สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Germany)
ลักษณะภูมิประเทศและที่ตั้ง
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี หรือเรียกสั้นๆ ว่าเยอรมันหรือเยอรมนี ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป
ล้อมรอบด้วยประเทศเพื่อนบ้านถึง 9 ประเทศ คือเดนมาร์กอยู่ทางเหนือเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม
ลักเซมเบิร์กและฝรั่งเศสอยู่ทางตะวันตก สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรียอยู่ทางใต้ สาธารณรัฐเชค
และโปแลนด์อยู่ทางตะวันออก นับเป็นประเทศยุโรปที่มีจำนวนเพื่อนบ้านมากที่สุด
นับตั้งแต่มีการรวมประเทศในปี ค.ศ. 1990 เยอรมันกลายเป็นประเทศสำคัญ
ที่ไม่เพียงแต่เป็นตัวเชื่อมยุโรปตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน แต่ยังเชื่อมประเทศทางตอนเหนือ
คือ กลุ่มสแกนดิเนเวียกับกลุ่มประเทศทางตอนใต้ ซึ่งอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกด้วย
เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป เยอรมันจึงเป็นเหมือนสะพาน
เชื่อมระหว่างประเทศในยุโรปตอนกลางและยุโรปตะวันออก ยิ่งกว่านั้นการที่มีที่ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป
ยังทำให้เยอรมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการท่องเที่ยวแถบนี้
เยอรมันมีพื้นที่ประมาณ 357,000 ตารางกิโลเมตร
พรมแดนทางตอนเหนือของประเทศติดกับฝั่งทะเลเหนือ (North Sea) และทะเลบัลติค
ทางตอนใต้จรดเทือกเขาแอลป์ในบาวาเรียน ระยะทางส่วนที่ยาวที่สุดจากเหนือจรดใต้ประมาณ 876 กิโลเมตร
จากตะวันตกไปตะวันออกประมาณ 640 กิโลเมตร
ภูมิประเทศของเยอรมันมีทิวทัศน์งดงามแตกต่างกันไปหลายรูปแบบ
ทั้งเทือกเขาสูงต่ำสลับกับที่ราบสูงและพื้นที่ลดหลั่นเป็นชั้น เนินเขาทะเลสาปตลอดจนที่ราบโล่งกว้างใหญ่
ทางตอนเหนือเป็นแนวชายฝั่งทะเลเต็มไปด้วยเกาะแก่ง ทะเลสาบ ท้องทุ่งที่มีพุ่มไม้ปกคลุม เนินทราย
และบริเวณปากแม่น้ำที่สวยงาม ส่วนทางตอนใต้แถบที่ราบสูงชวาเบียน-บาวา
เรียงเต็มไปด้วยเนินเขาและทะเลสาปขนาดใหญ่ มีบริเวณครอบคลุมถึงเทือกเขาแอลป์ในส่วนของเยอรมัน
ลักษณะภูมิอากาศและฤดูกาล
ลักษณะอากาศของเยอรมันเป็นแบบค่อนข้างไปทางหนาวเย็น มี 4 ฤดู คือ
ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 18 – 20 องศาเซลเซียส แต่อาจจะสูงขึ้นถึง 30 องศา หรือสูงกว่า
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) อากาศจะเย็นลงและมีฝน ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองบ้าง สีแดงบ้างดูสวยงาม
ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์) อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 5 องศา ถึง ลบ 5 องศาเซลเซียส โดยจะมีหิมะตกบ้าง
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม) อากาศจะอุ่นขึ้น ดอกไม้เริ่มบานและต้นไม้จะแตกใบอ่อน นำความเขียวขจีกลับมาอีกครั้ง
เวลา
การแบ่งเวลาของเยอรมันเป็นแบบยุโรปตอนกลาง ซึ่งเวลาจะช้ากว่าประเทศไทย 6 ชม. ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม
ส่วนในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนเมษายนถึงตุลาคม เวลาจะช้ากว่าประเทศไทย 5 ชม.
