• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:e14bc8dcd7ed25f2a6701d68cbd7beb6' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><H2 style=\"TEXT-ALIGN: center\"><SPAN style=\"COLOR: #ff6600\">หลากหลายกลายเป็นหนึ่ง</span></h2><br />\n<H3><SPAN style=\"COLOR: #ff6600\"></span>&nbsp;</h3><br />\n<H3><SPAN style=\"COLOR: #ff6600\"><IMG style=\"MARGIN-LEFT: auto; DISPLAY: block; MARGIN-RIGHT: auto\" alt=\"\" src=\"http://supawangreen.com/hereandnow/wp-content/uploads/2014/05/Screen-Shot-2557-05-05-at-11.03.51-AM.png\" width=500 height=220 /></span></h3><br />\n<H3><SPAN style=\"COLOR: #ff6600\"></span>&nbsp;</h3><br />\n<H3><SPAN style=\"COLOR: #ff6600\">หลากหลายกลายเป็นหนึ่ง การที่เราจะอยู่ในสังคมได้อย่างสันติสุขนั้นต้องเริ่มจากที่ครอบครัว เพราะสถาบันครอบครัว เป็นปัจจัยหลักที่สอนให้เรารู้จักสังคมเป็นที่แรก สอนให้เรารู้จักการเข้าสังคมเพราะฉะนั้น ครอบครัวต้องอบรบสั่งสอนให้เรารู้จักการปฎิบัติตัวให้เข้ากับสังคม การอยู่ร่วมกันในสังคม การรู้จักช่วยเหลือคนที่อยู่ร่วมกันในสังคมได้ สถาบันครอบครัวจะสอนให้เราเป็นที่แรก ให้ความรัก ให้ความอบอุ่น เพราะฉันนั้นตั้งแต่เด็กๆ เด็กจะโตขึ้นมายังไงขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของครอบครัว ถ้าเรารู้จักการปฎิบัติตัวตามที่พ่อกับแม่บอก เราก็จะอยู่รอดในสังคมได้ และอยู่อย่างสันติและเป็นสุขมากขึ้นด้วย สถานบันต่อมาที่ช่วยให้เรารู้จักการเข้าสังคมหรืออยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ นั้นคือ สถานบันการศึกษา ที่โรงเรียนคอยสอนให้เรารู้จักการใช้ชีวิต รู้จักการเข้าสังคม สอนเราตั้งแต่เข้าอนุบาลจนโตมาตลอด สถาบันการศึกษาอยู่กับเราพอๆกับสถาบันครอบครัว เพราะฉันนั้นจะทำให้เราเข้ากับสังคมได้และอยู่ร่วมกับคนในสังคมอย่างเป็นสุขและสันติได้ ต้องรู้จักการเอื้อเฟื้อ เพราะถ้าไม่รู้จักการเอื้อเฟื้อ คนในสังคมก็ไม่มีทางเอื้อเฟื้อกับเราได้ เพราะฉันนั้นเราต้องรู้จักการเป็นผู้ให้ มากกว่าแต่ผู้รับอย่างเดียว และจะทำให้เราเข้ากับคนอื้นได้ง่ายมากขึ้น และเข้ากับคนในสังคมได้ง่ายมากขึ้น ต่อมาคือการอยู่แบบไม่เดือดร้อนใคร พอให้อภัยได้เมื่อคนอื้นทำผิดไป การเป็นคนที่ให้อภัยคนอื้นได้ง่ายๆนั้น ถือเป็นผลดีกับเราทีเดียว รู้จักคำว่า\"ไม่เป็นไร\" พูดจนติดเป็นนิสัย ก็จะทำให้คนอื้นรักเรามากขึ้น และทำให้คนอื้นมองเราในแง่ดีมากขึ้น และผลตอบแทนการจากที่เราทำแบบนี้ ก็อาจจะทำให้คนอื้นมีความสุข ไม่มีทะเลาะกันในสังคมเมื่อเราเป็นคนรู้จักให้อภัยได้ง่าย อย่างต่อมาที่จะทำให้เราอยู่อย่างมีความสุขนั้นคือ การพูดคำว่า\"ขอโทษ\" ถ้าเรารู้จักคำว่าขอโทษเมื่อเราทำผิดไป ไม่ว่าเรื่องจะเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน เราต้องรู้จักขอโทษ ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ ถ้าเราทำเมื่อผิด คนอื้นก็จะมองเราว่าเราเป็นคนถ่อมตัว เราก็จะสามารถอยู่อย่างมีความสุขได้ ถ้าเรารู้จักคำว่า ขอโทษเมื่อเราผิด ให้อภัยเมื่อเขาผิด อย่างต่อมา คือการมีน้ำใจ ถ้าเรารู้จักการมีน้ำใจ การหยิบยื่นความมีน้ำใจของตัวเองให้กับคนในสังคม และไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก คนในสังคมก็จะรักเรามากขึ้น การวางตัวที่ดีก็เป็นปัจจัยที่สำคัญกับเรามาก การมีน้ำใจจะช่วยสร้างบุคลิกกับเรา สร้างความดีของเรา อย่างต่อมาคือ การมีระเบียบวินัย ถ้าเรารู้จักมีระเบียบวินัยของตัวเอง มันจะสร้างระเบียบวินัยเข้ามาในตัว ทำให้เป็นประจำ แล้วเราจะไม่เดือดร้อน ไม่มีใครมาว่าเราได้ และยังสอนให้เรามีระเบียบวินัยอยู่ในตัว และเป็นอีกวิธีที่ทำให้เราอยู่กับคนในสังคมได้อย่างมีความสุข อย่างต่อมาคือ ความซื่อสัตย์ ถ้าเรามีความตรงต่อความคิด หรือตรงต่อเวลา มันจะสร้างความเป็นระเบียบและความซื่อสัตย์กับเรามากขึ้น ถ้าเราไม่รู้จักความซื่อสัตย์ ก็อาจจะอยู่ในสังคมได้ แต่คงได้ไม่นานและเราเองที่ไม่มีความสุข เพราะเมื่อเราไม่ซื่อสัตย์ เราเองที่จะเดือดร้อนและเป็นทุกข์อยู่ในใจ อย่างต่อมาคือ รู้จักมีความรับผิดชอบ เมื่อเรารู้จักการมีวินัย เราก็ต้องมีความรับผิดชอบเช่นกัน เพราะสองอย่างนี้มาควบคู่กันเสมอ เมื่อเรามีความรับผิดชอบ เมื่อเรามีงาน เราก็สามารถแก้มันได้ ทำมันได้ทัน แม่เมื่อเราไม่มีความรับผิดชอบ ผลกระทบของมันคือ มีผลต่อคนรอบข้าง คนรอบข้างอาจจะไม่ชอบ และอาจจะอยู่กับคนรอบข้างได้ยังยากลำบาก เพราะฉะนั้นเราต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเอง และ ผู้อื้น มันจะทำให้เราอยู่กับคนรอบข้างและคนในสังคมได้ง่ายมากขึ้น ปรับตัวได้เร็วมากขึ้น อย่างต่อมาคือ รู้จักการวางตัว ถ้าเราอยู่ในสงัคมแล้วเป็นคนวางตัวยาก และเข้ากับคนในสังคมได้ยาก มันก็จะทำให้เรามีปัญหากับคนรอบข้างได้เสมอ ทางแก้คือการที่เราต้องวางตัวให้ดี รู้จักกาลเทศะ รู้จักการถ่อมตัวเมื่อต้องอยู่ในสังคมที่เราไม่รู้จัก ถ้าเราเข้ากับคนได้ง่าย ต่อให้เราไปอยู่ที่ไหน ก็จะไม่มีใครรังเกียจเราได้ และอยู่อย่างมีความสุขได้ และสิ่งที่สำคัญต่อมาคือ การรู้จักพูดเมื่อต้องพูด