บุคคลต้นแบบ
เฮนรี่ ฟอร์ด
เฮนรี่ฟอร์ด ควรจะเป็นชาวนามากกว่า เขาเกิดในปี 1863 ที่เมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน บนไร่ที่พ่อชาวไอริช และแม่ซึ่งมาจากดัชท์เป็นคนทำงานตั้งแต่เด็กมาแล้ว เด็กชายเฮนรี่ก็มีแนวโน้มชอบการประดิษฐ์คิดค้น และใช้แนวโน้มดังกล่าวมาสร้างเครื่องจักรเครื่องมือ ลดความเหนื่อยยากตรากตรำในการทำงานบนไร่ตอนที่เขาอายุ 13 ปี รถขนไม้ใช้เครื่องยนต์ไอน้ำ มีถ่านเป็นเชื้อเพลิง แล่นโขยกดังสนั่นหวั่นไหวไปตามถนนทอดยาวเหยียดในชนบท เป็นภาพที่ปลุกเร้าความทึ่งกับเครื่องจักรเครื่องยนต์ของเขามากพออายุ 16 ปี เขาก็ทิ้งบ้านไร่มุ่งหน้าไปเมืองดีทรอยท์ ขัดกับความต้องการของผู้เป็นบิดา ที่เมืองดีทรอยท์นี้เอง เขาได้งานเป็นช่างเครื่องฝึกหัด 12 ปีต่อมา งานที่ทำก็ได้รับความก้าวหน้าไปเรื่อยๆ กระทั่งฟอร์ดกลายเป็นหัวหน้าวิศวกรประจำบริษัท เอดิสัน อิลมูนิเนทติ้ง พออายุถึง 24 ปี เขาก็แต่งงานกับคลาร่า ไบรอัน เขาเรียกภรรยาว่า “ผู้เชื่อมั่น” เพราะเธอคอยให้กำลังใจแผนงานสร้างรถที่ไม่มีม้าเทียม ในขณะที่เฮนรี่ ฟอร์ด มองข้ามเครื่องยนต์ไอน้ำกับกังหัน นักประดิษฐ์ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ต่างก็กำลังพลิกแพลงนำเอาเครื่องยนต์ดังกล่าวไปใช้กับรถโดยสารขนาดเล็กกำเนิดฟอร์ดมอเตอร์วันที่ 29 มกราคม 1886 คาร์ล เบนซ์ ได้รับสิทธิบัตรรถใช้น้ำมันดิบเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเขานำมาสาธิตบนถนนย่านมานน์เฮล์ม ประเทศเยอรมัน ในปี 189. ชาร์ลส์กับแฟรงค์ เดอร์เยีย แห่งเมืองสปริงฟิลด์ รัฐแมสซาซูเสทท์ ก็สร้างรถยนต์คันแรกที่ทำงานด้วยน้ำมันขึ้นในสหรัฐในช่วงทศวรรษ 1890 ช่างเครื่องยนต์คนใดก็แล้วแต่ ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือ มีสถานที่ทำงานกับมีจินตนาการกว้างไกล ก็ถือว่ามีสิทธิ์เป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเตาะแตะนี้ได้ภายในปี 1891 เขานำแบบร่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน วาดบนด้านหลังแผ่นกระดาษจดเนื้อเพลงให้ภรรยาดู แต่การจะทำให้แบบที่ร่างไว้เป็นความจริงขึ้นมาได้ถือเป็นคนละเรื่องกัน ทว่า หนึ่งวันก่อนคริสต์มาสปี 1893 เขาทดสอบเครื่องยนต์หนึ่งในหลายเครื่องที่ผลิตขึ้น ในอ่างล้างภายในครัวจนประสบความสำเร็จ เครื่องยนต์นี้ยังเป็นแค่หัวใจของเครื่องยนต์แบบใหม่ที่ฟอร์ดหวังจะสร้างขึ้น ช่วงสุดสัปดาห์และเกือบทุกคืน เขาจะไปขลุกอยู่ในเพิงด้านหลังบ้าน สร้างส่วนที่เหลือของรถยนต์ จนกระทั่ง วันที่ 4 มิถุนายน 1896 รถยนต์ของเขาก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเขาขายรถต้นแบบได้เงินมา 200 ดอลลาร์ 3 ปีต่อมาเขาก็มองอุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งเป็นของใหม่ของประเทศค่อยๆเติบโต ตัวเขาเองก็พบความก้าวหน้าพร้อมไปกับมันด้วยในปี 1899 