บุคคลตัวอย่าง
ในปีค.ศ. 1972 สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) จบการศึกษาจาก โฮมสตีดไฮสคูล ในเมืองคิวเปอร์ทีโน มลรัฐแคลิฟอร์เนีย และได้สมัครเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยรีด (Reed College) ในเมืองพอร์ตแลนด์ มลรัฐโอเรกอน แต่ก็ต้องลาพักการเรียนหลังจากเข้าเรียนได้เพียงหนึ่งภาคการศึกษา หลายปีต่อมา ในปาฐกถาครั้งหนึ่งในพิธีสำเร็จการศึกษาของบัณฑิตมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปีค.ศ. 2005 สตีฟ จอบส์ (Steve jobs)ได้กล่าวว่าเพราะเขาลาพักเรียนไป จึงมีเวลาเข้าชั้นเรียนคัดตัวหนังสือ
“ถ้าผมไม่ได้เรียนวิชานั้นที่วิทยาลัยรีด เครื่องแมคอินทอชคงจะไม่มีรูปแบบอักษรหลากหลาย และปราศจากฟอนต์ที่มีการแบ่งระยะห่างอย่างถูกสัดส่วนเช่นนี้“
ปี ค.ศ. 1976 เป็นผู้มีส่วนช่วยทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา ด้วยเครื่อง Apple II ต่อมา เขาเป็นผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์และเม้าส์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีร็อกซ์พาร์ค ของบริษัทซีร็อกซ์ และได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไว้ในเครื่องแมคอินทอช หลังพ่ายแพ้ในการแย่งชิงอำนาจกับคณะกรรมการบริหาร
ปี ค.ศ. 1984 สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ลาออกจากแอปเปิลและก่อตั้งเน็กซ์ บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในการศึกษาขั้นอุดมศึกษาและตลาดธุรกิจ การซื้อกิจการเน็กซ์ของแอปเปิล
ปี ค.ศ. 1996 ทำให้ จอบส์กลับเข้าทำงานในบริษัทแอปเปิลที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นนั้น และเขารับหน้าที่ CEO ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2011 สตีฟ จอบส์ ยังเป็นประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิกส์ ทั้งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ 50.1% กระทั่งบริษัทวอลต์ดิสนีย์ซื้อกิจการไป
ปี ค.ศ. 2006 สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดของดิสนีย์ที่ 7% และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของดิสนีย์ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2004 สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ได้เข้ารับการผ่าตัดเอาเนื้องอกมะเร็งออกจากตับอ่อน เขาเป็นโรคมะเร็งในตับอ่อนซึ่งในแบบที่พบได้น้อยมาก ที่เรียกว่า “เนื้องอกในเซลล์ที่ผลิตอินซูลินอันส่งผลต่อระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย” (islet cell neuroendocrine tumor) ซึ่งเป็นเนื้องอกที่ไม่ต้องการเคมีบำบัด หรือรังสีบำบัดแต่อย่างใด ระหว่างที่เขาป่วย ทิม คุก ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้างานขายและปฏิบัติการทั่วโลกของแอปเปิลเป็นผู้บริหารงานแทน
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) มักจะท้าทายขีดความสามารถของอุปกรณ์ไฮเทคอยู่เสมอ ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้นี้ดูเหมือนจะรู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร ก่อนที่ผู้บริโภคจะรู้ความต้องการของตัวเองเสียอีก การที่เขานำคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้งานง่ายออกสู่ตลาดให้คนส่วนใหญ่ได้ใช้นั้น ทำให้งานอดิเรกของหนุ่มบ้าคอมพิวเตอร์คนหนึ่งกลายมาเป็นเสาหลักสำคัญในชีวิตประจำวันของคนสมัยใหม่เลยทีเดียว เครื่องคอมพิวเตอร์แอปเปิล II (Apple II) ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นกับผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิล สตีฟ วอซเนียก (Steve Wozniak) ในโรงรถและได้วางขายเมื่อปี ค.ศ. 1977 ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IBM ต้องกระวนกระวายรีบพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของตัวเองเพื่อวางขายบ้าง แต่เมื่อถึงปี ค.ศ. 1985 ยอดขายที่ตกลงและบริษัทคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคู่แข่งอย่างวินโดว์ส บีบให้จอบส์ต้องลาออกจากบริษัทที่เขาเองร่วมก่อตั้งขึ้นมา
