• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:8f05c7fc960593931448a6f0fbb38f4b' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<img border=\"0\" width=\"300\" src=\"/files/u7490/5.jpg\" height=\"180\" /> \n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #99cc00\"><strong>ที่มาhttp://www.thaigoodview.com/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/blank.htm</strong></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">27 เม.ย. ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศต่างพากันรายงานว่าที่กรุงเม็กซิโก ซิตี เมืองหลวงของประเทศเม็กซิโก ได้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ คือ ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ H1N1 หรือที่เรียกว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังระบาดหนัก จนทำให้ขณะนี้มีติดเชื้อกว่า7,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 70 รายแล้วทั่วโลก <br />\n        โดยองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้เพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นที่ตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือการติดเชื้อข้ามประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">        นอกจากนี้องค์การอนามัยยังประกาศให้เรียกชื่อโรคนี้อย่างเป็นทางการว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดA H1N1 แทนการเรียกว่า ไข้หวัดหมู </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">        เช่นเดียวกับที่ก่อนหน้านี้สหรัฐ เรียกไข้หวัดสายพันธุ์ดังกล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009 H1N1 เพื่อแก้ความเข้าใจผิดที่ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้เกิดจากหมู </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">  <img border=\"0\" width=\"300\" src=\"/files/u7490/6.jpg\" height=\"180\" /></span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #993300\">ที่มาhttp://www.thaigoodview.com/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/blank.htm</span></strong>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">รู้จักกับไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ของโลก </span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #993300\">         ดร.แนนซี่ ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยไข้หวัดใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ กล่าวว่า ไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ชนิด A H1N1 นี้ มีลักษณะพันธุกรรมหรือยีน ที่ประกอบด้วยเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน ได้แก่ เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ และ เชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย </span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #993300\">          โดยสันนิษฐานเบื้องต้นว่า เชื้อไข้หวัดพันธุ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ Antigenetic Shift โดยมีหมูที่เป็นพาหะนำโรค โดยการถูกเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และไข้หวัดใหญ่ เข้าไปอยู่ในตัว ต่อมาเซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปโจมตี ทำให้หน่วยพันธุกรรมไวรัสดังกล่าวผสมปนเปกันระหว่างการแบ่งตัว กลายเป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ขึ้นมา </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">           ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า นายเอเดรียน กิบส์ ผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยพัฒนายาต้านไวรัส ทามิฟลู ของบริษัทโรช และเป็นผู้ศึกษาวิวัฒนาการของเชื้อโรคมาเป็นเวลานานถึง 40 ปี เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์รายแรกๆที่วิเคราะห์ส่วนประกอบทางด้านพันธุกรรมเปิดเผยว่า เขาตั้งใจที่จะตีพิมพ์รายงานที่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ จากไข่ที่นักวิทยาศาสตร์ใช้เพาะไวรัสและบริษัทยาได้นำไปใช้เพื่อผลิตวัคซีนก็เป็นได้ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">          โดยนายกิบส์กล่าวว่า การชี้เบาะแสของต้นตอไวรัสอาจจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทำความเข้าใจไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของการแพร่เชื้อและสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลกอยู่ในระหว่างการพิจารณารายงานฉบับนี้ </span>\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"220\" src=\"/files/u7490/2.jpg\" height=\"168\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<strong><span style=\"color: #99cc00\">ที่มา </span></strong><a href=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/blank.htm\"><strong><span style=\"color: #99cc00\">http://www.thaigoodview.com/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/blank.htm</span></strong></a>\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p><strong><span style=\"color: #00ccff\">อาการ </span></strong><strong><span style=\"color: #00ccff\"></span></strong></p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">หมูไม่เกี่ยว </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">          น.