ประเมินกำลังซื้อที่อยู่อาศัยในไทยของคนจีน

รูปภาพของ pornchokchai
ประเมินกำลังซื้อที่อยู่อาศัยในไทยของคนจีน
  AREA แถลง ฉบับที่ 175/2566: วันศุกร์ที่ 03 มีนาคม 2566

 

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

 

 

            คนจีนมาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยมากน้อยเพียงใด ดร.โสภณ ประเมินว่าในกรณีที่อยู่อาศัยทั้งหมดในประเทศไทยในปี 2566 นั้น จะมีการซื้อขายกัน 220,000 หน่วย คาดว่าเป็นหน่วยขายของคนต่างชาติซื้อราว 6% หรือ 132,000 หน่วย และเป็นส่วนของคนจีนประมาณ 3.2% หรือ 7,040 หน่วย แสดงว่าคนจีนซื้อที่อยู่อาศัยในขอบเขตทั่วประเทศในปี 2566 ราว 53.3% ของที่อยู่อาศัยที่ซื้อโดยคนต่างชาติ อิทธิพลจีนจึงสูงมาก

            ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประเมินไว้ว่าในปี 2565 ที่ผ่านมา มีคนจีนมาซื้อห้องชุดทั้งหมดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลประมาณจากผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน 1,937 หน่วย รวมมูลค่า 7,243 ล้านบาท หรือเป็นเงินหน่วยละ 3.739 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.8% ของหน่วยขายทั้งหมด (51,093 ล้านบาท) หรือ 3.9% ของมูลค่าที่ขายได้ทั้งหมด (183,908 ล้านบาท)

            การที่คนจีนซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทั้งหมดจากผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน 1,937 หน่วยจากที่ขายให้ต่างชาติทั้งหมด 4,203 หน่วย เท่ากับว่าคนจีนซื้อถึง 46% ของหน่วยขายที่ชาวต่างชาติซื้อ  อย่างไรก็ตามหากพิจารณาถึงมูลค่าการซื้อขายที่คนจีนซื้อประมาณ 7,243 ล้านบาท ก็ถือว่าเป็นเพียง 36% ของมูลค่าที่ต่างชาติซื้อทั้งหมด 20,364 ล้านบาท

 

 

            กรณีนี้แสดงว่าหน่วยขายที่ซื้อโดยคนจีน มีมูลค่าต่ำกว่าหน่วยขายที่ซื้อโดยคนต่างชาติอื่น โดยคนจีนซื้อโดยเฉลี่ยเป็นเงิน 3.739 ล้านบาท ส่วนคนต่างชาติอื่นซื้อในราคาเฉลี่ยที่ 5.790 ล้านบาท  ส่วนราคาเฉลี่ยที่มีการซื้อขายโดยคนไทยเท่านั้น เป็นเงินเฉลี่ย 3.488 ล้านบาท และราคาเฉลี่ยรวมอยู่ที่ราคา 3.560 ล้านบาท  อันที่จริงหากไทยจะให้ต่างชาติหรือคนจีนมาซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรเอาอย่างมาเลเซีย  ที่กำหนดให้ต่างชาติมาซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาที่คนท้องถิ่นซื้อ ทั้งนี้มาเลเซียกำหนดให้ต่างชาติซื้อบ้านหรือห้องชุดได้ในราคาขั้นต่ำ 8-16 ล้านบาทขึ้นไป ถ้าไม่ทำเช่นนั้นก็เท่ากับไทยให้ต่างชาติมาแย่งซื้อบ้านกับคนไทยเอง ทำให้ผู้ซื้อบ้านคนไทยเดือดร้อน

            ทำเลที่ต่างชาติซื้อห้องชุดมากที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ ปี 2565 มี 4 อันดับทำเลสำคัญก็คือ ก็คืออันดับที่ 1 อยู่ในเขตใจกลางเมือง โดยมีหน่วยขายให้ต่างชาติสูงถึง 1,117 หน่วย รวมมูลค่า 10,828 ล้านบาท รองลงมาคือย่านรัชดาฯ –ลาดพร้าว (ไชน่าทาวน์ 2) โดยมีต่างชาติซื้อ 1,045 หน่วย  อันดับที่ 3 ก็คือบางนา-เทพารักษ์ มีต่างชาติซื้อ 782 หน่วย และอันดับที่ 4 คือ อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ มีต่างชาติซื้อ 384 หน่วย