ประชากร
เยอรมันมีประชากรประมาณ 82 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับสองรองจากรัสเซีย ในจำนวนนี้ 7.3 ล้านคน
เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานอพยพมาจากตุรกี ยุโรปตอนใต้และยุโรปตะวันออกเฉียงใต้
โดยเริ่มเข้ามาตั้งแต่ช่วงหลัง ค.ศ.1960 ซึ่งนับมาถึงปัจจุบันก็เป็นรุ่นที่ 2 และ 3 แล้ว
ชาวเยอรมันสืบเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์เยอรมันดั้งเดิมหลายเผ่า เช่น เผ่าซัคเซน และบาวาเรียน
ซึ่งปัจจุบันเราจะไม่เห็นความแตกต่างนี้แล้ว แต่ยังมีคนเยอรมันบางกลุ่มที่ยังรักษาขนบธรรมเนียมและพูดภาษาเผ่าดั้งเดิมของตน
โดยใช้เป็นภาษาถิ่นต่างๆ กันไป การหลั่งไหลเข้ามาของชาวต่างชาติก่อให้เกิดความหลากหลายทางวัฒนธรรมในเยอรมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเมืองใหญ่ๆ
เยอรมันเป็นสังคมเปิด กล่าวคือ ยอมรับผู้คนซึ่งอพยพเข้ามาหาที่หลบภัยและผู้อพยพหนีสงคราม
การให้มีการเปิดเสรีสำหรับผู้ใช้แรงงาน การเป็นกลุ่มผู้นำ ต่อสู้เพื่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพและเลือกถิ่นที่อยู่
ภายในสหภาพยุโรป
ศาสนา
ชาวเยอรมันกว่า 55 ล้านคนนับถือศาสนาคริสต์นิกายต่างๆ
โดยมีนิกายโปแตสแตนท์ มีผู้นับถือประมาณ 27.6 ล้านคน นิกายโรมันคาทอลิก 27.5 ล้านคน
เยอรมันไม่มีศาสนาประจำชาติ การมีแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงาน ทำให้มีชุมชนที่นับถือศาสนาอื่นจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาอิสลาม ซึ่งมีผู้นับถือศาสนาอิสลามในเยอรมันประมาณ 2.6 ล้านคน จาก 41 ชาติทั่วโลก
นอกจากนั้นก็มีผู้นับถือศาสนายิว ฮินดู และพุทธ
ระบบการเมือง
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อระบบเผด็จการนาซีล่มสลาย
มีการแบ่งเยอรมันออกเป็น 2 ประเทศในปี ค.ศ.1949 คือ เยอรมันตะวันตกและเยอรมันตะวันออก
(ซึ่งประเทศทั้ง 2 ได้รวมเป็นเอกภาพเมื่อปี ค.ศ. 1990) ประกอบด้วยประธานาธิบดีสหพันธ์ (President)
มีรัฐสภาซึ่งแบ่งเป็น สภาสูง (Bundestag) และสภาล่าง (Bundesrat) หัวหน้ารัฐบาลคือนายกรัฐมนตรี (Chancellor)
สิ่งที่น่าภาคภูมิใจในรัฐธรรมนูญเยอรมันก็คือ การระบุความสำคัญของสิทธิพื้นฐาน
คนเยอรมันนับถือในเกียรติของความเป็นมนุษย์ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเยอรมันไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ตาม
สามารถเรียกร้องสิทธิพื้นฐานตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เช่น เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
เสรีภาพในทรัพย์สิน และเสรีภาพทางหนังสือพิมพ์ การเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชนแขนงต่างๆ
จะทำได้โดยไม่มีการเซ็นเซอร์จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ
เยอรมันเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมก่อตั้งสหภาพยุโรป
และการออกเงินตราของสหภาพยุโรป และเป็นสมาชิกขององค์กรนาโต้ (NATO)
ในปี ค.ศ. 1990 เยอรมันตะวันออกซึ่งมีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน
และปกครองแบบสังคมนิยมได้รวมประเทศเข้ากับเยอรมันตะวันตกกลายเป็น
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันในปัจจุบัน
การปกครอง
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประกอบด้วย 16 รัฐ คือ บาเดน-เวือร์เทมแบร์ก บาวาเรีย
เบอร์ลิน บรันเดนบวร์ก เบรเมน ฮัมบวร์ก เฮลเซน นีเดอร์ซัคเซน เมคเคลนบวร์ก-ฟอร์พอมเมิร์น
นอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลน ไรน์ลันฟัลส์ ซาร์ลันด์ ซัคเซน ซัคเซน-อันฮัลท์ ชเลสวิก-โฮลชไตน์
และเธือริงเงน แต่ละรัฐมีรัฐธรรมนูญเป็นของตนเอง
โดยสภาผู้แทนแห่งรัฐมาจากการได้รับเลือกตั้งของสมาชิกพรรคต่างๆ ในรัฐนั้นๆ