พ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดใหม่นี้ว่า  แม้จะมีเชื้อตั้งต้นมาจากหมู แต่ระยะแพร่ระบาดคือ ติดต่อจากคนสู่คน ดังนั้นการบริโภคผลิตภัณฑ์จากหมูไม่มีอันตรายแต่อย่างใด </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">          ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับ “ไข้หวัดนก” ที่เคยแพร่ระบาดในอดีต ซึ่งเป็นเชื้อที่ติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนได้นั้น จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ มีอัตราเสียชีวิตร้อยละ 5-7 ซึ่งถือว่ายังน้อยกว่าอัตราของผู้เสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก </span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p></p>\n<p>\n          <span style=\"color: #993300\">ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ไอ คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามร่างกายรุนแรง ท้องร่วง และปวดศีรษะรุนแรง อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน ทั้งนี้อาจจะพบว่าผู้ที่รับเชื้อจะแสดงอาการไม่รุนแรง </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">          ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพแข็งแรงและอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาหายได้ด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย ทั้งนี้หากเป็นผู้สูงอายุหรือเด็กจะมีความเสี่ยงมากกว่า </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">ส่วนในกรณีที่มีอาการรุนแรง เกิดจากมีการอักเสบที่ปอด จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ </span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<strong><span style=\"color: #00ccff\">การติดต่อ</span></strong>\n</p>\n<p>\n    <span style=\"color: #993300\">การแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน คือ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">1. แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน โดยที่เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย            </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">2. ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัสร่างกาย เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา </span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<strong><span style=\"color: #00ccff\">การป้องกัน </span></strong>\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #993300\">1.ใช้</span><span style=\"color: #993300\">ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันเวลาจาม </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">2.หมั่นล้างมือ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">3.หากมีอาการ ไข้อย่างรุนแรง และไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">4. หลีกเลี่ยงชุมชนแอดอัด และงดเดินทางไปในประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">5. รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ </span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #00ccff\">การรักษา</span> </strong> <span style=\"color: #993300\">ในเอกสารเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดชนิดนี้ ที่กงสุลใหญ่ ในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\"> แสดงข้อมูลที่ระบุว่า สามารถใช้ยาชนิดเดียวกับยาไข้หวัดใหญ่ทั่วไปในการรักษาไข้หวัดชนิดเอ </span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #993300\"> H1N1 ได้ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) หรือ ทามิฟลู (Tamiflu) และยา zanamivir ซึ่งเป็นยาชนิดพ่น แต่ทั้งนี้ยาดังกล่าว ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้ </span>\n</p>\n<p>\n<br />\n        <span style=\"color: #993300\">  ทั้งนี้มีรายงานระบุว่าในสหรัฐอเมริกา ผลการตรวจเชื้อไวรัสชนิดนี้พบว่าเชื้อดังกล่าวดื้อยาต้านไวรัส amantadine และ rimantadine </span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #993300\">          อย่างไรก็ตาม WHO ออกมายอมรับว่า ยาทามิฟลูที่มีอยู่ในขณะนี้อาจไม่เพียงพอต่อการับมือกับการแพร่ระบาดที่อาจเพิ่มมากขึ้น </span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #00ccff\">สถานการณ์แพร่ระบาด</span></strong>\n</p>\n<p>\n<br />\n          <span style=\"color: #993300\">องค์การอนามัยโลก ได้เพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นที่ตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือการติดเชื้อข้ามประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยการเพิ่มระดับเตือนภัยในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิตที่รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นนอกประเทศเม็กซิโก </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">ทั้งนี้ภายหลังองค์การอนามัยโลกกำลังจับตามองสถานการณ์การแพร่ระบาดในยุโรปและเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะที่อังกฤษ สเปน และญี่ปุ่น ที่การแพร่ของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว  โดยในขณะนี้ (18 พ.