• user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('ภาษาไทย, ช่วงชั้น 4 (ม.4-6)', 'taxonomy/term/3,14', '', '18.221.154.18', 0, '76a240aba3ad09d28b99963c56f9f78e', 220, 1716469202) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:a92071b0ce00ff380ee13c8aa6eff115' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div align=\"center\"><span class=\"size22 FTtext\" data-mce-mark=\"1\"><span data-mce-mark=\"1\">สงครามกับอสังหาริมทรัพย์</span></span></div>\n<div align=\"center\">&nbsp;&nbsp;<span class=\"size13 FTtext color1\" data-mce-mark=\"1\"><span style=\"text-decoration: underline;\" data-mce-mark=\"1\">AREA แถลง</span>&nbsp;ฉบับที่ 754/2565: วันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2565</span></div>\n<p>&nbsp;</p>\n<div class=\"box-position text-right\">ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย<br />ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย<br /><a href=\"https://www.area.co.th/thai/about.php#sopon\" target=\"_blank\">บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส</a>&nbsp;<a class=\"FTtext size12\" href=\"mailto:sopon@area.co.th\"><img src=\"https://www.area.co.th/images/img_icon/icon_areapress_06.jpg\" alt=\"sopon@area.co.th\" width=\"61\" height=\"18\" /></a>&nbsp;<a class=\"FTtext size12\" href=\"https://www.facebook.com/dr.sopon4\" target=\"_blank\"><img src=\"https://www.area.co.th/images/img_icon/icon_areapress_03.jpg\" alt=\"https://www.facebook.com/dr.sopon4\" width=\"\" height=\"20\" /></a></div>\n<div class=\"wf_pressdetail size15 wf_colortext\">\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ช่วงนี้สงครามทำท่าจะไม่จางหายไปง่ายๆ และอาจปะทุอีกหลายที ที่ๆ มีสงครามก็อาจขยายตัวออกไปได้อีก แล้วทีนี้ (ราคา) อสังหาริมทรัพย์จะเป็นอย่างไร เรามาลองตรวจสอบดูก่อน</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; สงครามที่เกิดขึ้นในยูเครนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ของยูเครนเป็นอย่างมาก ผู้คนเดินทางไปท่องเที่ยวไม่ได้ แม้แต่คนยูเครนเองยังออกนอกประเทศได้ลำบาก คือต้องเดินทางผ่านโปแลนด์หรืออีกบางประเทศ จึงจะขึ้นเครื่องบินได้ เพราะในยูเครนเอง ห้ามมีเครื่องบินผ่าน เพราะอยู่ในภาวะสงครามนั่นเอง&nbsp; การมีสงคราม ยิ่งยืดเยื้อยาวนานก็ยิ่งแย่ได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในยูเครนก็คงตกต่ำลงไปเป็นอันมาก</p>\n<div id=\"bannerPressID\" class=\"no-print col-xs-12 col-sm-12 col-md-12 col-lg-12\">\n<div class=\"embed-responsive embed-responsive-16by9\">&nbsp;</div>\n</div>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ในทางตรงกันข้ามรัสเซียที่เป็น “ผู้รุกราน” อาจจะดูมี “ภาษี” ดีกว่า เพราะรัสเซียผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาอย่างกล้าแกร่ง โดยเฉพาะการลงโทษแทรกแซงทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกต่อรัสเซีย ก็ไม่ทำให้รัสเซียตกต่ำมากนัก รัสเซียก็ยังเชิญชวนประชาคมโลกไปท่องเที่ยวและพักผ่อนในรัสเซียซึ่งมีทรัพยากรมากมายเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากจีนและอีกหลายประเทศในโลก&nbsp; การปิดล้อมอาจไม่ได้ผลดังที่ประเทศตะวันตกคาดหวัง ดังนั้นในแง่หนึ่ง อสังหาริมทรัพย์ในรัสเซียอาจไมได้ตกต่ำลงไปกว่าที่คิดนัก</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ในประเทศที่เกิดสงคราม ก็ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำลงเป็นอย่างมากเช่นกัน