ช็อกโกแลตซีสต์...บุก!
![รูปภาพของ sss27310 รูปภาพของ sss27310](http://old.thaigoodview.com/files/profilepic/picture-7228.jpg)
ช็อกโกแลตซีสต์...คือโรคชนิดหนึ่ง
ความผิดปกติของมดลูกกับผู้หญิง เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยๆ ช็อกโกแลตซีสต์...เป็นอีกโรคหนึ่งที่สามารถพบได้ และอาจเป็นที่มาของอาการต่อไปนี้...
ช็อกโกแลตซีสต์ คืออะไร
ช็อกโกแลต ซีสต์ หมายถึง เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือไปเกาะและเจริญอยู่นอกบริเวณภายในโพรงมดลูก เมื่อไปเกาะแล้วก็โตต่อไปได้ เริ่มจากจุดสีดำเล็กๆ หลังจากนั้นจะมีขนาดใหญ่ขึ้นๆ รวมกันเป็นถุง ซึ่งข้างในเต็มไปด้วยเลือดค่ะ
กล้ามเนื้อมดลูกของผู้หญิงเรานั้นแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นในสุดประกอบด้วยเนื้อเยื่อบางๆ เรียกว่าเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามรอบประจำเดือน คือช่วงต้นของรอบประจำเดือน ในระหว่างที่มีการตกไข่ รังไข่จะมีการผลิตไข่รวมทั้งผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งจะมากระตุ้นทำให้เยื่อบุหนาตัวขึ้น
หลัง จากไข่ตกแล้ว คอปัสลูเตียมที่รังไข่จะผลิตโปรเจสเตอโรนมากระตุ้นให้เยื่อบุที่หนาตัวนี้ มีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น ดังนั้นหากไม่มีการตั้งครรภ์เยื่อบุเหล่านี้ก็จะลอกออกมาเป็นประจำเดือน ซึ่งไม่ได้มีสีสดเหมือนเลือดที่ไหลออกมาเวลาเป็นแผล เนื่องจากเลือดประจำเดือนเป็นเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ลอกออกมานั่นเอง ค่ะ
http://www.momypedia.com/elctfl/rlga/imgstk/img4_682.jpg
สาเหตุ...ช็อกโกแลตซีสต์
เมื่อ เยื่อบุลอกออกมาเป็นประจำเดือนก็จะไหลอยู่ในโพรงมดลูก โดยมดลูกจะบีบตัวให้ประจำเดือนไหลลงข้างล่างผ่านทางช่องคลอดออกมานอกร่างกาย แต่บางครั้งก็ไม่ได้เป็นไปตามปกติเช่นนั้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดช็อกโกแลตซีสต์ โดยเชื่อว่ามี 4 สาเหตุคือ
1. เกิดจากการไหลย้อนกลับของเยื่อบุโพรงมดลูก คือบางจังหวะที่มดลูกบีบตัวแทนที่ประจำเดือนจะไหลลงข้างล่างอย่างเดียวก็ไหล ย้อนกลับออกทางปลายท่อนำไข่ และไปเกาะตามบริเวณต่างๆ ของช่องท้อง รวมทั้งยังอาจไปเกาะที่ผนังมดลูก ปีกมดลูก รังไข่ ผนังลำไส้ หรืออาจไปเกาะที่กระเพาะปัสสาวะก็ได้ค่ะ
2. เกิดจากการไหลไปตามเส้นเลือดหรือหลอดน้ำเหลือง บางครั้งพบว่ามีเยื่อบุโพรงมดลูกไปเกาะอยู่ตามชายปอดซึ่งอยู่ไกลจากมดลูกมาก จึงเชื่อว่าอาจจะไหลไปตามเส้นเลือด แต่สาเหตุนี้มีคนเชื่อถือน้อยเพราะพบไม่บ่อยหรอกค่ะ
3. เกิด่จากความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ โดยเชื่อว่าเกิดจากการเจริญเติบโตของเยื่อบุที่เกิดความผิดปกติขึ้นเอง เช่น เนื้อเยื่อที่จะแยกไปเป็นผิวหนังหรือส่วนต่างๆ โตผิดตำแหน่ง เป็นต้น
4. เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
อาการที่เกิดจากช็อกโกแลตซีสต์
มีบุตรยาก เมื่อเยื่อบุนี้ไปเกาะอยู่บนรังไข่ ทำให้รังไข่มีพื้นที่ในการผลิตไข่และสร้างฮอร์โมนน้อยลง เพราะถูกแทนที่ด้วยช็อกโกแลตซีสต์เต็มไปหมด ไข่ที่ผลิตได้ก็มีคุณภาพไม่ค่อยดี มีพังผืดเกิดขึ้น ส่งผลให้ท่อนำไข่เกิดการคดงอ ไข่กับอสุจิที่ผสมกันแล้วจึงผ่านมาฝังตัวไม่สะดวก