ค.) มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อกว่า 8,500 ราย ใน 36 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 73 ราย ใน 4 ประเทศได้แก่ เม็กซิโก สหรัฐ แคนาดา และคอสตา ริก้า </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">โดยนายเคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า หาก WHO จะเพิ่มระดับการเตือนภัยของโรคระบาดจาก ระดับ 5 เป็น 6 จะพิจารณาสถานการณ์ในญี่ปุ่นที่ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อกำลังพุ่งสูงขึ้นกว่า 121 คนด้วย </span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #00ccff\">สถานการณ์ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย</span></strong>\n</p>\n<p>\n          <span style=\"color: #993300\">ซึ่ง วันที่1 พ.ค. 52 นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่าที่ประชุมศูนย์บัญชาการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ให้สรุปใช้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ 2009H1N1 และมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009  เพื่อให้ง่ายแก่การสื่อสารและสร้างความเข้าใจแก่สาธารณะ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">          </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ccff\"><strong>มาตรการเฝ้าระวัง</strong></span>\n</p>\n<p>\n         <span style=\"color: #993300\"> สธ.ใช้มาตรการแซนด์วิช คือมาตรการเฝ้าระวังโรคในกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนที่ด่านตรวจโรคประจำสนามบิน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ได้เพิ่มกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำการจากวันละ 60 คน เป็นวันละเกือบ 100 คน ตลอด 24 ชั่วโมง และให้มีระบบการเชื่อมโยงส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยในรายที่มีไข้และเดินทางกลับจากต่างประเทศให้พื้นที่ต่างๆ ได้ติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตามด่านพรมแดนต่างๆ และการค้นหาผู้ป่วยในหมู่บ้านชุมชน และที่โรงพยาบาล คลินิก โรงพยาบาลเอกชน อย่างเข้มแข็ง เพื่อค้นหาผู้ป่วยให้พบอย่างรวดเร็ว ให้การดูแลรักษาและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อให้อยู่ในวงจำกัด </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ccff\"><strong>ยาต้านไวรัส</strong></span>\n</p>\n<p>\n          <span style=\"color: #993300\">กระทรวงสาธารณะสุขได้มอบหมายให้องค์การเภสชักรรม(อภ.) เจรจากับบริษัทยาในประเทศอินเดียซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบการการผลิตยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ให้ยังคงราคาเดิมเป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากขณะนี้เกิดการระบาดทำให้หลายประเทศสั่งซื้อจำนวนมาก จนราคาวัตถุดิบปรับสูงขึ้น มาตรการด้านสำรองนั้น </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">          เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไวต่อยาโอเซลทามิเวียร์และยาซานามิเวียร์ เพราะยาทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มเดียวกันที่ยับยั้งไม่ให้ไวรัสแตกตัว โดยผู้ป่วยที่ติดเชื้อต้องรับยาติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน วันละ 2 ครั้ง และต้องรับยาภายใน 48 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ จึงจะได้ผลเต็มประสิทธิภาพ เพียงแต่ยาโอเซลทามิเวียร์เป็นยากินชนิดเม็ด ส่วนยาซานามิเวียร์เป็นยาพ่น </span>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #00ccff\">การดื้อยา</span></strong><br />\n          <span style=\"color: #993300\">อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี อาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคติดเชื้อและอายุรศาสตร์เขตร้อน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า พบว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ เอช 1 เอ็น 1 มีการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ทั่วโลกแล้ว </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">          โดยในประเทศไทยพบว่ามีการดื้อยาประมาณ 1-2 ล้านคน แต่ยังไม่สามารถระบุตัวเลขได้แน่ชัด เพราะยังไม่มีการศึกษารายละเอียดอย่างจริงจัง<br />\nสอดคล้องกับข้อมูลนางจิรนันท์ วราชิต เดอ ซิลวา นักวิจัยศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สธ.ที่ระบุว่า ได้ร่วมมือกับซีดีซี ทำการเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาและการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่พ.ศ.2551 พบว่า ในปีนี้พบการดื้อยาประมาณร้อยละ 90 เช่นกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงว่าการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่ติดเชื้อเอช 1 เอ็น 1 ด้วยยาโอเซลทามิเวียร์ไม่ได้ผลดีอีกต่อไป ส่วนเชื้อจะดื้อยาซานามิเวียร์หรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ccff\"><strong>สธ.