เช่น ในประเทศกัมพูชา ช่วงที่เขมรแดงปกครองบ้านเมือง ประชาชนในเมืองได้ถูกเกณฑ์ออกไปใช้แรงงานในชนบท เจ้าของร้านค้าที่เป็นอาคารพาณิชย์รอบตลาดกลางเมือง (Central Market) ของกรุงพนมเปญก็แทบร้างไปหมด ตั้งแต่ช่วงสงครามกลางเมือง ช่วงเขมรแดง และช่วงสงครามกับเวียดนามรวมนับสิบปี สภาพบ้านเมืองก็เป็นดั่ง “บ้านแตกสาแหรกขาด” เมืองใหญ่ๆ ก็กลายเป็นเมืองร้างไป</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; เมื่อสิ้นสุดยุคเขมรแดง ประชาชนก็ต่างทยอยเดินทางกลับเข้ามาในกรุงพนมเปญ&nbsp; แต่หลายคนโดยเฉพาะผู้มีฐานะก็อาจย้ายออกนอกประเทศไปอยู่ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอื่นๆ โดยเฉพาะเหล่าผู้ที่มีฐานะดีที่ครองตึกรอบๆ ตลาดกลางดังกล่าวก็คงไม่กลับไปแล้ว&nbsp; ชาวบ้านที่กลับเข้าเมือง ก็ต่างไปจับจองอยู่อาศัยในใจกลางเมืองซึ่งถือว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด&nbsp; มีเรื่องเล่ากันว่าคนที่ไปก่อน ก็เข้าไปในตึกแถวรอบๆ ตลาดเหล่านั้น และจับจองที่ชั้น 3 บ้างก็ไปอยู่บนดาดฟ้าชั้น 4 แล้วก็กวักมือเรียกคนที่มาทีหลังให้มาอยู่ชั้น 2 บ้างหรือชั้นล่างบ้าง เพราะหากมีโจรมาปล้น คนที่อยู่ข้างล่างก็จะโดนก่อน</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; อย่างไรก็ตามสถานการณ์ก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อบ้านเมืองสงบ คนที่อยู่ชั้นล่างกลับได้ประโยชน์มากกว่า เพราะสามารถค้าขายได้ ส่วนที่อยู่ด้านบน ก็คงได้แค่อยู่อาศัยเท่านั้น และก็มีบางรายที่พยายามที่จะซื้อคืนจากผู้ที่อยู่ต่างชั้นกัน เพื่อจะได้รวมเป็นเจ้าของเดียวกันในหนึ่งคูหาดังที่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน และทำเลตลาดกลางนี้ก็เป็น “ทำเลทอง” สำหรับการค้าในยุคสมัยหลังสงครามแล้ว</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ถ้าดูตามนี้ จะเห็นได้ว่า ราคาทรัพย์สิน เช่น ตึกแถวรอบตลาดกลาง สมมติมีราคาอยู่ที่ 1.5 แสนบาทในช่วงก่อนสงครามคือในปี 2510 (ช่วงนั้นตึกแถวๆ เยาวราชอาจมีราคาประมาณ 3 แสนบาท) พอมาถึงปี 2518 ราคาก็คงตกต่ำลงไปบ้าง และกว่าที่เขมรจะสงบลงในปี 2522 ที่ทหารกัมพูชาฝ่ายฮุนเซนที่ได้รับการหนุนหลังจากเวียดนามสามารถขับไล่เขมรแดงออกไปได้และตั้งสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชาขึ้น ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็คงแทบจะไม่มีก็ว่าได้ แต่หลังจากนั้น ราคาก็คงค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับ</p>\n<p>&nbsp;</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; สำหรับการคำนวณเป็นดังนี้:</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 1. การที่ราคาตึกแถวในกรุงพนมเปญเพิ่มขึ้นจาก 1.5 แสนบาทในปี 2510 เป็น 25 ล้านบาทในปี 2565 ถือว่าเพิ่มขึ้นปีละ 9.7% เช่นเดียวกับตึกแถวย่านเยาวราชที่ราคา 3.0 แสนบาทในปี 2510 เป็น 50 ล้านบาทในปี 2565</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2. แต่โดยที่ตึกแถวในใจกลางกรุงพนมเปญคาดว่าแทบไม่มีราคาในปี 2518 ที่เขมรแดงย้ายคนออกนอกเมือง และค่อยๆ มีคนกลับเข้ามาอยู่ในปี 2522 เมื่อเวียดนามยึดกรุงพนมเปญคืน ตอนนั้นก็ยังอยู่ในช่วงชุลมุน&nbsp; อย่างไรก็ตามประมาณการว่าราคาตึกแถวเหล่านี้ค่อยเข้าที่เข้าทางในปี 2525 คือ 3 ปีหลังจากการควบคุมของรัฐบาลเขมรที่ควบคุมโดยเวียดนาม ประมาณการว่าราคาตึกแถวคงเป็นเงินเพียง 80,000 บาท หรือเท่ากับลดลงเหลือเพียง 53% ของราคาเดิมในปี 2510 เพราะภัยสงครามโดยแท้</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 3. แต่หลังจากนั้น เชื่อว่าราคาตึกแถวก็คงขึ้นมาโดยตลอด โดยคาดว่า ณ ปี 2565 ราคาตึกแถวใจกลางตลาดกลางกรุงพนมเปญน่าจะเป็นเงิน 25 ล้านบาท หรือครึ่งหนึ่งของไทย หรือเพิ่มขึ้น 167 