ปวดท้องเวลามีประจำเดือน เมื่อมีเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับและหยดลงไปในช่องท้องจะรู้สึกปวด บางครั้งอาจปวดรุนแรง คนที่ปวดประจำเดือนอาจมีช็อกโกแลตซีสต์ซ่อนอยู่ก็เป็นได้ค่ะ มากบ้างน้อยบ้าง ปวดตรงไหนก็อาจแสดงว่าเยื่อบุไปเกาะอยู่ตรงนั้น
อาการ ปวดยังเกิดจากการที่มีพังผืดมาเกาะรั้ง ทำให้มดลูกเคลื่อนไหวไม่สะดวกและปวดได้ บางเดือนพังผืดมาเกาะมากก็ปวดมาก บางเดือนตัวเราเคลื่อนไหวไม่มากก็อาจจะไม่ปวดก็ได้ค่ะ
มีก้อนที่มดลูกหรือรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกนี้นอกจากจะไหลกระจายไป บางครั้งอาจแทรกซึมเข้าไปอยู่ระหว่างกล้ามเนื้อมดลูก หรือมีลักษณะเป็นก้อนบริเวณรังไข่ ซึ่งภายในบรรจุด้วยเลือดสีคล้ำๆ คล้ายช็อกโกแลตก็เป็นได้ค่ะ
รู้ได้อย่างไร ใช่ ช็อกโกแลตซีสต์
หากสงสัยหรือมีอาการ 1 ใน 3 ข้อข้างต้น ก็ควรไปพบแพทย์ค่ะ เพราะจะไม่มีอาการอย่างอื่นให้สังเกตได้มากไปกว่านี้เลย การตรวจทำได้หลายวิธีคือ
ตรวจภายใน เพื่อดูว่ามดลูกใหญ่ไหม มีก้อนที่บริเวณมดลูกและรังไข่หรือไม่ ซึ่งหากมีก้อนกว่าจะคลำเจอจากมือก็ต้องใหญ่ประมาณ 2-3 ซม. ขึ้นไป
อัลตราซาวนด์ หากมีก้อนเล็กๆ ตั้งแต่ 5 มม. ขึ้นไปก็สามารถตรวจพบได้จากการทำอัลตราซาวนด์ เพียงแต่ไม่สามารถวินิจฉัยพังผืดได้
ส่องกล้อง เป็นการวินิจฉัยที่แน่นอนที่สุด โดยแพทย์จะส่องกล้องโดยเปิดแผลเล็กๆ ใต้สะดือ แล้วสอดกล้องขนาดประมาณ 5 มม. - 1 ซม. ลงไป ซึ่งสามารถเห็นภาพว่ามดลูก ปีกมดลูก และรังไข่อยู่ตรงไหน มีความผิดปกติ หรือช็อกโกแลตซีสต์เกาะอยู่หรือไม่
นอกจากนี้มีการตรวจโดยวิธีอื่น เช่น การเอกซเรย์ ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งจะเห็นผลไม่ค่อยแน่นอนและค่อนข้างยุ่งยาก
เป็นแล้วรักษาได้
ช็อกโกแลต ซีสต์สามารถรักษาได้ โดยคุณหมอจะเริ่มจากการซักประวัติว่าเริ่มปวดประจำเดือนมานานแค่ไหน เมื่ออายุมากขึ้นแล้วอาการปวดรุนแรงขึ้นหรือไม่ แต่งงานแล้วและไม่ได้คุมกำเนิดมีบุตรยากหรือไม่ หากคุณหมอซักประวัติแล้วพบว่าคนไข้มีอาการเหล่านี้ ก็อาจจะวินิจฉัยและรักษาโดย
http://www.momypedia.com/elctfl/rlga/imgstk/img4_50546.jpg
1. ให้กินยาแก้ปวด หากมีอาการปวดประจำเดือน แล้วกินพาราเซตามอลเม็ดเดียวแล้วหายปวดก็ไม่ต้องทำอะไร แต่หากต้องใช้ยาแก้ปวดระดับที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องรักษาในลำดับต่อไป
2. ให้ยาคุมกำเนิด ทั้งชนิดกินและฉีด
ยาคุมกำเนิดชนิดกิน มีทั้งชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน กับชนิดที่มีโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว เมื่อกินยาคุมกำเนิดจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนน้อยลง เพราะได้รับฮอร์โมนจากยาแล้วทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวไม่มาก ประจำเดือนจึงมีปริมาณน้อยและอาการปวดก็จะดีขึ้นค่ะ
ยาคุมกำเนิดชนิดฉีด จะทำให้ไม่มีประจำเดือน เนื่องจากไข่ไม่ตก เยื่อบุโพรงมดลูกจะบางตลอด รวมทั้งไปทำให้ช็อกโกแลตซีสต์ฝ่อลงด้วย เมื่อไม่มีประจำเดือนก็จะไม่มีอาการปวดค่ะ