รู้จักเงียบเมื่อต้องเงียบ ถ้าเรารู้จัการพูด เราก็จะสามารถอยู่กับคนรอบข้างได้ไม่ยาก แต่ถ้าเราพูดจาเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ หรือพูดแบบไม่คิด ผลเสียของมันคือ การที่คนมองเราในแง่ลบ เมื่อไปเจอสังคมที่เราไม่คุ้นเคย เราก็จะอยู่กับคนอื้นได้ยาก เพราะคำพูดคำจาของเราไม่สามารถเข้ากับคนอื้นได้ง่าย เพราะฉะนั้นจะพูดอะไร เราต้องใช้สมองกลั่นกรองออกมาแล้วค่อยพูด จะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น และทำให้คนสังคมไม่รังเกียจเรา ต่างคนก็ต่างไม่เดือดร้อน อย่างต่อมาคือ การรู้จักควบคุมอารมณ์เป็นที่ตั้ง ถ้าเราไม่รู้จักการระงับอารมณ์ตัวเองได้ ผลเสียจะตามมาแบบไม่ทันคิด 1.ทำให้เรามีเรื่องทะเลาะวิวาท 2.มีคนรังเกียจ 3.อยู่ในสังคมได้ยาก 4.สังคมไม่ยอมรับ ผลเสียของการไม่รู้จักระงับอารมณ์นั้นมีมากกว่าที่คิด แต่ถ้าเราระงับอารมณ์ได้ ผลดีของมันมีมากๆพอกับผลเสีย อาจจะไม่มากเท่ากับผลเสีย แต่ผลดีมันก็ดีกว่าผลเสีย เพราะฉะนั้นจะอยู่ในสังคมได้ ต้องรู้จักการควบคุมณ์อารมณ์ตัวเองไว้เสมอ อย่างต่อมาคือ การช่วยเหลือคนในสังคม เมื่อคนรอบข้างต้องการความช่วยเหลือ เราก็ต้องรู้จักการให้ความช่วยเหลือ เราถึงจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ ถ้าเราไม่ช่วยเหลือใครก่อนเลย ก็ไม่มีใครทีี่จะช่วยเราได้เมื่อเราประสบปัญหา อย่างต่้อมาคือ ร่วมกิจกรรมกับคนในสังคม เมื่อเรามีโอกาศ ลองทำกิจกรรมยางว่างกับคนที่อยู่ในสังคมบ้าง จะทำให้เราและคนรอบข้างมีความสุขมากกว่าการอยู่ในสังคมก้มหน้ามากกว่าก็ได้ ลองทำกิจกรรมดูบ้าง ถ้าเรามีทุกอย่างที่กล่าวมา ชีวิตในสังคมของเราจะอยู่ได้อย่างมีความสุขและไม่เป็นทุกข์ เพราะสิ่งที่กล่าวมา ไม่ใช่ว่าเราทำไม่ได้ แต่เราทำได้ อยู่ที่ว่าเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราทำเป็นประจำและเกิดผลเสียกับเราได้มากไหม เพราะฉะนั้นลองพยายามทำในสิ่งที่ดี ที่เป็นผลประโยชน์กับเรามากกว่าที่เราจะทำในสิ่งที่เสียประโยชน์และเรายังเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น ปัญหาในสังคมก็จะไม่เกิด ถ้าเรารู้จักการปฎิบัติตัวได้อย่างนี้ สังคมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกาลเวลาจะทำให้เราปรับตัวเข้าได้ง่าย และยังทำให้เราไม่เดือดร้อน สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด จะมีประโยชน์มากกับตัวเราและคนอื้นถ้าอ่านแล้วปฎิบัติตามที่กล่าวมาจะทำให้เรารู้จักหน้าที่ตัวเอง รู้จักหน้าที่ในสังคม รู้จักการมีชีวิตในสังคม รู้จักการใช้ชีวิตในสังคม