เท่า ก็แสดงว่าตลอดปี 2525-2565 ราคาตึกแถวในกรุงพนมเปญนี้ที่เพิ่มจาก 80,000 บาท เป็น 25 ล้านบาท เท่ากับราคาเพิ่มขึ้นถึง 15.4% ต่อปีเลยทีเดียว นี่เป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังภาวะสงคราม</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 4. อย่างไรก็ตามหากไม่มีสงครามในช่วงปี 2518-2522 ราคาตึกแถวดังกล่าวน่าจะเพิ่มจาก 1.5 แสนบาทในปี 2510 เพิ่มมากขึ้นกว่านี้เป็นเงินสมมติประมาณ 35 ล้านบาทในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้น 233 เท่า (แทนที่จะเป็น 167 เท่า) เพราะตึกแถวย่านนี้ยังมีโอกาสเติบโตมาก แต่ตึกแถวย่านเยาวราชคงชะลอการเติบโตไปเพราะศูนย์กลางเมืองย้ายออกไปแล้ว ดังนั้นอัตราเพิ่มระหว่างปี 2510-2565 จึงควรเป็น 10.4% มากกว่าของไทยที่ 9.7%</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 5. ตึกแถวในกรุงพนมเปญที่ 1.5 แสนบาทในปี 2510 กว่าจะกลับมาเป็นราคาเดิม ก็กินเวลาเกือบ 20 ปี คือถึงปี 2530 ราคาจึงคาดว่าจะคงเดิม ยิ่งสงครามยืดเยื้อออกไป ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็คงจะยิ่งเติบโตช้าออกไปเรื่อยๆ&nbsp; ดังนั้นห้วงเวลาของสงครามที่เราคาดหวัง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง</p>\n<p>&nbsp;</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; อย่างกรณีสงครามยูเครนหากสมมติว่าราคาโรงแรมแห่งหนึ่งก่อนเกิดสงครามมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยสมมติให้มีรายได้สุทธิ 80 ล้านบาทต่อปี ณ อัตราผลตอบแทนที่ 8% ในปี 2563 และกว่าสงครามจะสงบก็เป็นปี 2567 หรือเป็นเวลา 4 ปี รายได้สุทธิที่หายไป 80 ล้านบาทต่อปีเป็นเวลา 4 ปี ก็คงเป็นเงิน 265 ล้านบาท (80 ล้าน คูณด้วย =(1-1/((1+8%)^4))/8% แสดงว่ามูลค่าที่คงเหลืออยู่ ณ ปัจจุบันเป็นเงิน 735 ล้านบาท</p>\n<p>&nbsp;</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; แต่กรณีนี้ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาเช่นกัน บางทียังอาจต้องคิดลดอีก 15-20% (เข้าทำนอง “ตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต”) หากคิดจะลงทุนซื้อโรงแรมนี้ในภาวะสงครามที่ยังคุกรุ่น ทำให้มูลค่าอาจเหลือเพียง 588 - 625 ล้านบาท&nbsp; แต่ทั้งนี้หากสงครามกลับลุกลามออกไป มูลค่าที่เป็นไปได้ก็อาจลดลงไปได้อีก&nbsp; การนี้จึงชี้ให้เห็นว่าสงครามทำให้มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด</p>\n<p>&nbsp;</p>\n<p><span data-mce-mark=\"1\">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; สงครามจึงอาจไม่ใช่ความเสี่ยง แต่อาจเป็นความไม่แน่นอนที่พึงระวัง</span></p>\n<p><span data-mce-mark=\"1\"><img src=\"https://soponpornchokchai.files.wordpress.com/2022/10/65-754.jpg\" alt=\"\" /></span></p>\n<div id=\"bannerSpecial\">&nbsp;</div>\n<div class=\"clearfix\">&nbsp;</div>\n<div id=\"relationNews\">&nbsp;</div>\n<div class=\"clearfix\">&nbsp;</div>\n<div id=\"relation\">&nbsp;</div>\n<div class=\"clearfix\">&nbsp;</div>\n<p><br clear=\"all\" /></p>\n<p class=\"size14 wf_pressdetail\"><span data-mce-mark=\"1\">ผู้แถลง:</span><br />ดร.โสภณ พรโชคชัย (<a href=\"mailto:sopon@area.co.th\">sopon@area.co.th</a>) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (<a href=\"https://www.area.co.th/\" target=\"_blank\">www.area.co.th</a>): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน</p>\n</div>\n', created = 1716469212, expire = 1716555612, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:a92071b0ce00ff380ee13c8aa6eff115' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

