ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป
เศรษฐกิจระหว่างประเทศ
การค้าระหว่างประเทศ
สาเหตุของการค้าระหว่างประเทศ ได้แก่
- ความแตกต่างทางด้านกายภาพ โดยเฉพาะด้านทรัพยากรธรรมชาติ
- ความแตกต่างทางด้านความชำนาญในการผลิต
-
- ประโยชน์ของการค้าระหว่างประเทศ
- ประเทศผู้นำเข้าได้สินค้าที่ผลิตไม่ได้มาสนองความต้องการในราคาที่ถูกและคุณภาพดี
- ประเทศผู้ส่งออกสามารถขยายตลาดสินค้าของตนให้กว้างมากขึ้น และมีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น
-
- ดุลการค้าระหว่างประเทศ
- ดุลการค้าระหว่างประเทศ คือ การเปรียบเทียบมูลค่าสินค้าออกกับมูลค้าสินค้าเข้าในระยะเวลา 1 ปี
- ดุลการค้าแบ่งได้ออก 3 ลักษณะคือ
- ดุลการค้าสมดุล คือ มูลค่าสินค้าออกเท่ากับมูลค่าสินค้าเข้า
- ดุลการค้าขาดดุล คือ มูลค่าสินค้าออกน้อยกว่ามูลค่าสินค้าเข้า
- ดุลการค้าเกินดุล คือ มูลค่าสินค้าออกมากกว่ามูลค่าสินค้าเข้า
-
- นโยบายการค้าระหว่างประเทศ
- นโยบายการค้าเสรี มีลักษณะสำคัญคือ ส่งเสริมให้การค้าระหว่างประเทศกระทำกันได้อย่างเสรี โดยรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องน้อยมาก คือ
- ใช้หลักการแบ่งงานกันทำ คือ เลือกผลิตเฉพาะสินค้าที่ประเทศมีความชำนาญในการผลิต
- ไม่มีการเก็บภาษีเพื่อคุ้มกัน แต่เก็บภาษีเพื่อเป็นรายได้ของรัฐ
- ไม่มีการให้สิทธิพิเศษหรือไม่มีข้อจำกัดทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ
- ปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดใช้นโยบายการค้าเสรี
- นโยบายการค้าคุ้มกัน มีลักษณะสำคัญคือ รัฐบาลใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อกีดกันการนำสินค้าเข้าออก ได้แก่
- กำแพงภาษี คือ เก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง
- การควบคุมปริมาณสินค้าเข้าและออก
- การให้ความอุดหนุนเพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศและส่งเสริมสินค้าออก เช่น ยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าออก
- ประเทศต่าง ๆ ใช้นโยบายการค้าคุ้มกันเพื่อ
- คุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศ
- ป้องกันการทุ่มตลาด (กำหนดราคาสินค้าต่ำกว่าทุนในช่วงแรก เมื่อสินค้าติดตลาด จะขึ้นราคาสินค้าภายหลัง)
- แก้ปัญหาดุลการค้าขาดดุล
- ช่วยเหลือประเทศในยามฉุกเฉิน เช่น ยามสงครามไม่ให้ส่งสินค้าจำเป็น
- การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
- อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
- ความสำคัญของการแลกเปลี่ยนอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีผลต่อสินค้าเข้า สินค้าออกและดุลการค้า
- ถ้ามีการลดค่าเงินของประเทศ
- ราคาสินค้าออกจะถูกลงในสายตาคนต่างชาติ ทำให้สินค้าออกมีปริมาณเพิ่มขึ้น
- ราคาสินค้าเข้าจะแพงขึ้นในสายตาคนในประเทศ ทำให้สินค้าเข้ามีปริมาณลดลง
- ถ้ามีการเพิ่มค่าเงินของประเทศ
- ราคาสินค้าออกจะแพงขึ้นในสายตาคนต่างชาติ ทำให้สินค้าออกมีปริมาณลดลง
- ราคาสินค้าเข้าจะถูกลงในสายตาคนในประเทศ ทำให้สินค้าเข้ามีปริมาณเพิ่มขึ้น
ผลจากการเปลี่ยนค่าของเงินของประเทศ |
ลดค่าเงิน |
เพิ่มค่าเงิน |
ราคาค่าเงินของประเทศ |
||
ราคาสินค้าออก (คิดเป็นเงินต่างประเทศ) |
||
ราคาสินค้าเข้า (คิดเป็นเงินในประเทศ) |
||
การไปท่องเที่ยวต่างประเทศ |
||
ชาวต่างชาติมาเที่ยวในประเทศ |
||
หนี้สินที่ติดต่างประเทศ |
||
หนี้สินที่ต่างประเทศค้าง |
||
ภาระหนี้สินที่ติดต่างประเทศ |
||
ภาระหนี้สินที่ต่างประเทศค้าง |
- ระบบอัตราแลกเปลี่ยน
- ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ : รัฐกำหนดให้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ระดับคงที่เป็นเวลานาน
- ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกกับเงินสกุลอื่น ๆ : รัฐกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนให้คงที่ แต่เปิดโอกาสให้ปรับอัตราแบบค่อยเป็นไปได้บ้างในกรณีที่ขาดดุลการชำระเงินมาก
- ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเสรีหรือลอยตัว : รัฐจะปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวอย่างเสรีโดยไม่เข้าไปแทรกแซง
- ระบบอัตราแลกเปลี่ยนกึ่งลอยตัว : รัฐจะเข้าไปซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อปรับอัตราแลกเปลี่ยนให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต้องการได้บ้าง
- ระบบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา : รัฐเข้าแทรกแซงโดยควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินจากต่างประเทศ
- ระบบอัตราการแลกเปลี่ยนแบบคงที่และแบบเสรีไม่มีใช้ในปัจจุบัน
- มีการใช้ระบบอัตราการแลกเปลี่ยนแบบกึ่งลอยตัวและแบบที่ถูกกับเงินตราสกุลอื่นกันมากในปัจจุบัน
- ระบบการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรามีไว้ใช้ในประเทศไม่มากนัก
- ประเทศไทย ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนดังนี้
- ระบบกึ่งลอยตัว : โดยรัฐนำค่าเงินบาทไปเชื่อมโยงกับเงินตราสกุลสำคัญ ๆ หลายสกุล (BASKET OF CURRENCIES)
- กำหนดเป็นอัตราประจำ
- ใช้ทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเข้าแทรกแซงเพื่อรักษาค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
- เงินตราสกุลสำคัญที่ไทยใช้เชื่อมโยงค่าเงินในปัจจุบัน ได้แก่ ดอลล่าร์สหรัฐ ปอนด์สเตอริง มาร์กเยอรมนี เยน ดอลลาร์ฮ่องกง ดอลล่าร์บรูไน ริงกิตมาเลเซีย เปโซฟิลลิปปินส์ และรูเปียอินโดนีเซีย
- ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ
- ดุลการชำระเงินประเทศ
- ดุลการชำระเงินเป็นบัญชีแสดงฐานะเศรษฐกิจของประเทศ โดยเปรียบเทียบระหว่างเงินเข้าประเทศ (รายรับ) และเงินออกจากประเทศ (รายจ่าย)
- เมื่อเงินเข้าประเทศมีมากกว่าเงินที่ออกนอกประเทศ = ดุลการชำระเงิน
- ทุน ของประเทศจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้
- ประเทศสามารถพิมพ์ธนบัตรออกใช้มากขึ้น
- ระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศของประเทศมีเสถียรภาพ(ค่าของเงินประเทศ )
- เศรษฐกิจของประเทศมีเสถียรภาพในสายตาของต่างประเทศ
- เมื่อเงินออกนอกประเทศมากกว่าเงินที่เข้าประเทศ = ดุลการชำระเงิน
- เศรษฐกิจของประเทศจะไม่ดี คือ มีภาวะเงินฝืด
- ทุนสำรองระหว่างประเทศจะ ส่งผลให้
- ระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศของประเทศไม่มีเสถียรภาพ (ค่าของเงินประเทศ )
- เศรษฐกิจของประเทศดูไม่มีเสถียรภาพในสายตาของต่างประเทศ
-
- ส่วนประกอบของดุลการชำระเงิน
- บัญชีเดินสะพัด ประกอบด้วยบัญชีดุลการค้า บัญชีดุลบริการ และบัญชีดุลบริจาค (ดุลเงินโอน)
- ดุลการค้า : แสดงมูลค่าสินค้าออกและสินค้าเข้า
- ดุลบริการ : แสดงมูลค่าบริการระหว่างประเทศ
- ดุลบริจาค : (ดุลเงินโอน) แสดงการรับและให้เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
- บัญชีทุนเคลื่อนย้าย : รายการลงทุน หรือกู้เงินข้ามชาติ
- บัญชีทุนสำรองระหว่างประเทศ : เป็นยอดสรุปของดุลการชำระเงิน
** ทุนสำรองระหว่างประเทศประกอบด้วย เงินตราต่างประเทศ ทองคำ หลักทรัพย์ที่ธนาคารกลางถือไว้ และสิทธิถอนพิเศษ (SDR)
-
- การแก้ไขปัญหาดุลการชำระเงินขาดดุล
- การเพิ่มรายได้
- ส่งเสริมให้มีสินค้าขาออกมาก ๆ โดยลดภาษีขาออก หาตลาดนอกประเทศ , ปรับปรุงคุณภาพสินค้า , รัฐบาลยกเว้นภาษีวัตถุดิบสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมในประเทศ
- ชักจูงให้ชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาเที่ยวหรือลงทุนมากขึ้น
- การลดรายจ่าย
- ส่งเสริมให้ประชาชนประหยัด