3. ให้ GnRH ซึ่งเป็นฮอร์โมนจากสมอง ทั้งนี้เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสร้างจากรังไข่ภายใต้การควบคุมของสมองค่ะ ฮอร์โมน GnRH จะ ไปกดการทำงานของสมองทำให้ลดการสร้างฮอร์โมนลง ซึ่งเมื่อฉีดฮอร์โมนนี้แล้วจะหายปวดเป็นปลิดทิ้ง และโรคก็จะฝ่อลงด้วยค่ะ แต่มีข้อจำกัดคือราคาสูงมาก เข็มหนึ่งราคาเป็นหมื่นบาท
4. ให้ฮอร์โมนเพศชาย วิธีนี้จะใช้ฮอร์โมนเพศชายต้านฤทธิ์ฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งข้อเสียคือถ้าใช้มากๆ จะมีลักษณะของเพศชายปรากฏออกมา เช่น มีขนขึ้น เพราะฉะนั้นหากเลือกรักษาวิธีนี้ก็ต้องยอมรับผลข้างเคียงนี้ด้วยค่ะ
5. ผ่าตัด การผ่าตัดแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
ผ่าเฉพาะส่วนที่เป็น เหตุผลของการผ่าตัดแบบนี้คือ ต้องการเก็บรังไข่ ท่อนำไข่ ส่วนที่ดีไว้ ส่วนใหญ่ผู้ที่เลือกการผ่าตัดแบบนี้ คือคนที่ยังต้องการตั้งครรภ์
ผ่าตัดทั้งหมด วิธีนี้หายเป็นปลิดทิ้งแน่นอน เพราะคุณหมอจะตัดมดลูกปีกมดลูกและรังไข่ออกทั้งหมดเลย จึงเป็นการกำจัดวงจรการเกิดใหม่ของโรคนี้ และรักษาอาการปวดได้โดยเด็ดขาด
ใครคือกลุ่มเสี่ยง
วัยที่พบได้มากที่สุดคือ 15-45 ปี ซึ่งเป็นวัยที่มีประจำเดือนนั่นเอง คนหลังวัยหมดประจำเดือนจะพบโรคนี้ไม่เกิน 5% และช็อกโกแลตซีสต์ยังเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากที่พบในฝ่ายหญิงถึง 30%
เมื่อแม่ท้องเป็นช็อกโกแลตซีสต์ !
สำหรับแม่ท้องสบายใจได้เลยเพราะอาการของช็อกโกแลตซีสต์จะดีขึ้น เนื่องจากตลอดการตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูง ซึ่งจะไปกดให้ช็อกโกแลตซีสต์ฝ่อและหายไปในระหว่างตั้งครรภ์
ถึงแม้ช็อกโกแลตซีสต์จะเป็นโรคที่ไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็สามารถสร้างความทรมานให้กับผู้หญิง ตั้งแต่วัยสาวไปจนกระทั่งถึงวัยหมดประจำเดือน ดังนั้นการตรวจภายในทุกๆ ปี จึงเป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนไม่ควรละเลย เพราะเป็นสิ่งเดียวที่จะป้องกันและแก้ไขโรคนี้ได้ค่ะ
แหล่งที่มา
http://www.momypedia.com/knowledge/pregnancy/detail.aspx?no=12354
ตรวจแล้ว ผ่านแล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
อืมดีนะ อย่าลืมตรวจสอบว่าถูกต้องหรือป่าว
1. ข้อความ ห้ามกำหนดฟอนต์ ห้าม copy มาโดยตรง ต้อง copy ลง Notepad ก่อน
2. รูปภาพต้อง Upload ไว้ใน thaigooview.com และบอกที่มาของภาพไว้ใต้ภาพด้วย
3. ข้อมูลเอามาจากที่ใดต้องอ้างอิงนะจ้ะ มิฉะนั้นจะ
ถ้าเขียนเองไม่ต้องจ้า
-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
อ่านแล้วดีมากเลย ดิฉันอายุ26ปีแต่งงานมา3ปีแล้วคะ แฟนอยากมีลูกคะ ดิฉันก็อยากมี แต่ตอนนี้เป็นซีสต์มีขนาด5cm. คุณหมอให้ยาคุมมาทานดู3เดือน ถ้าฝ่อก็ดีไม่ต้องผ่าตัด แต่ถ้าไม่ฝ่อก็ต้องฝ่าตัดทิ้งไปทั้งถุงน้ำและรังไข่เลยหรือเปล่าคะ ถ้าเป็นอย่างนั้น จะมีลูกได้ไหม กลัวจัง แถมมดลูกยังแห้งมากเลยคะ ไม่มีน้ำหล่อลื่นเลย ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันคะ เครียดมากคะ