สงครามกับอสังหาริมทรัพย์

รูปภาพของ pornchokchai
สงครามกับอสังหาริมทรัพย์
  AREA แถลง ฉบับที่ 754/2565: วันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2565

 

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส sopon@area.co.th https://www.facebook.com/dr.sopon4

            ช่วงนี้สงครามทำท่าจะไม่จางหายไปง่ายๆ และอาจปะทุอีกหลายที ที่ๆ มีสงครามก็อาจขยายตัวออกไปได้อีก แล้วทีนี้ (ราคา) อสังหาริมทรัพย์จะเป็นอย่างไร เรามาลองตรวจสอบดูก่อน

            สงครามที่เกิดขึ้นในยูเครนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ของยูเครนเป็นอย่างมาก ผู้คนเดินทางไปท่องเที่ยวไม่ได้ แม้แต่คนยูเครนเองยังออกนอกประเทศได้ลำบาก คือต้องเดินทางผ่านโปแลนด์หรืออีกบางประเทศ จึงจะขึ้นเครื่องบินได้ เพราะในยูเครนเอง ห้ามมีเครื่องบินผ่าน เพราะอยู่ในภาวะสงครามนั่นเอง  การมีสงคราม ยิ่งยืดเยื้อยาวนานก็ยิ่งแย่ได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในยูเครนก็คงตกต่ำลงไปเป็นอันมาก

 

            ในทางตรงกันข้ามรัสเซียที่เป็น “ผู้รุกราน” อาจจะดูมี “ภาษี” ดีกว่า เพราะรัสเซียผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาอย่างกล้าแกร่ง โดยเฉพาะการลงโทษแทรกแซงทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกต่อรัสเซีย ก็ไม่ทำให้รัสเซียตกต่ำมากนัก รัสเซียก็ยังเชิญชวนประชาคมโลกไปท่องเที่ยวและพักผ่อนในรัสเซียซึ่งมีทรัพยากรมากมายเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากจีนและอีกหลายประเทศในโลก  การปิดล้อมอาจไม่ได้ผลดังที่ประเทศตะวันตกคาดหวัง ดังนั้นในแง่หนึ่ง อสังหาริมทรัพย์ในรัสเซียอาจไมได้ตกต่ำลงไปกว่าที่คิดนัก

            ในประเทศที่เกิดสงคราม ก็ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำลงเป็นอย่างมากเช่นกัน เช่น ในประเทศกัมพูชา ช่วงที่เขมรแดงปกครองบ้านเมือง ประชาชนในเมืองได้ถูกเกณฑ์ออกไปใช้แรงงานในชนบท เจ้าของร้านค้าที่เป็นอาคารพาณิชย์รอบตลาดกลางเมือง (Central Market) ของกรุงพนมเปญก็แทบร้างไปหมด ตั้งแต่ช่วงสงครามกลางเมือง ช่วงเขมรแดง และช่วงสงครามกับเวียดนามรวมนับสิบปี สภาพบ้านเมืองก็เป็นดั่ง “บ้านแตกสาแหรกขาด” เมืองใหญ่ๆ ก็กลายเป็นเมืองร้างไป