ออกประกาศฉบับ 5 แนะประชาชนรับมือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่</strong></span>\n</p>\n<p>\n         <span style=\"color: #993300\"> กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศคำแนะนำประชาชน  ”เรื่องการดูแลสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด A H1N1  ฉบับที่ 5” หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จำนวน 2 ราย เมื่อวันที่12 พฤษภาคม 2552  ซึ่งติดเชื้อมาจากประเทศเม็กซิโก รักษาหายเป็นปกติ ไม่มีเชื้อในร่างกายแล้ว </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #00ccff\"><strong>โดยมีคำแนะแยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้</strong></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">กลุ่มแรกคือ ในกลุ่มประชาชนทั่วไป ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรค สร้างสุขนิสัยในการป้องกันโรค เน้นกินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ และใช้หน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอ สำหรับผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ  หากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัด ควรรีบไปพบแพทย์ หากพบผู้ใกล้ชิดมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่มเดินทางกลับมาจากต่างประเทศภายใน 7 วัน </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">กลุ่มที่สองคือ โรงเรียนและสถานศึกษา ควรสำรวจนักเรียนเป็นประจำทุกวัน สังเกตนักเรียน  สอนและให้คำแนะนำวิธีรักษาสุขภาพและป้องกันโรคแก่นักเรียน  </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">และกลุ่มสุดท้ายคือ อาสาสมัครสาธารณสุข สังเกตประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนที่รับผิดชอบ  และรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่  เผยแพร่ความรู้และให้คำแนะนำตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">            ทั้งนี้หากประชาชนต้องการข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข </span><a href=\"http://www.moph.go.th/\"><span style=\"color: #993300\">www.moph.go.th</span></a><span style=\"color: #993300\"> และหากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค  หมายเลขโทรศัพท์ 02 -590-3333  และที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลข 02-590-1994ตลอด 24 ชั่วโมง </span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #993300\">ศิริราชถอดรหัสพันธุกรรมไวรัส ได้ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">          โรงพยาบาลศิริราช แถลงผลสำเร็จการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ครั้งแรกของไทย ซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยโรคที่เร็วขึ้นและนำไปสู่การพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัสสายพันธุ์ H1N1 ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในอนาคต </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">          ทั้งนี้เป็นความสำเร็จจากการตรวจและศึกษาการระบาดของไข้หวัดใหญ่มานานกว่า 30 ปี ซึ่งการตรวจหาเชื้อ H1N1 นั้นโรงพยาบาลศิริราชสามารถตรวจหาได้ภายใน 24 ชั่วโมงและสามารถวิเคราะห์ลำดับนิวคลิโอไทด์เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของเชื้อได้ภายใน 3 วัน </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการวิจัยดังกล่าว จะสามรถต่อยอดไปถึงขั้นการผลิตวัคซีนป้องกันได้ แต่คงไม่ทันต่อผลิตวัคซีน เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดสายพันธุ์ที่กำลังทีระบาดอยู่ขณะนี้ </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">รพ.รามาพัฒนาชุดตวจเชื้อ all-in-one </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #993300\">         วันที่ 15 พ.ค. โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยผลสำเร็จ ในการพัฒนา “ชุดตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่”แบบออล-อิน-วัน ซึ่งสามารถตรวจเชื้อไข้หวัดทุกสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในปัจจุบันได้พร้อมกันในครั้งเดียว โดยรู้ผลภายใน 4 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไข้หวัดนก(เอช5เอ็น1) ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (เอช1เอ็น1) รวมถึงเชื้อไวรัสที่ดื้อยา </span>\n</p>\n<p align=\"right\">\n<br />\n                                                                                  <strong>      <span style=\"color: #99cc00\">  ที่มา  </span></strong><a href=\"http://www.chaoprayanews.com/\"><span style=\"color: #99cc00\"><strong>http://www.chaoprayanews.com</strong></span></a>\n</p>\n', created = 1719554425, expire = 1719640825, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:8f05c7fc960593931448a6f0fbb38f4b' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:b4b1685063f4dcec9961cf540e4e4852' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<span style=\"color: #ff00ff\">เจอคนหน้าตาไม่ดีอีกเเละ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff00ff\">เเต่เนื้อหาก็ดีอ่า<img border=\"0\" src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-cool.gif\" alt=\"Cool\" title=\"Cool\" /></span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1719554425, expire = 1719640825, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:b4b1685063f4dcec9961cf540e4e4852' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:75d0cb154a33450c57a6ecd9c4db719b' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n~*$@_@$&gt;อดีตล่วงเลยผ่านมา..บางเวลาเราก็หลงลืมมันไปเสียแล้ว..&lt;$@_@$*~\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\nว้าวววว ๆ น่าสนใจ ๆ\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n55++\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1719554425, expire = 1719640825, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:75d0cb154a33450c57a6ecd9c4db719b' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่2009

