ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่2009
![รูปภาพของ sss28363 รูปภาพของ sss28363](http://old.thaigoodview.com/files/profilepic/picture-7490.jpg)
ที่มาhttp://www.thaigoodview.com/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/blank.htm
27 เม.ย. ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศต่างพากันรายงานว่าที่กรุงเม็กซิโก ซิตี เมืองหลวงของประเทศเม็กซิโก ได้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ คือ ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ H1N1 หรือที่เรียกว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังระบาดหนัก จนทำให้ขณะนี้มีติดเชื้อกว่า7,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 70 รายแล้วทั่วโลก
โดยองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้เพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นที่ตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือการติดเชื้อข้ามประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้องค์การอนามัยยังประกาศให้เรียกชื่อโรคนี้อย่างเป็นทางการว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดA H1N1 แทนการเรียกว่า ไข้หวัดหมู
เช่นเดียวกับที่ก่อนหน้านี้สหรัฐ เรียกไข้หวัดสายพันธุ์ดังกล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009 H1N1 เพื่อแก้ความเข้าใจผิดที่ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้เกิดจากหมู
ที่มาhttp://www.thaigoodview.com/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/blank.htm
รู้จักกับไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ของโลก
ดร.แนนซี่ ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยไข้หวัดใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ กล่าวว่า ไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ชนิด A H1N1 นี้ มีลักษณะพันธุกรรมหรือยีน ที่ประกอบด้วยเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน ได้แก่ เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ และ เชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย
โดยสันนิษฐานเบื้องต้นว่า เชื้อไข้หวัดพันธุ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ Antigenetic Shift โดยมีหมูที่เป็นพาหะนำโรค โดยการถูกเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และไข้หวัดใหญ่ เข้าไปอยู่ในตัว ต่อมาเซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปโจมตี ทำให้หน่วยพันธุกรรมไวรัสดังกล่าวผสมปนเปกันระหว่างการแบ่งตัว กลายเป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ขึ้นมา
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า นายเอเดรียน กิบส์ ผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยพัฒนายาต้านไวรัส ทามิฟลู ของบริษัทโรช และเป็นผู้ศึกษาวิวัฒนาการของเชื้อโรคมาเป็นเวลานานถึง 40 ปี เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์รายแรกๆที่วิเคราะห์ส่วนประกอบทางด้านพันธุกรรมเปิดเผยว่า เขาตั้งใจที่จะตีพิมพ์รายงานที่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ จากไข่ที่นักวิทยาศาสตร์ใช้เพาะไวรัสและบริษัทยาได้นำไปใช้เพื่อผลิตวัคซีนก็เป็นได้
โดยนายกิบส์กล่าวว่า การชี้เบาะแสของต้นตอไวรัสอาจจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทำความเข้าใจไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของการแพร่เชื้อและสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลกอยู่ในระหว่างการพิจารณารายงานฉบับนี้
![](/files/u7490/2.jpg)
อาการ
หมูไม่เกี่ยว
น.พ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดใหม่นี้ว่า แม้จะมีเชื้อตั้งต้นมาจากหมู แต่ระยะแพร่ระบาดคือ ติดต่อจากคนสู่คน ดังนั้นการบริโภคผลิตภัณฑ์จากหมูไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับ “ไข้หวัดนก” ที่เคยแพร่ระบาดในอดีต ซึ่งเป็นเชื้อที่ติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนได้นั้น จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ มีอัตราเสียชีวิตร้อยละ 5-7 ซึ่งถือว่ายังน้อยกว่าอัตราของผู้เสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก
ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ไอ คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามร่างกายรุนแรง ท้องร่วง และปวดศีรษะรุนแรง อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน ทั้งนี้อาจจะพบว่าผู้ที่รับเชื้อจะแสดงอาการไม่รุนแรง
ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพแข็งแรงและอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาหายได้ด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย ทั้งนี้หากเป็นผู้สูงอายุหรือเด็กจะมีความเสี่ยงมากกว่า
ส่วนในกรณีที่มีอาการรุนแรง เกิดจากมีการอักเสบที่ปอด จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
การติดต่อ
การแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน คือ
1. แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน โดยที่เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย
2. ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัสร่างกาย เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา
การป้องกัน
1.ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันเวลาจาม
2.หมั่นล้างมือ
3.หากมีอาการ ไข้อย่างรุนแรง และไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด
4. หลีกเลี่ยงชุมชนแอดอัด และงดเดินทางไปในประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
5. รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
การรักษา ในเอกสารเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดชนิดนี้ ที่กงสุลใหญ่ ในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐ
แสดงข้อมูลที่ระบุว่า สามารถใช้ยาชนิดเดียวกับยาไข้หวัดใหญ่ทั่วไปในการรักษาไข้หวัดชนิดเอ
H1N1 ได้ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) หรือ ทามิฟลู (Tamiflu) และยา zanamivir ซึ่งเป็นยาชนิดพ่น แต่ทั้งนี้ยาดังกล่าว ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้
ทั้งนี้มีรายงานระบุว่าในสหรัฐอเมริกา ผลการตรวจเชื้อไวรัสชนิดนี้พบว่าเชื้อดังกล่าวดื้อยาต้านไวรัส amantadine และ rimantadine
อย่างไรก็ตาม WHO ออกมายอมรับว่า ยาทามิฟลูที่มีอยู่ในขณะนี้อาจไม่เพียงพอต่อการับมือกับการแพร่ระบาดที่อาจเพิ่มมากขึ้น
สถานการณ์แพร่ระบาด
องค์การอนามัยโลก ได้เพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นที่ตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือการติดเชื้อข้ามประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยการเพิ่มระดับเตือนภัยในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิตที่รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นนอกประเทศเม็กซิโก
ทั้งนี้ภายหลังองค์การอนามัยโลกกำลังจับตามองสถานการณ์การแพร่ระบาดในยุโรปและเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะที่อังกฤษ สเปน และญี่ปุ่น ที่การแพร่ของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยในขณะนี้ (18 พ.ค.) มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อกว่า 8,500 ราย ใน 36 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 73 ราย ใน 4 ประเทศได้แก่ เม็กซิโก สหรัฐ แคนาดา และคอสตา ริก้า
โดยนายเคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า หาก WHO จะเพิ่มระดับการเตือนภัยของโรคระบาดจาก ระดับ 5 เป็น 6 จะพิจารณาสถานการณ์ในญี่ปุ่นที่ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อกำลังพุ่งสูงขึ้นกว่า 121 คนด้วย
สถานการณ์ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย
ซึ่ง วันที่1 พ.ค. 52 นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่าที่ประชุมศูนย์บัญชาการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ให้สรุปใช้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ 2009H1N1 และมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อให้ง่ายแก่การสื่อสารและสร้างความเข้าใจแก่สาธารณะ
มาตรการเฝ้าระวัง
สธ.ใช้มาตรการแซนด์วิช คือมาตรการเฝ้าระวังโรคในกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนที่ด่านตรวจโรคประจำสนามบิน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ได้เพิ่มกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำการจากวันละ 60 คน เป็นวันละเกือบ 100 คน ตลอด 24 ชั่วโมง และให้มีระบบการเชื่อมโยงส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยในรายที่มีไข้และเดินทางกลับจากต่างประเทศให้พื้นที่ต่างๆ ได้ติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตามด่านพรมแดนต่างๆ และการค้นหาผู้ป่วยในหมู่บ้านชุมชน และที่โรงพยาบาล คลินิก โรงพยาบาลเอกชน อย่างเข้มแข็ง เพื่อค้นหาผู้ป่วยให้พบอย่างรวดเร็ว ให้การดูแลรักษาและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อให้อยู่ในวงจำกัด
ยาต้านไวรัส
กระทรวงสาธารณะสุขได้มอบหมายให้องค์การเภสชักรรม(อภ.) เจรจากับบริษัทยาในประเทศอินเดียซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบการการผลิตยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ให้ยังคงราคาเดิมเป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากขณะนี้เกิดการระบาดทำให้หลายประเทศสั่งซื้อจำนวนมาก จนราคาวัตถุดิบปรับสูงขึ้น มาตรการด้านสำรองนั้น
เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไวต่อยาโอเซลทามิเวียร์และยาซานามิเวียร์ เพราะยาทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มเดียวกันที่ยับยั้งไม่ให้ไวรัสแตกตัว โดยผู้ป่วยที่ติดเชื้อต้องรับยาติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน วันละ 2 ครั้ง และต้องรับยาภายใน 48 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ จึงจะได้ผลเต็มประสิทธิภาพ เพียงแต่ยาโอเซลทามิเวียร์เป็นยากินชนิดเม็ด ส่วนยาซานามิเวียร์เป็นยาพ่น
การดื้อยา