            สำหรับคนจีนซื้ออันดับที่ 1 อยู่ที่ย่านรัชดาฯ-ลาดพร้าว (ไชน่าทาวน์ 2) มากกว่า คือคนจีนซื้อสูงสุดถึง 731 หน่วย รวมมูลค่า 2,919 ล้านบาท (ราคาหน่วยละ 3.993 ล้านบาท) ส่วนทำเลอันดับสองก็คือ ในแง่จำนวนหน่วยก็คือทำเลบางนา-เทพารักษ์ โดยคนจีนซื้อถึง 625 หน่วย รวมมูลค่า 1,086 ล้านบาท (หน่วยละเพียง 1.738 ล้านบาท) แต่ถ้าเป็นอันดับสองในด้านมูลค่า กลับเป็นในย่านใจกลางเมือง ซึ่งแม้มีคนจีนซื้อเพียง 223 หน่วย แต่ก็มีมูลค่าสูงถึง 2,166 ล้านบาท (หน่วยละ 9.713 ล้านบาท)


 

            จะเห็นได้ว่าในปี 2562 มีหน่วยขายที่ซื้อโดยชาวต่างชาติประมาณ 6,557 หน่วย หรือ 12.1% และเฉพาะคนจีนอยู่ที่ประมาณ 3,801 หน่วยหรือราว 7% ของหน่วยขายทั้งหมดในปีนั้น สำหรับในปี 2563 และ 2564 ซึ่งเป็นปีที่เกิดโควิด-19 ปรากฏว่าสัดส่วนของคนต่างชาติมาซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลลดลงเหลือเพียง 3.5% และ 4.3% ตามลำดับ จนมาถึงปี 2565 จึงคาดว่ามีคนต่างชาติซื้อห้องชุด 4,203 หน่วย

            สำหรับในปี 2566 ดร.โสภณคาดว่าจำนวนห้องชุดที่จะขายได้ทั้งหมดน่าจะเพิ่มขึ้นจาก 51,093 หน่วย เป็น 55,000 หน่วย และจะมีหน่วยที่ซื้อโดยคนต่างชาติถึง 7,700 หน่วย หรือ 14% ของห้องชุดทั้งหมดที่มีการขาย แต่ในปี 2566 นี้ คาดว่าจะมีคนจีนมาซื้อมากเป็นพิเศษถึง 4,400 หน่วยหรือราว 8% ของห้องชุดที่ขายทั้งหมด หรือราว 57% ของห้องชุดที่ขายให้คนต่างชาติ จะเป็นคนจีนที่ซื้อ เพราะเป็นชาติที่มีความพร้อมมากที่สุดในขณะนี้

 

 

            เมื่อพิจารณาถึงกรณีที่อยู่อาศัยทั้งหมดในปี 2566 นั้น ประมาณการว่าที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่มีการขายได้ในปี 2566 รวม 120,000 หน่วย นั้น น่าจะเป็นการซื้อโดยต่างชาติ 9,600 หน่วย และเป็นของคนจีนซื้อ 5,400 หน่วย ทั้งนี้หากประมาณการทั่วประเทศที่มีการซื้อขายกัน 220,000 หน่วย คาดว่าเป็นหน่วยขายของคนต่างชาติราว 6% หรือ 132,000 หน่วย และเป็นส่วนของคนจีนประมาณ 3.2% หรือ 7,040 หน่วย แสดงว่าคนจีนซื้อที่อยู่อาศัยในขอบเขตทั่วประเทศในปี 2566 ราว 53.3% ของที่อยู่อาศัยที่ซื้อโดยคนต่างชาติ ในปัจจุบันต่างชาติโดยเฉพาะจีนจึงมีอิทธิพลสูงมากในการซื้อที่อยู่อาศัยของไทย

 

 

หมายเหตุ: บทความนี้ตีพิมพ์ในประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ 2566 หน้า 1และ 9

 

 

 

 
 
 
 
 
 


ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 494 คน กำลังออนไลน์