รูปภาพของ sss28363

 

ที่มาhttp://www.thaigoodview.com/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/blank.htm

27 เม.ย. ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศต่างพากันรายงานว่าที่กรุงเม็กซิโก ซิตี เมืองหลวงของประเทศเม็กซิโก ได้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ คือ ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ H1N1 หรือที่เรียกว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังระบาดหนัก จนทำให้ขณะนี้มีติดเชื้อกว่า7,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 70 รายแล้วทั่วโลก
        โดยองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้เพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นที่ตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือการติดเชื้อข้ามประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา

        นอกจากนี้องค์การอนามัยยังประกาศให้เรียกชื่อโรคนี้อย่างเป็นทางการว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดA H1N1 แทนการเรียกว่า ไข้หวัดหมู

        เช่นเดียวกับที่ก่อนหน้านี้สหรัฐ เรียกไข้หวัดสายพันธุ์ดังกล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่ 2009 H1N1 เพื่อแก้ความเข้าใจผิดที่ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้เกิดจากหมู

 

ที่มาhttp://www.thaigoodview.com/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/blank.htm

รู้จักกับไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ของโลก


         ดร.แนนซี่ ค็อกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยไข้หวัดใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ กล่าวว่า ไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ชนิด A H1N1 นี้ มีลักษณะพันธุกรรมหรือยีน ที่ประกอบด้วยเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์รวมอยู่ด้วยกัน ได้แก่ เชื้อไข้หวัดใหญ่ในมนุษย์ เชื้อไข้หวัดนกที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ และ เชื้อไข้หวัดหมูที่พบบ่อยในทวีปยุโรปและเอเชีย


          โดยสันนิษฐานเบื้องต้นว่า เชื้อไข้หวัดพันธุ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม หรือ Antigenetic Shift โดยมีหมูที่เป็นพาหะนำโรค โดยการถูกเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู และไข้หวัดใหญ่ เข้าไปอยู่ในตัว ต่อมาเซลล์ในตัวหมูถูกไวรัสตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปโจมตี ทำให้หน่วยพันธุกรรมไวรัสดังกล่าวผสมปนเปกันระหว่างการแบ่งตัว กลายเป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ขึ้นมา

           ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า นายเอเดรียน กิบส์ ผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยพัฒนายาต้านไวรัส ทามิฟลู ของบริษัทโรช และเป็นผู้ศึกษาวิวัฒนาการของเชื้อโรคมาเป็นเวลานานถึง 40 ปี เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์รายแรกๆที่วิเคราะห์ส่วนประกอบทางด้านพันธุกรรมเปิดเผยว่า เขาตั้งใจที่จะตีพิมพ์รายงานที่มีข้อมูลบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ จากไข่ที่นักวิทยาศาสตร์ใช้เพาะไวรัสและบริษัทยาได้นำไปใช้เพื่อผลิตวัคซีนก็เป็นได้

          โดยนายกิบส์กล่าวว่า การชี้เบาะแสของต้นตอไวรัสอาจจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทำความเข้าใจไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของการแพร่เชื้อและสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ซึ่งขณะนี้องค์การอนามัยโลกอยู่ในระหว่างการพิจารณารายงานฉบับนี้

 