            เมื่อสิ้นสุดยุคเขมรแดง ประชาชนก็ต่างทยอยเดินทางกลับเข้ามาในกรุงพนมเปญ  แต่หลายคนโดยเฉพาะผู้มีฐานะก็อาจย้ายออกนอกประเทศไปอยู่ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอื่นๆ โดยเฉพาะเหล่าผู้ที่มีฐานะดีที่ครองตึกรอบๆ ตลาดกลางดังกล่าวก็คงไม่กลับไปแล้ว  ชาวบ้านที่กลับเข้าเมือง ก็ต่างไปจับจองอยู่อาศัยในใจกลางเมืองซึ่งถือว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด  มีเรื่องเล่ากันว่าคนที่ไปก่อน ก็เข้าไปในตึกแถวรอบๆ ตลาดเหล่านั้น และจับจองที่ชั้น 3 บ้างก็ไปอยู่บนดาดฟ้าชั้น 4 แล้วก็กวักมือเรียกคนที่มาทีหลังให้มาอยู่ชั้น 2 บ้างหรือชั้นล่างบ้าง เพราะหากมีโจรมาปล้น คนที่อยู่ข้างล่างก็จะโดนก่อน

            อย่างไรก็ตามสถานการณ์ก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อบ้านเมืองสงบ คนที่อยู่ชั้นล่างกลับได้ประโยชน์มากกว่า เพราะสามารถค้าขายได้ ส่วนที่อยู่ด้านบน ก็คงได้แค่อยู่อาศัยเท่านั้น และก็มีบางรายที่พยายามที่จะซื้อคืนจากผู้ที่อยู่ต่างชั้นกัน เพื่อจะได้รวมเป็นเจ้าของเดียวกันในหนึ่งคูหาดังที่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน และทำเลตลาดกลางนี้ก็เป็น “ทำเลทอง” สำหรับการค้าในยุคสมัยหลังสงครามแล้ว

            ถ้าดูตามนี้ จะเห็นได้ว่า ราคาทรัพย์สิน เช่น ตึกแถวรอบตลาดกลาง สมมติมีราคาอยู่ที่ 1.5 แสนบาทในช่วงก่อนสงครามคือในปี 2510 (ช่วงนั้นตึกแถวๆ เยาวราชอาจมีราคาประมาณ 3 แสนบาท) พอมาถึงปี 2518 ราคาก็คงตกต่ำลงไปบ้าง และกว่าที่เขมรจะสงบลงในปี 2522 ที่ทหารกัมพูชาฝ่ายฮุนเซนที่ได้รับการหนุนหลังจากเวียดนามสามารถขับไล่เขมรแดงออกไปได้และตั้งสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชาขึ้น ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็คงแทบจะไม่มีก็ว่าได้ แต่หลังจากนั้น ราคาก็คงค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับ

 

            สำหรับการคำนวณเป็นดังนี้:

            1. การที่ราคาตึกแถวในกรุงพนมเปญเพิ่มขึ้นจาก 1.5 แสนบาทในปี 2510 เป็น 25 ล้านบาทในปี 2565 ถือว่าเพิ่มขึ้นปีละ 9.7% เช่นเดียวกับตึกแถวย่านเยาวราชที่ราคา 3.0 แสนบาทในปี 2510 เป็น 50 ล้านบาทในปี 2565

            2. แต่โดยที่ตึกแถวในใจกลางกรุงพนมเปญคาดว่าแทบไม่มีราคาในปี 2518 ที่เขมรแดงย้ายคนออกนอกเมือง และค่อยๆ มีคนกลับเข้ามาอยู่ในปี 2522 เมื่อเวียดนามยึดกรุงพนมเปญคืน ตอนนั้นก็ยังอยู่ในช่วงชุลมุน  อย่างไรก็ตามประมาณการว่าราคาตึกแถวเหล่านี้ค่อยเข้าที่เข้าทางในปี 2525 คือ 3 ปีหลังจากการควบคุมของรัฐบาลเขมรที่ควบคุมโดยเวียดนาม ประมาณการว่าราคาตึกแถวคงเป็นเงินเพียง 80,000 บาท หรือเท่ากับลดลงเหลือเพียง 53% ของราคาเดิมในปี 2510 เพราะภัยสงครามโดยแท้