และจะไม่เป็นเรื่องยาก ถ้าเราทำทั้งหมดนี้ เราก็จะใช้ชีวิตร่วมกับคนอื้นในสังคมได้อย่างสันติและมีความสุข... </span></h3><br />\n</p><P><SPAN style=\"COLOR: #ff6600\"></span>&nbsp;</p><br />\n<P><SPAN style=\"COLOR: #ff6600\"></span>&nbsp;</p>\n', created = 1728177085, expire = 1728263485, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:e14bc8dcd7ed25f2a6701d68cbd7beb6' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

หลากหลายกลายเป็นหนึ่ง

หลากหลายกลายเป็นหนึ่ง


 



 


หลากหลายกลายเป็นหนึ่ง การที่เราจะอยู่ในสังคมได้อย่างสันติสุขนั้นต้องเริ่มจากที่ครอบครัว เพราะสถาบันครอบครัว เป็นปัจจัยหลักที่สอนให้เรารู้จักสังคมเป็นที่แรก สอนให้เรารู้จักการเข้าสังคมเพราะฉะนั้น ครอบครัวต้องอบรบสั่งสอนให้เรารู้จักการปฎิบัติตัวให้เข้ากับสังคม การอยู่ร่วมกันในสังคม การรู้จักช่วยเหลือคนที่อยู่ร่วมกันในสังคมได้ สถาบันครอบครัวจะสอนให้เราเป็นที่แรก ให้ความรัก ให้ความอบอุ่น เพราะฉันนั้นตั้งแต่เด็กๆ เด็กจะโตขึ้นมายังไงขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของครอบครัว ถ้าเรารู้จักการปฎิบัติตัวตามที่พ่อกับแม่บอก เราก็จะอยู่รอดในสังคมได้ และอยู่อย่างสันติและเป็นสุขมากขึ้นด้วย สถานบันต่อมาที่ช่วยให้เรารู้จักการเข้าสังคมหรืออยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ นั้นคือ สถานบันการศึกษา ที่โรงเรียนคอยสอนให้เรารู้จักการใช้ชีวิต รู้จักการเข้าสังคม สอนเราตั้งแต่เข้าอนุบาลจนโตมาตลอด สถาบันการศึกษาอยู่กับเราพอๆกับสถาบันครอบครัว เพราะฉันนั้นจะทำให้เราเข้ากับสังคมได้และอยู่ร่วมกับคนในสังคมอย่างเป็นสุขและสันติได้ ต้องรู้จักการเอื้อเฟื้อ เพราะถ้าไม่รู้จักการเอื้อเฟื้อ คนในสังคมก็ไม่มีทางเอื้อเฟื้อกับเราได้ เพราะฉันนั้นเราต้องรู้จักการเป็นผู้ให้ มากกว่าแต่ผู้รับอย่างเดียว และจะทำให้เราเข้ากับคนอื้นได้ง่ายมากขึ้น และเข้ากับคนในสังคมได้ง่ายมากขึ้น ต่อมาคือการอยู่แบบไม่เดือดร้อนใคร พอให้อภัยได้เมื่อคนอื้นทำผิดไป การเป็นคนที่ให้อภัยคนอื้นได้ง่ายๆนั้น ถือเป็นผลดีกับเราทีเดียว รู้จักคำว่า"ไม่เป็นไร" พูดจนติดเป็นนิสัย ก็จะทำให้คนอื้นรักเรามากขึ้น และทำให้คนอื้นมองเราในแง่ดีมากขึ้น และผลตอบแทนการจากที่เราทำแบบนี้ ก็อาจจะทำให้คนอื้นมีความสุข ไม่มีทะเลาะกันในสังคมเมื่อเราเป็นคนรู้จักให้อภัยได้ง่าย อย่างต่อมาที่จะทำให้เราอยู่อย่างมีความสุขนั้นคือ การพูดคำว่า"ขอโทษ" ถ้าเรารู้จักคำว่าขอโทษเมื่อเราทำผิดไป