ในช่วงเวลาสิบปีต่อมา สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ได้เป็นผู้บริหารของบริษัทสองบริษัท คือ เนกซ์ (Next) บริษัทคอมพิวเตอร์ที่สร้างสรรค์พื้นฐานของซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการของบริษัทแอปเปิลในปัจจุบัน อย่าง Mac OS 10 และ บริษัท พิกซาร์ (Pixar) สตูดิโอสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่โด่งดังมาจากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง ทอย สตอรี (Toy Story) เมื่อปี ค.ศ. 1997 ที่ สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ได้กลับมาอยู่กับแอปเปิล เขายังคงทำหน้าที่อยู่ในสองบริษัท คือเป็นทั้ง CEO ของพิกซาร์ และของแอปเปิล แต่สุดท้าย จอบส์ได้ขายพิกซาร์ให้กับดีสนีย์ โดยแลกกับหุ้นของดีสนีย์ในจำนวนที่มากขนาดที่ทำให้เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในบริษัทดีสนีย์
สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ไม่ได้เฝ้าฝันและจิตนาการสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ขึ้นมา แต่ความเป็นอัจฉริยะของเขาอยู่ตรงที่สามารถสังเกตเห็นเทคโนโลยีน่าสนใจใหม่ๆและนำมาประยุกต์ให้ผู้บริโภคทั่วไปใช้ได้ ในซีรีย์สารคดีเรื่อง “Triumph of the Nerds” ของสถานีโทรทัศน์ PBS ที่ออกอากาศเมื่อปี ค.ศ. 1996 จอบส์เคยพูดเอาไว้เองว่าบริษัทแอปเปิลเคยไม่อายที่จะต้องขโมยความคิดที่ยอดเยี่ยมของผู้อื่นมักปรากฏตัวบนเวที ในชุดที่เป็นเหมือนยูนิฟอร์มของเขา คือกางเกงยีนส์กับเสื้อคอเต่าสีดำ แล้วทำให้ผู้ชมตกอยู่ในภวังค์เมื่อฟังการอธิบายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แม็ค iPhone และ iPad รุ่นใหม่ๆ นวัตกรรมเหล่านี้ทำให้แอปเปิลเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยได้แซงหน้าคู่แข่งตลอดกาลอย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010
ภายใต้การบริหารงานของสตีฟ จอบส์ (Steve jobs) บริษัทแอปเปิลมักจะปิดการทำงานของบริษัทเป็นความลับมากเสียจนทำให้นักลงทุนและสื่อมวลชนหงุดหงิดกันอยู่บ่อยๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถทำให้แอปเปิลลอยตัวขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในทุกรูปแบบ
สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) ลาออกจากการเป็น CEO ของแอปเปิลเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 หลังจากต้องพักงานไปหลายครั้งเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งรวมถึงการปลูกถ่ายตับ และการเข้ารับการรักษามะเร็งในตับอ่อน (pancreas cancer)
“สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับอ่อน ด้วยวัย 56 ปี เขาจากไปอย่างสงบ พร้อมกับขอบคุณผู้ที่ให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายตลอดหลายปีที่ผ่านมา“
สตีเฟน พอล จอบส์ (Steven Paul Jobs) ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปในความทรงจำของคนในครอบครับ ซึ่งได้แก่ พี่สาวแท้ๆของเขา โมนา ซิมสัน ลูกสาว ลิซา เบรนเนน จอบส์ และภรรยาของเขา ลอรีน พาวเวล และลูกๆทั้งสามของพวกเขา
สตีฟ จอบส์ (Steve jobs) เจ้าพ่อบริษัท แอปเปิล ผู้ล่วงลับเป็นบุคคลผู้คิดค้นนวัตกรรม ซึ่งเปลี่ยนแปลงโลก จ็อบส์ แตกต่างจากคนอื่นตรงที่เขาเลือกมองสิ่งที่คนอื่นมองข้าม และจ็อบส์ยังเชื่อมั่นในพลังแห่งการสร้างสรรค์ของมนุษย์ ที่จะเนรมิตสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งไม่เพียงช่วยพัฒนาชีวิต แต่ยังเปลี่ยนแปลงโลกนี้ไปจากเดิม
ความรู้สึกประทับใจสตีฟ จอบส์ : เป็นบุคคลที่มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นทำให้ได้รู้ว่าความคิดเรามันต้องมาเป็นที่หนึ่งไม่จำเป็นต้องทำตามแบบใครละก็ได้เป็นเจ้าในวงการโทรศัพท์ Apple ที่พวกเรารู้จักกันเป็นอย่างดี