- ลดการสั่งสินค้าเข้าโดยใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น ตั้งกำแพงภาษี
- วิธีการอื่น ๆ
- ลดค่าเงินประเทศของตน
- กู้ยืมจากต่างประเทศ
- ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ภายในประเทศ เพื่อไม่ให้เงินกู้ต่างประเทศไหลเข้ามามาก
- การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
-
- ประเภทของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
ประเภท |
ลักษณะ |
ตัวอย่าง |
เขตการค้าเสรี |
|
|
สหภาพศุลกากร |
|
ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป (EEC) |
ตลาดร่วม |
เปิดโอกาสให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้าบริการและปัจจัยการผลิตเข้าออกระหว่างประเทศสมาชิกได้อย่างเสรี |
ประชาคมยุโรป (EC) |
สหภาพเศรษฐกิจ |
เหมือนกับตลาดร่วม นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกยังร่วมกันกำหนดนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวม |
สหภาพยุโรป (EU) |
การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจอย่างเศรษฐกิจ |
มีสถาบันสูงสุดซึ่งทำหน้าที่สูงกว่าสถาบันระดับประเทศ (รัฐสภากลาง) การรวมกลุ่มแบบนี้จึงเป็น “ การรวมกลุ่มทางการเมืองอย่างสมบูรณ์” |
-
- ความเป็นมาของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
- การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเริ่มมีบทบาทสำคัญมากหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 (ทศวรรษที่ 1980)
โดยที่ช่วงนี้การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเกิดจาก
- ประเทศมหาอำนาจมุ่งมั่นจะเป็นผู้นำในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
- ประเทศอังกฤษและประเทศมหาอำนาจในยุคก่อนพยายามรักษาอำนาจตนไว้
- การรวมกลุ่มระยะนี้กลายมาเป็นสาเหตุสำคัญบางประการหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2
- หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการจัดตั้ง
- ข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (GATT) เพื่อปฏิรูปการค้าของโลกให้เป็นการค้าเสรี
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของโลก
- ทศวรรษที่ 1950-1960 มีการจัดตั้ง
- “ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป” (EEC)
- “สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป” (EFTA)
- “สมาคมการค้าเสรีแห่งลาตินอเมริกา (LAFTA)
- “กลุ่มประเทศผู้นำส่งน้ำมันออก” (OPEC)
- “สมาคมประชาชาติแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้” (ASEAN)
- ทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมา มีการจัดตั้ง
- “ ประชาคมยุโรป” (EC)
- “ เขตการค้าเสรีแห่งอเมริกาเหนือ” (NAFTA)
- “ เขตการค้าเสรีอาเซียน” (AFTA)
-
- การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจทั่วไป
- ธนาคารโลก (WORLD BANK)
- ธนาคารโลกมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาทางด้านการเงิน และวิทยาการโดยผ่านสถาบันในเครือ เช่น IDA, IFC
- ด้านการเงิน : ธนาคารโลกจะทำให้เงินกู้ระยะยาว ที่มีดอกเบี้ย เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนานำไปใช้พัฒนาเศรษฐกิจ
- ด้านวิทยาการ : ธนาคารโลกมีบทบาทต่อการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศลูกหนี้ เช่น เสนอให้มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และเสนอแนวนโยบายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (INTERNATIONAL MONETARY FUND-IMF)
- ทำหน้าที่ดูแลด้านการค้าและการเงินระหว่างประเทศ โดยดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ และดุลการชำระเงินให้ราบรื่น
