ ไออาคอส. วิญญาณที่ชั่วร้ายจะถูกพิพากษาให้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในตรุทาร์ทะรัสไปชั่วกัลป์ ส่วนวิญญาณที่ดีจะได้รับคำพิพากษาให้พาไปอยู่ยัง ทุ่งอีลิเซียน แดนสุขาวดีของกรีก

     นอกจากนี้ เซอร์เบอรัสยังเป็นภาระกิจที่ 12 ของเฮอร์คิวลิสอีกด้วย เรื่องราวก็เนื่องจาก เทพีเฮร่ากลั่นแกล้งให้เฮอร์คิวสิสวิกลจริต และทำความผิดหลาย อย่าง เช่น ฆ่าทายาทของตัวเอง, เฮอร์คิวลิสจึงต้องรับโทษ โดยให้อยู่ใต้อำนาจของกษัตริย์ที่อ่อนแอ เป็นเวลาถึง 12 ปี และต้องทำภาระกิจ 12 ประการให้เสร็จสมบูรณ์ จึงจะพ้นโทษ ภารกิจ 12 ประการนั้น ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการพิชิตปีศาจ หรือไม่ก็สยบสัตว์อิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ การจับเซอร์เบอรัสมาให้กษัตริย์ของเขาก็เป็นหนึ่งในภาระกิจด้วย และเฮอร์คิวลิสก็สามารถจับเซอร์เบอรัสได้ด้วยพลังอันมหาศาลของเขา นอกจากเฮอร์คิวลิสแล้ว ออร์เฟียสเคยใช้เสียงเพลงสะกดเซอร์เบอรัสให้เชื่องขณะเข้าไปในยมโลกเพื่อคืนชีพให้คนรัก ในตำนานของโรมัน ไซคีได้ทำให้เซอร์เบอรัสหลับด้วยเค้กน้ำผึ้งใส่ยานอนหลับ

     แม่ของเซอร์เบอรัสเป็นอสุรกายชื่อ อีคิดน่า (กรีก: Echidna) เป็นพี่น้องของพวกกอร์กอนส์ทั้งสาม อีคิดน่ารูปร่างหน้าตาสวยงามเฉพาะท่อนบน แต่ท่อนล่างลงมาเป็นงูยักษ์มหึมา และได้มามีสัมพันธ์กับอสุรกายอีกตนหนึ่งคือ ไทฟอน (Typhon) ซึ่งลูกๆของไทฟอนและอีคิดน่าล้วนแต่เป็นสัตว์ประหลาดดุร้าย นอกจากเซอร์เบอรัสแล้วก็คือ ไฮดรา, ออทรัส, สิงโตเนเมีย, ไคเมร่า และ สฟิงซ์ แต่นอกจากเซอร์เบอรัสซึ่งได้เป็นสัตว์เลี้ยงของฮาเดสแล้ว พี่น้องทั้งหมดของเซอร์เบอรัสก็ถูกวีรบุรุษในตำนานกรีกสังหารเสียสิ้น

ในนิยายและวีดิโอเกม ดิจิตัลเดวิล โมโนกาตาริ: เมกามิเทนเซย์ เซอร์เบอรัสเป็นปิศาจที่อาเคมิ นาคาจิมะ ตัวเอกของเรื่องเรียกมาช่วยในการต่อสู้กับโลกิ และในเกมภาคต่อๆมามักมีเซอร์เบรัสเป็นผู้ช่วยสำคัญเสมอ

แหล่งที่มา : http://writer.dek-d.com/Writer/story/view.php?id=387194

Cerberus

แหล่งที่มาของภาพ : http://s.bebo.com/app-image/8409012972/5411656627/PROFILE/i.quizzaz.com/img/q/u/08/10/11/Cerberus_by_Vyrilien.jpg

Description
  According to Horace, Cerberus possessed one hundred heads. Hesiod wrote that he had fifty, while most sources agree to only three. The center head was in the shape of a lion, while the other two were in the shape of a dog and a wolf, respectively. He also had a dragon's tail and a thick mane of writhing snakes.

Origin
  It is generally thought that Cerberus was born to Echidne, a half-woman, half-serpent, and Typhon, the most fierce of all creatures.

  Cerberus has a brother, Orphus, which is also a monstrous dog with two heads.  Cerberus’ Egyptian correspondent is Anubis, the dog who guarded the tombs and conducted the souls to the underworld.

  A similar dog, Garm, is guarding the house of deaths in the Norse mythology. These monsters were probably inspired from the dogs that haunted the battlefields in the dark of the night, feasting on the bodies of the fallen warriors.

Symbol
  The three heads relate to the threefold symbol of the baser forces of life. They represent the past, the present and the time yet to come. Dante described Cerberus as “il gran vermo inferno” thus linking the monsters with the legendary worms and orms.

Role
  Cerberus is the watchdog of Hell. He is often pictured with Hades, his master. He can be found on the banks of the river Styx, where he had the task of eating any mortals who attempted to enter, and any spirits who attempted to escape.

Magic
  As Cerberus vehemently resisted Heracles, barking furiously, his saliva dripped on the ground, giving birth to a poisonous plant called aconite; thus named because it flourishes on bare rocks. It is also known as 'hecateis,' because Hecate was the first to use it. Medea tried to poison Theseus with it, and the Thessalian witches used it in preparing the ointment that enabled them to fly. The modern name for aconite is wolfsbane.

   Ancient Greeks and Romans placed a coin and a small cake in the hands of their deceased. The coin was meant as payment for Charon who ferried the souls across the river Styx, while the cake helped to pacify Cerberus. This custom gave rise to the expression 'to give a sop to Cerberus,' meaning to give a bribe or to quiet a troublesome customer.

 แหล่งที่มา : http://monsters.monstrous.com/cerberus.htm