สนธิสัญญาแวร์ซายส์
สนธิสัญญาแวร์ซายส์
เป็นสนธิสัญญาสันติภาพ ที่ทำขึ้น เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1919 ณ พระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส หลังเยอรมนีพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 สนธิสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังช่วงเวลาหกเดือนแห่งการเจรจาสันตืภาพที่กรุงปารีส และสิ้นสุดลงที่การทำสนธิสัญญา ผลจากสนธิสัญญาดังกล่าวได้กำหนดให้จักรวรรดิเยอรมนีเดิมและพันธมิตรฝ่ายมหาอำนาจกลางต้องรับผิดชอบต่อเสียหายทั้งหมดของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และในข้อตกลงมาตรา 231-248 ได้ทำการปลดอาวุธ เกิดการลดดินแดนของผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง รวมไปถึงต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามเป็นจำนวนเงินมหาศาล แต่สนธิสัญญาดังกล่าวถูกบ่อนทำลายด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังปี 1922 จนกระทั่งร้ายแรงขึ้นเมื่อทศวรรษ 1930
เป้าหมายของฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสสูญเสียทหารราว 1.5 ล้านคน รวมไปถึงพลเรือนอีกกว่า 400,000 คน นอกเหนือจากนั้น การรบส่วนใหญ่บนแนวรบด้านตะวันตกก็เกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส จอร์จส์ คลูมองโซ ได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าตนเป็นผู้แทนของประชาชนชาวฝรั่งเศสที่จะต้องทำการล้างแค้นกับเยอรมนี เขาต้องการให้มีการกำหนดให้เยอรมนีกลายเป็นอัมพาต ทั้งทางการหทาร ทางเศรษฐกิจและทางการเมือง ชาวฝรั่งเศสจำนวนมากเห็นด้วยว่าฝรั่งเศสควรจะได้ครอบครองโรงงานอุตสาหกรรมของเยอรมนีจำนวนมาก ถ่านหินจากแคว้นรูร์ ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของเยอรมนีถูกขนส่งไปยังฝรั่งเศสโดยทางรถไฟ กองทัพฝรั่งเศสยังได้ยึดครองหัวเมืองสำคัญของเยอรมนีจำนวนมาก อย่างเช่น เก๊า-อัลเกสไฮม์ ทำให้เกิดพลเมืองไร้บ้านเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก คนงานทางรถไฟของเยอรมนีจำนวนมากได้ทำการเผาการขนส่งถ่านหินไปสู่ฝรั่งเศส ซึ่งส่งผลให้คนงานราว 200 คนถูกประหารชีวิตโดยเจ้าหน้าที่ชาวฝรั่งเศส จอร์จ คลีเมนคลูแห่งฝรั่งเศสต้องการค่าปฏิกรสงครามจากเยอรมนีเพื่อบูรณะประเทศฝรั่งเศสซึ่งเสียหายในสงคราม ระหว่างสงคราม บ้านราว 750,000 หลังคาเรือน และโรงงานอุตสาหกรรม 23,000 โรงถูกทำลาย และจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อการบูรณะขึ้นมาใหม่ และยังมีความต้องการอย่างรุนแรงที่จะลดจำนวนทหารในกองทัพเยอรมันให้อยู่ในจุดที่สามารถควบคุมได้ รวมไปถึงส่วนหนึ่งของค่าปฏิกรรมสงคราม ฝรั่งเศสต้องการที่ครอบครองโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากในเยอรมนี
เป้าหมายของอังกฤษ
นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ เดวิด ลอยด์ จอร์จ ก็ได้สนับสนุนการเรียกเก็บค่าปฏิกรสงครามจากเยอรมนี แต่ในขอบเขตที่น้อยกว่าข้อเสนอของฝรั่งเศส เนื่องจากเขารู้ดีว่าถ้าหากทำตามข้อเสนอของฝรั่งเศส ฝรั่งเศสก็อาจจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจในยุโรปตอนกลาง และความสมดุลอันบอบบางก็จะถูกทำลาย นอกจากนั้น เขายังกังวลกับข้อเสนอของวูดโรว์ วิลสันสำหรับอำนาจปกครองตัวเอง และ - เหมือนกับฝรั่งเศส - ต้องการปกปักรักษาผลประโยชน์ของประเทศของตน โดยสภาพดังกล่าวนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันระหว่างประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกสองแห่ง ซึงได้มีส่วนในการรบเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตน เดวิด ลอยด์ จอร์จก็เป็นผู้นำอีกคนหนึ่งซึ่งสนับสนุนการปิดล้อมทางทะเลกับเยอรมนีและสนธิสัญญาลับ ยังมีคำกล่าวบ่อยๆ ว่าลอยด์ จอร์จเดินทางสายกลางระหว่างข้อเสนออันเพ้อฝันของวิลสันและข้อเสนอพยาบาทของคลูมองโซ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของเขานั้นเป็นข้อเสนอที่แสนบอบบางกว่าที่ปรากฏในตอนแรก มหาชนชาวอังกฤษต้องการให้เกิดการลงโทษเยอรมนีให้หนักเหมือนกับข้อเสนอของฝรั่งเศส เพื่อให้รับผิดชอบต่อผลของสงครามที่เกิดขึ้น และได้สัญญาไว้เช่นสนธิสัญญาการเลือกตั้งปี 1918 ซึ่งลอยด์ จอร์จได้รับชัยชนะ นอกจากนั้นยังมีการบีบคั้นจากพรรคอนุรักษ์นิยม ในความต้องการแบบเดียวกันกับชาวอังกฤษ เพื่อปกปักรักษาจักรวรรดิอังกฤษ ต่อมา แรงกดดันของมหาชนชาวอังกฤษได้สนับสนุนให้มีการลดขนาดของจักรวรรดิเยอรมัน ลอยด์ จอร์จจึงจัดการให้เพิ่มการชำระค่าปฏิกรสงครามโดยรวม และส่วนแบ่งของอังกฤษ โดยให้เหตุผลว่า ใช้เป็นค่าตอบแทนแก่หญิงม่าย เด็กกำพร้า ชายทุพพลภาพ ชายที่ตกงานจำนวนมหาศาลเนื่องจากสงครามโลก
อย่างไรก็ตาม ลอยด์ จอร์จนั้นก็ได้เฝ้าระวังปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากเยอรมนีที่ขมขื่นจากสงคราม และเขารู้สึกว่าสนธิสัญญาที่ลดความรุนแรงลงซึ่งมิได้ก่อให้เกิดความพยาบาทน่าจะเป็นผลที่ดียิ่งกว่าและเป็นการดำรงไว้ซึ่งสันติภาพที่ยาวนาน อีกหนึ่งปัจจัยนั้นคือเยอรมนีนั้นเป็นประเทศคู่ค้าที่มีความสำคัญเป็นอันดับสองของอังกฤษ และการจำกัดเศรษฐกิจของเยอรมนีย่อมไม่ส่งผลดีต่ออังกฤษ นอกจากนั้น เขาและคลูมองโซได้รู้จักสภาพของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจนั้นจะทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจทางทหารของโลกในอนาคตอีกด้วย หลังจากนั้น ข้อเสนออันเพ้อฝันของวิลสันก็ไม่สามารถได้รับคำเยาะเย้ยหรือถูกหัวเราะใส่จากอังกฤษและฝรั่งเศสถ้าพวกเขายังต้องการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกาอยู่ นี่ช่วยให้เข้าใจว่าทำไมสันนิบาตชาติเกี่ยวกับแนวคิดหลักของวิลสันซึ่งตั้งอยู่บนสันติภาพที่โอบอ้อมอารีนั้นได้ถูกเล่นงานโดยอังกฤษและฝรั่งเศสเมื่อวิลสันได้เดินทางมาถึงสถานที่จัดการประชุม ยิ่งกว่านั้น อังกฤษต้องการที่จะรักษา"ความสมดุลของอำนาจ" - โดยไม่ให้ทประเทศใดก็ตามในยุโรปเสนอข้อตกลงไว้มากมายกว่าประเทศอื่นๆ และถ้าข้อเสนอของฝรั่งเศสได้ถูกนำไปใช้ นอกจากเยอรมนีจะกลายเป็นคนพิการแล้ว ฝรั่งเศสก็จะกลายเป้นประเทศมหาอำนาจแทนที่อังกฤษอีกด้วย
สรุปข้อเสนอของเดวิด ลอยด์ จอร์จมีดังนี้
- เพื่อรักษาผลประโยชน์ของอังกฤษโดยการดำรงไว้ซึ่งอำนาจทางทะเลซึ่งถูกคุกคามโดยเยอรมนีระหว่างสงคราม การคงไว้ซึ่งจักรวรรดิอังกฤษ
- เพื่อลดขนาดกองทัพเยอรมันในอนาคต และรับค่าปฏิกรสงครามจากเยอรมนี
- เพื่อหลีกเลี่งการแก้แค้นและการคุกคามสันติภาพในอนาคตของเยอรมนี
- เพื่อช่วยเหลือเยอรมนีให้กลายเป็นประเทศคู่ค้าของอังกฤษ
เป้าหมายของสหรัฐอเมริกา
นับตั้งแต่สหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเมื่อเดือนเมษายนปี 1917 ชาวอเมริกันจำนวนมากมีความรู้สึกร้อนรนที่จะปลดตัวเองออกจากปัญหาที่เกิดขึ้นในทวีปยุโรปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สหรัฐอเมริกานั้นได้รับมุมมองผูกไมตรีมากขึ้นจากผลที่เกิดขึ้นของค่าปฏิกรสงครามเยอรมนี นอกจากนั้น ชาวอเมริกันยังต้องการที่จะทำให้แน่ใจว่าโอกาสทางการค้าและรอการชำระหนี้สินคืนจากประเทศในยุโรป ก่อนสงครามจะสิ้นสุด ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน พร้อมกับข้าราชการระดับสูงคนอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึง เอ็ดเวริ์ด แมนเดล เฮ้าส์ ได้ผลักดันให้ข้อเสนอสิบสี่ประการซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าข้อเสนอของอังกฤษและฝรั่งเศสซึ่งมหาชนชาวเยอรมันคิดว่าสนธิสัญญาดังกล่าวควรจะออกมาประมาณนี้ ซึ่งทำให้พวกเขามีความหวัง แต่ทว่ามันผิด วิลสันนั้นไม่ต้องการการทูตที่เป็นความลับมากกว่านี้ ยกตัวอย่างเช่น พันธมิตรลับ สนธิสัญญาอื่นๆ เป็นต้น เขายังต้องการให้เยอรมนีควรจะลดขนาดของอาวุธยุทธภัณฑ์ ซึ่งทำให้ขนาดของกองทัพลดขนาดเล็กลงไปและทำให้ปราศจากข้อสงสัยว่าในอนาคตจะไม่เกิดสงครามขึ้นอีก นอกจากนั้น เขายังต้องการให้ประเทศอื่นๆ ได้กระทำแบบเดียวกัน ซึ่งจะเป็นการจำกัดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดสงคราม ซึ่งเขากล่าวไว้ชัดเจนในข้อเสนอข้อที่ 4
หลักสิบสองข้อ
1.สร้างข้อตกลงแห่งสันติภาพที่ไม่ปิดบัง ตรงไปตรงมา ซึ่งจะทำให้ปราศจากความเข้าใจส่วนตัวนานาชาติ แต่ควรจะเป็นการทูตที่เปิดเผยและอยู่ในสายตาของสาธารณชน
2.เปิดเสรีในการเดินทางทางทะเล ซึ่งเป็นเขตน่านน้ำสากล ทั้งในยามสงบและยามสงคราม ยกเว้นแต่ว่าจะถูกปิดกั้นจากการกระทำของนานาชาติเพื่อการดำรงไว้ซึ่งข้อตกลงนานาชาติ