อาการ

หมูไม่เกี่ยว

          น.พ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดใหม่นี้ว่า  แม้จะมีเชื้อตั้งต้นมาจากหมู แต่ระยะแพร่ระบาดคือ ติดต่อจากคนสู่คน ดังนั้นการบริโภคผลิตภัณฑ์จากหมูไม่มีอันตรายแต่อย่างใด

          ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับ “ไข้หวัดนก” ที่เคยแพร่ระบาดในอดีต ซึ่งเป็นเชื้อที่ติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนได้นั้น จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ผู้ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ มีอัตราเสียชีวิตร้อยละ 5-7 ซึ่งถือว่ายังน้อยกว่าอัตราของผู้เสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก

 

          ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ คือ มีไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ไอ คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามร่างกายรุนแรง ท้องร่วง และปวดศีรษะรุนแรง อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน ทั้งนี้อาจจะพบว่าผู้ที่รับเชื้อจะแสดงอาการไม่รุนแรง

          ในกรณีที่ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพแข็งแรงและอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาหายได้ด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย ทั้งนี้หากเป็นผู้สูงอายุหรือเด็กจะมีความเสี่ยงมากกว่า

ส่วนในกรณีที่มีอาการรุนแรง เกิดจากมีการอักเสบที่ปอด จนถึงขั้นเสียชีวิตได้


การติดต่อ

    การแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน คือ

1. แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน โดยที่เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย           

2. ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัสร่างกาย เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา


การป้องกัน


1.ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันเวลาจาม

2.หมั่นล้างมือ

3.หากมีอาการ ไข้อย่างรุนแรง และไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด

4. หลีกเลี่ยงชุมชนแอดอัด และงดเดินทางไปในประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ

5. รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ

การรักษา  ในเอกสารเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดชนิดนี้ ที่กงสุลใหญ่ ในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐ

 แสดงข้อมูลที่ระบุว่า สามารถใช้ยาชนิดเดียวกับยาไข้หวัดใหญ่ทั่วไปในการรักษาไข้หวัดชนิดเอ


 H1N1 ได้ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) หรือ ทามิฟลู (Tamiflu) และยา zanamivir ซึ่งเป็นยาชนิดพ่น แต่ทั้งนี้ยาดังกล่าว ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้


          ทั้งนี้มีรายงานระบุว่าในสหรัฐอเมริกา ผลการตรวจเชื้อไวรัสชนิดนี้พบว่าเชื้อดังกล่าวดื้อยาต้านไวรัส amantadine และ rimantadine


          อย่างไรก็ตาม WHO ออกมายอมรับว่า ยาทามิฟลูที่มีอยู่ในขณะนี้อาจไม่เพียงพอต่อการับมือกับการแพร่ระบาดที่อาจเพิ่มมากขึ้น

สถานการณ์แพร่ระบาด


          องค์การอนามัยโลก ได้เพิ่มระดับเตือนภัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นที่ตรวจพบว่ามีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในอย่างน้อย 2 ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือการติดเชื้อข้ามประเทศ เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยการเพิ่มระดับเตือนภัยในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิตที่รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นนอกประเทศเม็กซิโก

ทั้งนี้ภายหลังองค์การอนามัยโลกกำลังจับตามองสถานการณ์การแพร่ระบาดในยุโรปและเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะที่อังกฤษ สเปน และญี่ปุ่น ที่การแพร่ของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว  โดยในขณะนี้ (18 พ.ค.) มีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อกว่า 8,500 ราย ใน 36 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 73 ราย ใน 4 ประเทศได้แก่ เม็กซิโก สหรัฐ แคนาดา และคอสตา ริก้า

โดยนายเคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า หาก WHO จะเพิ่มระดับการเตือนภัยของโรคระบาดจาก ระดับ 5 เป็น 6 จะพิจารณาสถานการณ์ในญี่ปุ่นที่ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อกำลังพุ่งสูงขึ้นกว่า 121 คนด้วย