** IMF จะให้เงินกู้ระยะสั้นแก่ประเทศสมาชิก เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาเกี่ยวกับดุลการชำระเงินและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศ
- วิวัฒนาการการรักษาอัตราแลกเปลี่ยน
- ระบบเบรตตันวูดส์ คือ ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่และเทียบค่าเงินของประเทศต่าง ๆ กับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา
- ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว และควบคุม โดยให้อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับภาวการณ์ของประเทศสมาชิก โดยเทียบค่าเงินของประเทศกับเงินสกุลใดก็ได้
- องค์การการค้าโลก (GAFF, WTO)
วัตถุประสงค์ ปฏิรูปการค้าของโลกให้เป็นเสรี
- สินค้าที่อยู่ภายใต้ WTO ส่วนมากเป็นสินค้าหัตถอุตสาหกรรมจากประเทศพัฒนาแล้ว ไม่รวมสินค้าเกษตรกรรมและผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ทำให้ประเทศที่ ได้เปรียบ
- การประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาของสหประชาชาติ (UNCTAD)
- เกิดจากการรวมกลุ่มของประเทศ กลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เพื่อช่วยเหลือด้านการค้า และการพัฒนาของประเทศกำลังพัฒนา
- นโยบาย
- เน้นประเทศกำลังพัฒนา
- ให้แต่ละประเทศจัดการด้านเศรษฐกิจของตนอย่างเสรี
- ส่งเสริมให้ประเทศกำลังพัฒนามีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
- มีกลุ่ม 2 กลุ่มใน UNCTAD ที่กำหนดแนวทางของกลุ่มก่อนการประชุม คือ “กลุ่มประเทศ 77” ซึ่งเป็นกลุ่มของประเทศกำลังพัฒนาและ “องค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา” (OECD) ซึ่งเป็นกลุ่มของประเทศพัฒนาแล้ว
- บทบาทและอิทธิพล
- ผลักดันให้เกิดการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาส่งสินค้าเข้าไปขายยังประเทศพัฒนาแล้วได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่า
*** สินค้าที่ระบุใน GSP ส่วนมากจะเป็นสินค้าหัตถกรรมและหัตถอุตสาหกรรม ***
-
- การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเฉพาะบางภูมิภาค
- สหภาพยุโรป (EUROPEAN UNITY : EU)
- ประเทศสมาชิก 12 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิรก์ อังกฤษ เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ กรีซ สเปน และโปรตุเกส
- สำนักงานใหญ่ กรุงบรัสเซอส์ เบลเยียม
- จุดประสงค์สำคัญ เป็น ตลาดร่วม และใช้นโยบายเศรษฐกิจร่วมกัน
- สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EUROPEAN FREE TRADE ASSOCIATION : EFTA)
- ประเทศสมาชิก 7 ประเทศ คือ สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และลิกเตนส์ไตน์
- สำนักงานใหญ่ เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
- จุดประสงค์สำคัญ เขตการค้าเสรี
- เมื่อปี 2534 EFTA และ EC ได้ลงนามร่วมจัดตั้งเขตเศรษฐกิจแบบใหม่ (EUROPEAN ECONOMIC AREA : EEA) เพื่อให้การเคลื่อนปัจจัยการผลิตระหว่างประเทศสมาชิกทั้ง 2 กลุ่มเป็นไปอย่างเสรีทั้งนี้ไม่รวมภาคเกษตรกรรม *
- เขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NORTH AMERICA FREE TRADE AREA : NAFTA)
- ประเทศสมาชิก 4 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก
- จุดประสงค์สำคัญ ร่วมมือกันด้านภาษีนำเข้า การลงทุนและการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างประเทศ ด้านพลังงานและการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
- กลุ่มตลาดร่วมอเมริกากลาง (CAEI)
- ประเทศสมาชิก คอสตาริกา เอลซัลวาดอร์ กัลเตมาลา ฮอนดูรัส นิการากัว
- วัตถุประสงค์ เพื่อสร้างตลาดร่วมในกลุ่มสมาชิก
- สมาคมการค้าเสรีแห่งละตินอเมริกา (LAFTA)
- ประเทศสมาชิก 11 ประเทศ คือ อาร์เจติน่า โบลิเวีย บราซิล ชิลี โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เม็กซิโก้ ปารากวัย เปรู อุรุกวัย เวเนซูเอลา