3.การยกเลิกการกีดกันทางการค้า และการสร้างความเท่าเทียมกันทางการค้าระหว่างประเทศซึ่งได้ยินยอมในสันติภาพและมีส่วนร่วมในการดำรงรักษามันไว้
4.ให้ความมั่นใจว่าจะมีการอาวุธยุทธภัณฑ์ของกองทัพนานาชาติลงจนถึงจุดที่มีความปลอดภัย ต่ำกว่าความเสี่ยงของสงคราม และสามารถป้องกันประเทศของตนเองเท่านั้น
5.ให้ความยุติธรรมอย่างทั่วถึงในการจัดการกับอาณานิคมโพ้นทะเลของทุกประเทศ รวมไปถึงให้โอกาสและความสำคัญแก่การประกาศเอกราชของชนพื้นเมืองภายในอาณานิคม ให้มีน้ำหนักเท่ากับประเทศแม่
6.การถอนเอาเอาณาเขตปรัสเซียออกไป และรวมไปถึงรกรากของสหภาพโซเวียตนั้นเป็นการปลอดภัยและเสรีในความร่วมมือของนานาชาติที่จะเสนอโอกาสซึ่งไม่ขัดขวางและไม่อยู่ในฐานะที่อับอายในการที่มีสิทธิ์เต็มที่ในการใช้อำนาจปกครองตัวเอง
7.เพื่อการพัฒนาทางการเมืองและนโยบายแห่งชาติของตัวเอง รวมไปถึงการให้ความรับรองแก่สหภาพโซเวียตที่จะเข้าสู่เวทีนานาชาติภายใต้สถาบันที่ได้จัดตั้งขึ้นมาเอง และนอกจากนั้น ให้ความช่วยเหลือแก่สหภาพโซเวียตในทุกวิถีทาง การปฏิบัติต่อสหภาพโซเวียตโดยประเทศอื่นๆ ในช่วงเวลาต่อมานั้นก็เป็นการทดสอบสำหรับจุดประสงค์ของแต่ละประเทศ และเปิดโอกาสให้สหภาพโซเวียตมีความสนใจของตน ด้วยความใจกว้างและด้วยปัญญา
8.เบลเยี่ยมควรจะถูกกำหนดให้ได้รับการฟื้นฟูจากนานาชาติ โดยปราศจากความพยายามที่จะจำกัดเอกราชให้เท่าเทียมกับประเทศเสรีอื่นๆ โดยการกระทำดังกล่าวนั้นจะเป็นการฟื้นฟูความไว้วางใจระหว่างประเทศในกฎหมายซึ่งพวกเขาได้จัดตั้งเองและตั้งใจแน่วแน่ที่จะสร้างความสัมพันธ์กับชาติอื่นๆ ผลจากการกระทำดังกล่าวจะเป็นการรักษาความมั่นคงของกฎหมายนานาชาติอีกด้วย
9.ดินแดนของฝรั่งเศสทั้งหมดควรจะได้รับอิสระและฟื้นฟูส่วนที่เสียหายจากสงคราม และความผิดของปรัสเซียต่อฝรั่งเศสในปี 1871 เกี่ยวกับมณฑลแอลซาซ-ลอเรน ซึ่งไม่ได้ชำระสะสางสันติภาพของโลกมาเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษ ควรจะถูกทำให้ถูกต้อง เพือให้สันติภาพได้รับการดูแลรักษาอย่างมั่นคง
10.ควรจะมีการปรับแนวเขตแดนของประเทศอิตาลีควรจะตั้งอยู่บนแนวเขตแดนของชาติที่สามารถจำได้
11.ประชาชนของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีเดิม ควรจะได้รับการป้องกันและช่วยเหลือ รวมไปถึงได้รับโอกาสอย่างเสรีที่จะพัฒนาตนเอง
12.โรมาเนีย เซอร์เบียและมอนเตเนโกรควรจะได้รับการฟื้นฟูจากความเสียหายของสงคราม เซอร์เบียมีอาณาเขตทางออกสู่ทะเล และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบอลข่านต่อกันนั้นตั้งอยู่บนคำแนะนำของชาติพันธมิตรตามประวัติศาสตร์บนเส้นของความจงรักภักดีและความรักชาติ และนานาชาติสมควรที่จะรับรองความเป็นอิสระทางการเมืองและทางเศรษฐกิจรวมไปถึงความมั่นคงในดินแดนของตน
ส่วนแบ่งของตุรกีจากจักรวรรดิ
ตรวจแล้ว