สถานการณ์ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย

          ซึ่ง วันที่1 พ.ค. 52 นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่าที่ประชุมศูนย์บัญชาการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ให้สรุปใช้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ 2009H1N1 และมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009  เพื่อให้ง่ายแก่การสื่อสารและสร้างความเข้าใจแก่สาธารณะ

         

มาตรการเฝ้าระวัง

          สธ.ใช้มาตรการแซนด์วิช คือมาตรการเฝ้าระวังโรคในกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนที่ด่านตรวจโรคประจำสนามบิน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ได้เพิ่มกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำการจากวันละ 60 คน เป็นวันละเกือบ 100 คน ตลอด 24 ชั่วโมง และให้มีระบบการเชื่อมโยงส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยในรายที่มีไข้และเดินทางกลับจากต่างประเทศให้พื้นที่ต่างๆ ได้ติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตามด่านพรมแดนต่างๆ และการค้นหาผู้ป่วยในหมู่บ้านชุมชน และที่โรงพยาบาล คลินิก โรงพยาบาลเอกชน อย่างเข้มแข็ง เพื่อค้นหาผู้ป่วยให้พบอย่างรวดเร็ว ให้การดูแลรักษาและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อให้อยู่ในวงจำกัด

ยาต้านไวรัส

          กระทรวงสาธารณะสุขได้มอบหมายให้องค์การเภสชักรรม(อภ.) เจรจากับบริษัทยาในประเทศอินเดียซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบการการผลิตยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ให้ยังคงราคาเดิมเป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากขณะนี้เกิดการระบาดทำให้หลายประเทศสั่งซื้อจำนวนมาก จนราคาวัตถุดิบปรับสูงขึ้น มาตรการด้านสำรองนั้น

          เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไวต่อยาโอเซลทามิเวียร์และยาซานามิเวียร์ เพราะยาทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มเดียวกันที่ยับยั้งไม่ให้ไวรัสแตกตัว โดยผู้ป่วยที่ติดเชื้อต้องรับยาติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน วันละ 2 ครั้ง และต้องรับยาภายใน 48 ชั่วโมง เมื่อมีอาการ จึงจะได้ผลเต็มประสิทธิภาพ เพียงแต่ยาโอเซลทามิเวียร์เป็นยากินชนิดเม็ด ส่วนยาซานามิเวียร์เป็นยาพ่น

การดื้อยา
          อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี อาจารย์ประจำสาขาวิชาโรคติดเชื้อและอายุรศาสตร์เขตร้อน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า พบว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ เอช 1 เอ็น 1 มีการดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ทั่วโลกแล้ว

          โดยในประเทศไทยพบว่ามีการดื้อยาประมาณ 1-2 ล้านคน แต่ยังไม่สามารถระบุตัวเลขได้แน่ชัด เพราะยังไม่มีการศึกษารายละเอียดอย่างจริงจัง
สอดคล้องกับข้อมูลนางจิรนันท์ วราชิต เดอ ซิลวา นักวิจัยศูนย์ไข้หวัดใหญ่แห่งชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สธ.ที่ระบุว่า ได้ร่วมมือกับซีดีซี ทำการเฝ้าระวังเชื้อดื้อยาและการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่พ.ศ.2551 พบว่า ในปีนี้พบการดื้อยาประมาณร้อยละ 90 เช่นกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงว่าการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่ติดเชื้อเอช 1 เอ็น 1 ด้วยยาโอเซลทามิเวียร์ไม่ได้ผลดีอีกต่อไป ส่วนเชื้อจะดื้อยาซานามิเวียร์หรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้

สธ.ออกประกาศฉบับ 5 แนะประชาชนรับมือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่

          กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศคำแนะนำประชาชน  ”เรื่องการดูแลสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิด A H1N1  ฉบับที่ 5” หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จำนวน 2 ราย เมื่อวันที่12 พฤษภาคม 2552  ซึ่งติดเชื้อมาจากประเทศเม็กซิโก รักษาหายเป็นปกติ ไม่มีเชื้อในร่างกายแล้ว

โดยมีคำแนะแยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มแรกคือ ในกลุ่มประชาชนทั่วไป ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรค สร้างสุขนิสัยในการป้องกันโรค เน้นกินของร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ และใช้หน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอ สำหรับผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ  หากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัด ควรรีบไปพบแพทย์ หากพบผู้ใกล้ชิดมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่มเดินทางกลับมาจากต่างประเทศภายใน 7 วัน

กลุ่มที่สองคือ โรงเรียนและสถานศึกษา ควรสำรวจนักเรียนเป็นประจำทุกวัน สังเกตนักเรียน  สอนและให้คำแนะนำวิธีรักษาสุขภาพและป้องกันโรคแก่นักเรียน 

และกลุ่มสุดท้ายคือ อาสาสมัครสาธารณสุข สังเกตประชาชนในหมู่บ้าน หรือชุมชนที่รับผิดชอบ  และรายงานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่  เผยแพร่ความรู้และให้คำแนะนำตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข

            ทั้งนี้หากประชาชนต้องการข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th และหากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค  หมายเลขโทรศัพท์ 02 -590-3333  และที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลข 02-590-1994ตลอด 24 ชั่วโมง


ศิริราชถอดรหัสพันธุกรรมไวรัส ได้

          โรงพยาบาลศิริราช แถลงผลสำเร็จการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ครั้งแรกของไทย ซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยโรคที่เร็วขึ้นและนำไปสู่การพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัสสายพันธุ์ H1N1 ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในอนาคต

          ทั้งนี้เป็นความสำเร็จจากการตรวจและศึกษาการระบาดของไข้หวัดใหญ่มานานกว่า 30 ปี ซึ่งการตรวจหาเชื้อ H1N1 นั้นโรงพยาบาลศิริราชสามารถตรวจหาได้ภายใน 24 ชั่วโมงและสามารถวิเคราะห์ลำดับนิวคลิโอไทด์เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของเชื้อได้ภายใน 3 วัน

          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการวิจัยดังกล่าว จะสามรถต่อยอดไปถึงขั้นการผลิตวัคซีนป้องกันได้ แต่คงไม่ทันต่อผลิตวัคซีน เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดสายพันธุ์ที่กำลังทีระบาดอยู่ขณะนี้

รพ.รามาพัฒนาชุดตวจเชื้อ all-in-one

         วันที่ 15 พ.ค. โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยผลสำเร็จ ในการพัฒนา “ชุดตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่”แบบออล-อิน-วัน ซึ่งสามารถตรวจเชื้อไข้หวัดทุกสายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในปัจจุบันได้พร้อมกันในครั้งเดียว โดยรู้ผลภายใน 4 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไข้หวัดนก(เอช5เอ็น1) ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (เอช1เอ็น1) รวมถึงเชื้อไวรัสที่ดื้อยา


                                                                                          ที่มา  http://www.chaoprayanews.com

รูปภาพของ ssspoonsak

ตรวจแล้ว ผ่านครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน

รูปภาพของ ssspoonsak

อืมดีนะ อย่าลืมตรวจสอบว่าถูกต้องหรือป่าว
1. น่าจะมีภาพประกอบด้วยนะ
2. รูปภาพต้อง Upload ไว้ใน thaigooview.com และบอกที่มาของภาพไว้ใต้ภาพด้วย
3. ข้อมูลเอามาจากที่ใดต้องอ้างอิงนะจ้ะ มิฉะนั้นจะ

ถ้าเขียนเองไม่ต้องจ้า

-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน

รูปภาพของ sss27375

เจอคนหน้าตาไม่ดีอีกเเละ

เเต่เนื้อหาก็ดีอ่าCool

 

รูปภาพของ sss27395

~*$@_@$>อดีตล่วงเลยผ่านมา..บางเวลาเราก็หลงลืมมันไปเสียแล้ว..<$@_@$*~

 

 

ว้าวววว ๆ น่าสนใจ ๆ

 

 

55++

 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 226 คน กำลังออนไลน์