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี อาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคติดเชื้อและอายุรศาสตร์เขตร้อน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า พบว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ เอช 1 เอ็น 1 มีการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ทั่วโลกแล้ว
โดยในประเทศไทยพบว่ามีการดื้อยาประมาณ 1-2 ล้านคน แต่ยังไม่สามารถระบุตัวเลขได้แน่ชัด เพราะยังไม่มีการศึกษารายละเอียดอย่างจริงจัง
สอดคล้องกับข้อมูลนางจิรนันท์ วราชิต เดอ ซิลวา นักวิจัยศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สธ.ที่ระบุว่า ได้ร่วมมือกับซีดีซี ทำการเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาและการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่พ.ศ.2551 พบว่า ในปีนี้พบการดื้อยาประมาณร้อยละ 90 เช่นกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงว่าการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่ติดเชื้อเอช 1 เอ็น 1 ด้วยยาโอเซลทามิเวียร์ไม่ได้ผลดีอีกต่อไป ส่วนเชื้อจะดื้อยาซานามิเวียร์หรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้
สธ.ออกประกาศฉบับ 5 แนะประชาชนรับมือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่
กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศคำแนะนำประชาชน ”เรื่องการดูแลสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด A H1N1 ฉบับที่ 5” หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จำนวน 2 ราย เมื่อวันที่12 พฤษภาคม 2552 ซึ่งติดเชื้อมาจากประเทศเม็กซิโก รักษาหายเป็นปกติ ไม่มีเชื้อในร่างกายแล้ว
โดยมีคำแนะแยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มแรกคือ ในกลุ่มประชาชนทั่วไป ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรค สร้างสุขนิสัยในการป้องกันโรค เน้นกินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ และใช้หน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอ สำหรับผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัด ควรรีบไปพบแพทย์ หากพบผู้ใกล้ชิดมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่มเดินทางกลับมาจากต่างประเทศภายใน 7 วัน
กลุ่มที่สองคือ โรงเรียนและสถานศึกษา ควรสำรวจนักเรียนเป็นประจำทุกวัน สังเกตนักเรียน สอนและให้คำแนะนำวิธีรักษาสุขภาพและป้องกันโรคแก่นักเรียน
และกลุ่มสุดท้ายคือ อาสาสมัครสาธารณสุข สังเกตประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนที่รับผิดชอบ และรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เผยแพร่ความรู้และให้คำแนะนำตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้หากประชาชนต้องการข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th และหากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 02 -590-3333 และที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลข 02-590-1994ตลอด 24 ชั่วโมง
ศิริราชถอดรหัสพันธุกรรมไวรัส ได้
โรงพยาบาลศิริราช แถลงผลสำเร็จการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ครั้งแรกของไทย ซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยโรคที่เร็วขึ้นและนำไปสู่การพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัสสายพันธุ์ H1N1 ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในอนาคต
ทั้งนี้เป็นความสำเร็จจากการตรวจและศึกษาการระบาดของไข้หวัดใหญ่มานานกว่า 30 ปี ซึ่งการตรวจหาเชื้อ H1N1 นั้นโรงพยาบาลศิริราชสามารถตรวจหาได้ภายใน 24 ชั่วโมงและสามารถวิเคราะห์ลำดับนิวคลิโอไทด์เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของเชื้อได้ภายใน 3 วัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการวิจัยดังกล่าว จะสามรถต่อยอดไปถึงขั้นการผลิตวัคซีนป้องกันได้ แต่คงไม่ทันต่อผลิตวัคซีน เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดสายพันธุ์ที่กำลังทีระบาดอยู่ขณะนี้
รพ.รามาพัฒนาชุดตวจเชื้อ all-in-one
วันที่ 15 พ.ค. โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยผลสำเร็จ ในการพัฒนา “ชุดตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่”แบบออล-อิน-วัน ซึ่งสามารถตรวจเชื้อไข้หวัดทุกสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในปัจจุบันได้พร้อมกันในครั้งเดียว โดยรู้ผลภายใน 4 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไข้หวัดนก(เอช5เอ็น1) ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (เอช1เอ็น1) รวมถึงเชื้อไวรัสที่ดื้อยา
ที่มา http://www.chaoprayanews.com
ตรวจแล้ว ผ่านครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
อืมดีนะ อย่าลืมตรวจสอบว่าถูกต้องหรือป่าว
1. น่าจะมีภาพประกอบด้วยนะ
2. รูปภาพต้อง Upload ไว้ใน thaigooview.com และบอกที่มาของภาพไว้ใต้ภาพด้วย
3. ข้อมูลเอามาจากที่ใดต้องอ้างอิงนะจ้ะ มิฉะนั้นจะ
ถ้าเขียนเองไม่ต้องจ้า
-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน
เจอคนหน้าตาไม่ดีอีกเเละ
เเต่เนื้อหาก็ดีอ่า
~*$@_@$>อดีตล่วงเลยผ่านมา..บางเวลาเราก็หลงลืมมันไปเสียแล้ว..<$@_@$*~
ว้าวววว ๆ น่าสนใจ ๆ
55++