ไม่ว่าเรื่องจะเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน เราต้องรู้จักขอโทษ ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจ ถ้าเราทำเมื่อผิด คนอื้นก็จะมองเราว่าเราเป็นคนถ่อมตัว เราก็จะสามารถอยู่อย่างมีความสุขได้ ถ้าเรารู้จักคำว่า ขอโทษเมื่อเราผิด ให้อภัยเมื่อเขาผิด อย่างต่อมา คือการมีน้ำใจ ถ้าเรารู้จักการมีน้ำใจ การหยิบยื่นความมีน้ำใจของตัวเองให้กับคนในสังคม และไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก คนในสังคมก็จะรักเรามากขึ้น การวางตัวที่ดีก็เป็นปัจจัยที่สำคัญกับเรามาก การมีน้ำใจจะช่วยสร้างบุคลิกกับเรา สร้างความดีของเรา อย่างต่อมาคือ การมีระเบียบวินัย ถ้าเรารู้จักมีระเบียบวินัยของตัวเอง มันจะสร้างระเบียบวินัยเข้ามาในตัว ทำให้เป็นประจำ แล้วเราจะไม่เดือดร้อน ไม่มีใครมาว่าเราได้ และยังสอนให้เรามีระเบียบวินัยอยู่ในตัว และเป็นอีกวิธีที่ทำให้เราอยู่กับคนในสังคมได้อย่างมีความสุข อย่างต่อมาคือ ความซื่อสัตย์ ถ้าเรามีความตรงต่อความคิด หรือตรงต่อเวลา มันจะสร้างความเป็นระเบียบและความซื่อสัตย์กับเรามากขึ้น ถ้าเราไม่รู้จักความซื่อสัตย์ ก็อาจจะอยู่ในสังคมได้ แต่คงได้ไม่นานและเราเองที่ไม่มีความสุข เพราะเมื่อเราไม่ซื่อสัตย์ เราเองที่จะเดือดร้อนและเป็นทุกข์อยู่ในใจ อย่างต่อมาคือ รู้จักมีความรับผิดชอบ เมื่อเรารู้จักการมีวินัย เราก็ต้องมีความรับผิดชอบเช่นกัน เพราะสองอย่างนี้มาควบคู่กันเสมอ เมื่อเรามีความรับผิดชอบ เมื่อเรามีงาน เราก็สามารถแก้มันได้ ทำมันได้ทัน แม่เมื่อเราไม่มีความรับผิดชอบ ผลกระทบของมันคือ มีผลต่อคนรอบข้าง คนรอบข้างอาจจะไม่ชอบ และอาจจะอยู่กับคนรอบข้างได้ยังยากลำบาก เพราะฉะนั้นเราต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเอง และ ผู้อื้น มันจะทำให้เราอยู่กับคนรอบข้างและคนในสังคมได้ง่ายมากขึ้น ปรับตัวได้เร็วมากขึ้น อย่างต่อมาคือ รู้จักการวางตัว ถ้าเราอยู่ในสงัคมแล้วเป็นคนวางตัวยาก และเข้ากับคนในสังคมได้ยาก มันก็จะทำให้เรามีปัญหากับคนรอบข้างได้เสมอ ทางแก้คือการที่เราต้องวางตัวให้ดี รู้จักกาลเทศะ รู้จักการถ่อมตัวเมื่อต้องอยู่ในสังคมที่เราไม่รู้จัก ถ้าเราเข้ากับคนได้ง่าย ต่อให้เราไปอยู่ที่ไหน ก็จะไม่มีใครรังเกียจเราได้ และอยู่อย่างมีความสุขได้ และสิ่งที่สำคัญต่อมาคือ การรู้จักพูดเมื่อต้องพูด รู้จักเงียบเมื่อต้องเงียบ ถ้าเรารู้จัการพูด เราก็จะสามารถอยู่กับคนรอบข้างได้ไม่ยาก แต่ถ้าเราพูดจาเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ หรือพูดแบบไม่คิด ผลเสียของมันคือ การที่คนมองเราในแง่ลบ เมื่อไปเจอสังคมที่เราไม่คุ้นเคย เราก็จะอยู่กับคนอื้นได้ยาก เพราะคำพูดคำจาของเราไม่สามารถเข้ากับคนอื้นได้ง่าย เพราะฉะนั้นจะพูดอะไร เราต้องใช้สมองกลั่นกรองออกมาแล้วค่อยพูด จะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น และทำให้คนสังคมไม่รังเกียจเรา ต่างคนก็ต่างไม่เดือดร้อน อย่างต่อมาคือ การรู้จักควบคุมอารมณ์เป็นที่ตั้ง ถ้าเราไม่รู้จักการระงับอารมณ์ตัวเองได้ ผลเสียจะตามมาแบบไม่ทันคิด 1.ทำให้เรามีเรื่องทะเลาะวิวาท 2.มีคนรังเกียจ 3.อยู่ในสังคมได้ยาก 4.สังคมไม่ยอมรับ ผลเสียของการไม่รู้จักระงับอารมณ์นั้นมีมากกว่าที่คิด แต่ถ้าเราระงับอารมณ์ได้ ผลดีของมันมีมากๆพอกับผลเสีย อาจจะไม่มากเท่ากับผลเสีย แต่ผลดีมันก็ดีกว่าผลเสีย เพราะฉะนั้นจะอยู่ในสังคมได้ ต้องรู้จักการควบคุมณ์อารมณ์ตัวเองไว้เสมอ อย่างต่อมาคือ การช่วยเหลือคนในสังคม เมื่อคนรอบข้างต้องการความช่วยเหลือ เราก็ต้องรู้จักการให้ความช่วยเหลือ เราถึงจะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ ถ้าเราไม่ช่วยเหลือใครก่อนเลย ก็ไม่มีใครทีี่จะช่วยเราได้เมื่อเราประสบปัญหา อย่างต่้อมาคือ ร่วมกิจกรรมกับคนในสังคม เมื่อเรามีโอกาศ ลองทำกิจกรรมยางว่างกับคนที่อยู่ในสังคมบ้าง จะทำให้เราและคนรอบข้างมีความสุขมากกว่าการอยู่ในสังคมก้มหน้ามากกว่าก็ได้ ลองทำกิจกรรมดูบ้าง ถ้าเรามีทุกอย่างที่กล่าวมา ชีวิตในสังคมของเราจะอยู่ได้อย่างมีความสุขและไม่เป็นทุกข์ เพราะสิ่งที่กล่าวมา ไม่ใช่ว่าเราทำไม่ได้ แต่เราทำได้ อยู่ที่ว่าเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราทำเป็นประจำและเกิดผลเสียกับเราได้มากไหม เพราะฉะนั้นลองพยายามทำในสิ่งที่ดี ที่เป็นผลประโยชน์กับเรามากกว่าที่เราจะทำในสิ่งที่เสียประโยชน์และเรายังเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น ปัญหาในสังคมก็จะไม่เกิด ถ้าเรารู้จักการปฎิบัติตัวได้อย่างนี้ สังคมที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกาลเวลาจะทำให้เราปรับตัวเข้าได้ง่าย และยังทำให้เราไม่เดือดร้อน สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด จะมีประโยชน์มากกับตัวเราและคนอื้นถ้าอ่านแล้วปฎิบัติตามที่กล่าวมาจะทำให้เรารู้จักหน้าที่ตัวเอง รู้จักหน้าที่ในสังคม รู้จักการมีชีวิตในสังคม รู้จักการใช้ชีวิตในสังคม และจะไม่เป็นเรื่องยาก ถ้าเราทำทั้งหมดนี้ เราก็จะใช้ชีวิตร่วมกับคนอื้นในสังคมได้อย่างสันติและมีความสุข...


 


 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 498 คน กำลังออนไลน์