            3. แต่หลังจากนั้น เชื่อว่าราคาตึกแถวก็คงขึ้นมาโดยตลอด โดยคาดว่า ณ ปี 2565 ราคาตึกแถวใจกลางตลาดกลางกรุงพนมเปญน่าจะเป็นเงิน 25 ล้านบาท หรือครึ่งหนึ่งของไทย หรือเพิ่มขึ้น 167 เท่า ก็แสดงว่าตลอดปี 2525-2565 ราคาตึกแถวในกรุงพนมเปญนี้ที่เพิ่มจาก 80,000 บาท เป็น 25 ล้านบาท เท่ากับราคาเพิ่มขึ้นถึง 15.4% ต่อปีเลยทีเดียว นี่เป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังภาวะสงคราม

            4. อย่างไรก็ตามหากไม่มีสงครามในช่วงปี 2518-2522 ราคาตึกแถวดังกล่าวน่าจะเพิ่มจาก 1.5 แสนบาทในปี 2510 เพิ่มมากขึ้นกว่านี้เป็นเงินสมมติประมาณ 35 ล้านบาทในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้น 233 เท่า (แทนที่จะเป็น 167 เท่า) เพราะตึกแถวย่านนี้ยังมีโอกาสเติบโตมาก แต่ตึกแถวย่านเยาวราชคงชะลอการเติบโตไปเพราะศูนย์กลางเมืองย้ายออกไปแล้ว ดังนั้นอัตราเพิ่มระหว่างปี 2510-2565 จึงควรเป็น 10.4% มากกว่าของไทยที่ 9.7%

            5. ตึกแถวในกรุงพนมเปญที่ 1.5 แสนบาทในปี 2510 กว่าจะกลับมาเป็นราคาเดิม ก็กินเวลาเกือบ 20 ปี คือถึงปี 2530 ราคาจึงคาดว่าจะคงเดิม ยิ่งสงครามยืดเยื้อออกไป ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็คงจะยิ่งเติบโตช้าออกไปเรื่อยๆ  ดังนั้นห้วงเวลาของสงครามที่เราคาดหวัง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง

 

            อย่างกรณีสงครามยูเครนหากสมมติว่าราคาโรงแรมแห่งหนึ่งก่อนเกิดสงครามมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยสมมติให้มีรายได้สุทธิ 80 ล้านบาทต่อปี ณ อัตราผลตอบแทนที่ 8% ในปี 2563 และกว่าสงครามจะสงบก็เป็นปี 2567 หรือเป็นเวลา 4 ปี รายได้สุทธิที่หายไป 80 ล้านบาทต่อปีเป็นเวลา 4 ปี ก็คงเป็นเงิน 265 ล้านบาท (80 ล้าน คูณด้วย =(1-1/((1+8%)^4))/8% แสดงว่ามูลค่าที่คงเหลืออยู่ ณ ปัจจุบันเป็นเงิน 735 ล้านบาท

 

            แต่กรณีนี้ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาเช่นกัน บางทียังอาจต้องคิดลดอีก 15-20% (เข้าทำนอง “ตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต”) หากคิดจะลงทุนซื้อโรงแรมนี้ในภาวะสงครามที่ยังคุกรุ่น ทำให้มูลค่าอาจเหลือเพียง 588 - 625 ล้านบาท  แต่ทั้งนี้หากสงครามกลับลุกลามออกไป มูลค่าที่เป็นไปได้ก็อาจลดลงไปได้อีก  การนี้จึงชี้ให้เห็นว่าสงครามทำให้มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด

 

            สงครามจึงอาจไม่ใช่ความเสี่ยง แต่อาจเป็นความไม่แน่นอนที่พึงระวัง

 
 
 
 
 
 


ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 388 คน กำลังออนไลน์