โรงงานของอเมริกา 30 โรง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในนิวอิงแลนด์ สามารถผลิตรถยนต์ได้ประมาณ 2,500 คัน อย่างไรชาวอเมริกันส่วนใหญ่ก็นิยมซื้อรถยนต์นำเข้าในปี 1898 อุตสาหกรรมรถจักรยานสองล้อภายในประเทศ ก็ถึงคราวซบเซาผิดปกติ โรงงานเป็นจำนวนมากจึงหันมาผลิตรถยนต์เพื่อให้โรงงานมีงานทำฟอร์ดในขณะนั้นอายุได้ 36 ปี ได้รับเสนอตำแหน่งระดับอาวุโสและให้เป็นหุ้นส่วนบริษัทใหม่ชื่อ ดีทรอยท์ ออโตโมบิล โค เขาจึงลาออกจากบริษัทเอดิสัน อิลลูมิเนท ปรากฏว่าบริษัทนี้ประสบความล้มเหลว ไม่มีการผลิตรถยนต์ใดๆ ทั้งสิ้น เฮนรี่ ฟอร์ด ถูกนักลงทุนผู้โกรธเกรี้ยวไล่ออก (ต่อมาบริษัทนี้อยู่รอดมาได้ มีการปรับองค์กรแล้วก่อตั้งใหม่เป็นบริษัทคาดิแลค มอเตอร์ คาร์ คัมประนี)ปี 1901 เฮนรี่ ฟอร์ดทุ่มเทความชำนาญที่มีอยู่ทั้งหมดให้แก่รถแข่งขนาดใหญ่ 2 คัน หนึ่งในนั้นเขานำไปแข่งระยะทาง 10 ไมล์ กับรถที่สร้างโดยอเล็กซานเดอร์ วินตัน ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำจากโอไฮโอ การแข่งครั้งนี้จัดขึ้นที่ กลอส พอยท์ รัฐมิชิแกน ผลปรากฏว่าฟอร์ดชนะ ชัยชนะครั้งนี้ทำให้พ่อค้าถ่านหินอย่าง อเล็กซานเดอร์ มัลคัมสัน ตกลงใจสนับสนุนให้ฟอร์ดเข้าสู่ธุรกิจใหม่ในปี 1903 ทั้งคู่ร่วมกันก่อตั้งบริษัทฟอร์ดมอเตอร์ โดยร่วมลงทุนกับนักลงทุนอื่นๆ อีกประมาณ 12 คน มีเงินลงทุนทั้งหมด 100,000 ดอลลาร์ ตอนที่บริษัทเริ่มดำเนินการนั้น ใช้เงินสดในมือไปประมาณ 28,000 ดอลลาร์ นักลงทุนบางรายก็ให้เงินทุนในรูปแบบอื่นๆ อาทิเช่น สองพี่น้องตระกูลดอดจ์ จอห์นกับโฮเรซ ให้เครื่องยนต์เป็นวัตถุดิบปี 1903 คนงาน 125 คน ของฟอร์ด ผลิตรถยนต์ในแบบต่างๆ กัน 3 แบบ 1,700 คัน รถเหล่านี้เมื่อเปรียบเทียบกับแหล่งผลิตอื่นแล้วปรากฏว่ามีราคาแพง และส่วนต่างผลกำไรสูงก็ทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหลายพอใจ มัลคัมสัน จึงตัดสินใจเปิดกิจการบริษัทรถยนต์อีกแห่งหนึ่ง
ความประทับใจ
เป็นคนที่น่าทำตามแบบอย่างเรื่องความอดทนเพราะเขาทนผ่านอุปสรรคมากมายกว่าจะมีบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์เป็นของตัวเองและด้านความรู้เป็นคนที่ฉลาดด้านการคิดค้นเกี่ยวกันเครื่องยนต์และเขาได้รับมอบหมายให้ศึกษาและพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันจนกระทั่งสามารถพัฒนารถยนต์สี่ล้อคันแรกสำเร็จ เขาผลิตรถยนต์ ฟอร์ด โมเดล ที จากเดิมราคา 850 ดอลลาร์ เหลือเพียง 360 ดอลลาร์ ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรก ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากอเมริกันชนเป็นอย่างดี เพราะเป็นรถยนต์ที่สวยงาม มีความแข็งแรงทนทาน และมีราคาถูกกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่นในตลาดเกือบครึ่ง รถยนต์รุ่นนี้ผลิตและขายได้ 15 ล้านคันเป็นคนที่น่าทำตัวเป็นแบบอย่าง