บุคคลตัวอย่างในการดำเนินชีวิต
บิลเกตส์
เกิด 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955 อายุ 43 สัญชาติอเมริกัน สถานะแต่งงาน ลูก 2
สถานศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีเงิน 9 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ในประวัติ บิลล์ เกตส์นั้น เขาได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนเลคไซด์ อันเป็น
โรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองซีแอทเทิล ที่นั่นเองที่เขาได้พัฒนาทักษะ
ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน
เพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม บิลล์ เกตส์ กับ
พอล อัลเลน เพื่อนสนิท ได้แอบย่องเข้าไปในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันทั้งคู่ถูกจับได้แต่ก็ได้เจรจาตกลงกับเจ้าหน้าที่
ห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนได้ใช้ฟรี
ต่อมาบิลล์ เกตส์ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ต้องพักการเรียน
ไปโดยไม่จบการศึกษา เพื่อที่จะได้เริ่มประกอบอาชีพทางด้านการพัฒนา
ซอฟต์แวร์ ในระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด เขามีโอกาสได้ทำความรู้จัก
กับสตีฟ บาลเมอร์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมห้อง
ในหอพักระหว่างที่เป็นนักศึกษาปี 1
Bill Gate เรียนไม่จบ จริง แต่คนจบปริญญาเป็นหมื่นเป็นลูกจ้างเขา เริ่มเขียน
โปรแกรมตอนอายุ 13 และเมื่อเขียน MS Windows ได้ขณะข้ามพรมแดนจาก
canada จนท ศุลกากรถามว่า มีทรัพย์สินเท่าไร บิล เกตส์ ที่ถือแผ่นดิส 5 นิ้ว
720 kb มาเป็นปึกก็บอกว่า นี่มีค่า 50 ล้านเหรียญ จนท คิดว่าคุยกะคนเพี้ยน
เลยปล่อยไปโดยไม่คิดตังค์แม้แต่แดงเดียว เมื่อร่วมงานกะ paul allen จนตั้ง
microsoft สัดส่วนหุ้นคือ60 / 40 = gates / allen แต่ allen ไม่ชอบนั่งบริหาร
ชอบคอมพ์มากเลยขายหุ้นที่ตนทีอยู่ทั้งหมดและให้เกตบริหารแทน
’11 Things You Don’t Get to Learn in School’ หรือ ’11 สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอนคุณ’
ซึ่งเป็นกฎที่บิล เกตส์เคยพูดเอาไว้ เมื่อมีคนถามว่า ทำอย่างไรเขาถึงได้ประสบความสำเร็จ
และรวยมหาศาลเช่นทุกวันนี้ ที่สำคัญสิ่งเหล่านี้ หาไม่เจอในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา
ที่เราตั้งหน้าตั้งตาเรียนกันมากว่า 10 ปี
กฎข้อที่ 1 ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ
กฎข้อที่ 2 โลกไม่สนใจหรอก ว่าคุณจะมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่โลกนี้คาดหวัง ‘ความสำเร็จ’
ที่เกิดจากความมั่นใจของคุณต่างหาก
กฎ ข้อที่ 3 ไม่มีทางที่คุณจะทำเงินได้ปีละ 60,000 เหรียญ (เกือบ 2 ล้าน) ทันทีที่เพิ่งจบมัธยม และ
ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นประธานบริษัทที่มีรถประจำตำแหน่งพร้อมโทรศัพท์ใน รถส่วนตัวด้วย
กฎข้อที่ 4 ถ้าคุณคิดว่า อาจารย์กำลังสอนบทเรียนอันน่าเบื่อ ลองไปทำงาน แล้วเจอกับเจ้านายสิ
กฎข้อที่ 5 การคิดคำแสลงใหม่ ๆ ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะปู่ย่าตายายของคุณก็เคยทำมาก่อน
กฎข้อที่ 6 ชีวิตที่ยุ่งเหยิงของคุณ ไม่ใช่ความผิดของพ่อแม่ เลิกคร่ำครวญเกี่ยวกับสิ่งที่พลาดไปแล้ว
แต่จงเรียนรู้จากมัน
กฎ ข้อที่ 7 ก่อนที่คุณจะเกิด พ่อแม่ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่คุณรู้สึกตอนนี้ พวกเขาต้องทำงานอย่างหนัก มาจ่ายบิลต่าง ๆ
ต้องซักเสื้อผ้าให้กับคุณ พวกเขาต้องอดทนฟังคุณคุยอวดในเรื่องไม่เข้าท่า ดังนั้น ถ้าคุณคิดจะทำเรื่องใหญ่ ๆอะไรก็ตาม
เช่น ช่วยอนุรักษ์ป่าฝนรุ่นบรรพบุรุาจากการถูกปรสิตทำลาย ช่วยกำจัดเห็บเหาที่มันแพร่พันธุ์ในตู้เสื้อผ้ารก ๆ ของคุณซะก่อน
กฎ ข้อที่ 8 ชีวิตในโรงเรียนอาจตัดสินคุณว่าเป็นผู้ชนะหรือแพ้ แต่ชีวิตจริง ‘ไม่ใช่’ บางโรงเรียนสอนการเป็นผู้แพ้ด้วยซ้ำไป
แถมยังให้โอกาศคุณมากมายในการทำสิ่งที่ถูกต้อง พูดง่าย ๆ ก็คือ ชีวิตในโรงเรียน ไม่เหมือนชีวิตจริงหรอก
กฎข้อที่ 9 ชีวิต ไม่ได้แบ่งเป็นเทอมๆ ไม่มีช่วงซัมเมอร์ให้คุณไปค้นหาตัวตน
กฎ ข้อที่ 10 สิ่งที่เกิดขึ้นในโทรทัศน์ ไม่ใช่ชีวิตจริง เพราะในชีวิตจริง ผู้คนต้องรีบเช็คบิลจากร้านกาแฟ และตรงดิ่งไปทำงาน
(เราจะเห็นว่าในละครส่วนใหญ่ คนมักออกจากที่ทำงานมาคุยกันที่ร้านกาแฟ)
กฎข้อ 11 เป็นมิตรกับความ ‘เนิร์ด’ แล้ว ชีวิตคุณจะไม่ต้องเป็นลูกจ้างใครอีกต่อไป
บิล เกตส์ มีหลัก 6 ประการในการทำงาน
1. จับตลาดที่มีช่องทางเยอะแต่มีคู่แข่งน้อย
2. เข้าไปให้เร็ว เข้าไปให้ใหญ่
3. สร้างสิทธิบัตรคุ้มครอง
4. คุ้มครองสิทธิ์ดังกล่าวโดยทุกวิธีทางที่ทำได้
5. มุ่งกำไรสูงสุด
6. ให้ของที่ลูกค้าไม่อยากปฏิเสธ แต่เบื้องหลังของโครงสร้างที่ประสบความสำเร็จนั้น
คือนโยบายเกี่ยวกับคนทำงานที่ชัดเจน เป็นนโยบายที่อาจารย์แฮนดี้บอกว่าทำให้ไมโครซอฟ
มั่นคงแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
หลัก 5 ประการของบิล เกตส์ คือ
1. ให้หุ้น คือ ใครทำงานดีให้หุ้น
2. ให้อำนาจในการตัดสินใจ
3. ให้แต้มการทำงานใครได้คะแนนสี่ ถือว่าเยี่ยม ใครได้คะแนนหนึ่ง ออก
4. ให้ความเสมอภาค
5. ให้ทุกคนมีอีเมล์
แนวทางในการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
1.เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง
2.ต้องค้นหาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
3.คิดสิ่งใหม่ๆขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าแปลกจากคนอื่น
4.ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จอย่างมั่นใจ
5.ทำประโยชน์ให้กับสังคม