- วัตถุประสงค์สำคัญ สนับสนุนการค้าเสรีในกลุ่มประเทศ และสนับสนุนให้มีอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าที่ใช้ร่วมกันในการพัฒนาด้านการเกษตร
- สมาคมอาเซียน (ASEAN)
- ประเทศสมาชิก 10 ประเทศ คือ สิงค์โปร์ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา
- สำนักงานใหญ่ เมืองจาการ์ตา อินโดนีเซีย
- จุดประสงค์สำคัญ เป็น เขตการค้าเสรี และร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ (อุตสาหกรรม เกษตรคมนาคมขนส่ง) รวมทั้งร่วมมือกันด้านสังคมและการเมือง
- อาเซียนมีนโยบายกำหนดให้เอเซียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเขตสันติภาพ เสรีภาพและความเป็นกลาง
การร่วมมือกันทางอุตสาหกรรม ของ ASEAN
- ประเทศสมาชิกเลือกผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์สินค้าอุตสาหกรรมที่ตนถนัดและส่งขายให้แก่กัน โดยยกเว้นภาษีขาเข้า
- คัดเลือกและส่งเสริมโครงการอุตสาหกรรมที่เหมาะสมที่จะจัดตั้งในประเทศสมาชิก
- โครงการแอมโมเนีย-ยูเรียจัดตั้งที่ อินโดนีเซียและมาเลเซีย
- โครงการปุ๋ยฟอสเฟตจัดตั้งที่ ฟิลิปปินส์
- โครงการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลจัดตั้งที่ สิงค์โปร์
- โครงการหินเกลือโซดาแอซจัดตั้งที่ ไทย
- ความมุ่งหมายต่อไป ค่อยๆ คิดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าส่วนใหญ่ที่ค้าขายกันได้เหลือร้อยละ 5 ภายใน 15 ปี ( จนกลายเป็นข้อตกลงการค้า เสรีอาเซียน : AFTA)
- เอเปค ( Asia – Pacific Economic Cooperation : APEC)
- ประเทศสมาชิก 15 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย บรูไน แคนนาดา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา ไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน และฮ่องกง
- จุดประสงค์สำคัญ ส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจร่วมกัน ส่งเสริมการค้าเสรีและตั้งรับการรวมเป็นตลาดเดียวของประชาคมยุโรป
- กลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก ( Organization of petroleum Exportiong Countries : OPEC )
- ประเทศสมาชิก 13 ประเทศ คือ อิหร่าน อิรัก คูเวต ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรดส์ ลิเบีย แอลจีเรีย กาบอง ไนจีเรีย เวเนซุเอลา เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย
- จุดประสงค์สำคัญ สร้างอำนาจต่อรองในเรื่องของราคาและเงื่อนไขการขายน้ำมัน
-
- ผลจากการรวมกลุ่มเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
- มีการเคลื่อนย้ายทุนเข้าไปในกลุ่มประเทศทีมีการรวมกลุ่มเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อลดการกีดันด้านภาษีจากการประเทศนอกกลุ่มประเทศ
- ประเทศที่มีการนำเข้าสินค้าบางประเภทที่ผลิตเองได้ เพราะไม่สามารถแข่งขันกับประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจเดียวกัน
- สินค้าส่งออกถูกกีดกันจากกลุ่มประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก
- ปัญหาการค้าระหว่างประเทศของประเทศกำลังพัฒนา
-
- สินค้าออกเป็นสินค้าเกษตรและวัตถุดิบที่มีราคาต่ำ สินค้าเข้าเป็นสินค้าอุตสาหกรรมที่มีราคาสูง ทำให้ขาดดุลการค้าอย่างมาก
- สินค้าออกเป็นสินค้าเกษตรที่ขึ้นกับฤดูกาล ทำให้ได้ผลผลิตน้อย และบางครั้งก็ได้ผลผลิตมากจนราคาตก
- สินค้าเกษตรถูกกีดกันจากประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ออกกฎหมาย Farm act ( ให้เงินอุดหนุนสินค้าเกษตรของตนให้ราคาต่ำกว่าตลาดโลก)
- องค์การระหว่างประเทศมีนโยบายที่เป็นผลดีต่อประเทศอุตสาหกรรมมากกว่าประเทศยากจน
- การลงทุนระหว่างประเทศ
- ประเทศที่พัฒนาแล้วมักเข้ามาลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อลดต้นทุนด้านวัตถุดิบและค่าแรง