และสามารถออกกฎหมายใช้เองภายในรัฐได้ เช่น ระบบการศึกษารวมถึงระดับอุดมศึกษา
อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของแต่ละรัฐ
เมืองที่น่าสนใจ
คนเยอรมัน 26 ล้านคนหรือประมาณ 1 ใน 3 ของประชากร อาศัยอยู่ใน 86 เมืองใหญ่ๆ
ซึ่งประชากรกว่า 100,000 คนขึ้นไป ศูนย์กลางในทางเศรษฐกิจวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม
จึงไม่ได้จำกัดอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งเพียงแห่งเดียว โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงแสดงคอนเสิร์ต พิพิธภัณฑ์ สถาบันศิลปะ
ห้องสมุด มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ศูนย์การค้า จะมีหลากหลายกระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ
และแต่ละเมืองจะมีลักษณะเฉพาะของตน
กรุงเบอร์ลิน(Berlin) เมืองหลวงของประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ.1990
เป็นเมืองใหญ่สุด มีประชากร 3.5 ล้านคน เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรม
มีโรงละคร โรงแสดงคอนเสิร์ตวงดนตรีขนาดใหญ่ที่เรียกว่า วงออเคสตร้า พิพิธภัณฑ์
และเวทีแสดงศิลปะและดนตรีที่มีชื่อเสียง มีสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัย 11 แห่ง
วิทยาลัยศิลปะและดนตรีอีก 6 แห่ง นับเป็นเมืองที่มีสถาบันอุดมศึกษามากที่สุดในเยอรมัน
ฮัมบวร์ก(Hamburg) เป็นเมืองท่าเรือสำคัญ
มีประชากร 1.7 ล้านคน 15 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเป็นชาวต่างชาติ
เมืองนี้จึงมีบรรยากาศของความเป็นสากล นอกจากนี้ยังเป็นเมืองศูนย์กลางการสื่อสารมวลชน
ผลิตหนังสือพิมพ์และนิตยสาร 17 ใน 24 ฉบับของเยอรมันที่มียอดจำหน่ายกว่า 1 ล้าน
มีมหาวิทยาลัย 3 แห่ง และสถาบันการศึกษาระดับสูงอีกหลายสถาบัน
มิวนิค(München) เมืองมิวนิคเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย
มีประชากรประมาณ 1.3 ล้านคน เป็นเมืองที่มีหอศิลปะ สวนสาธารณะ
และพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง งานมหกรรมใหญ่ประจำปีที่ทั่วโลกรู้จักคือ Oktoberfest
เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่มีชื่อเสียง เช่น BMW และ ซีเมนส์ บริษัทที่ผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง
และสถาบันวิจัยอีกหลายแห่ง มีมหาวิทยาลัย 3 แห่ง และสถาบันการศึกษาระดับสูงอีก 8 แห่ง
แฟรงค์เฟิร์ต ไมน์ (Frankfurt) ประตูสู่ยุโรป เป็นศูนย์กลางท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมัน
มีประชากร 650,000 คน เป็นแหล่งการเงินนานาชาติและตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารกลางของยุโรป
สำนักงานใหญ่ของธนาคารหลายแห่งอยู่ที่เมืองนี้ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของหอสมุดแห่งชาติและ
งานแสดงหนังสือนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โคโลญจ์ เมืองนี้ประกอบด้วยโบสถ์สวยงามมากมาย
มีประชากรประมาณ 1,000,000 คน เป็นเมืองเก่ากว่า 2,000 ปี และยังเป็นศูนย์กลางศิลปะ
ดนตรี ร่วมสมัย มหาวิทยาลัยโคโลญจ์ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1388 ปัจจุบันมีนักศึกษามหาวิทยาลัย
และสถาบันการศึกษาระดับสูงอื่น ๆ อยู่เกือบแสนคน
ไลป์ซิก(Leipzig)
มีประชากรประมาณ 470,000 คน เคยเป็นเมืองสำคัญสำหรับจัดงานแสดงสินค้ามาหลายร้อยปีแล้ว
เมื่อมีการรวมประเทศ เมืองนี้จึงกลับมามีบทบาทสำคัญทางการค้ากับทั่วโลกมากขึ้น
มหาวิทยาลัยของเมืองนี้ ก่อตั้งมากว่า 600 ปี และเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง
บอนน์ (Bonn)
มีประชากรประมาณ 300,000 คน เคยเป็นเมืองหลวงของเยอรมันตะวันตก
แม้ว่าหลังการร่วมประเทศ เมื่อปี ค.ศ.1990 เบอร์ลินจะกลายเป็นเมืองหลวงของประเทศ
แต่สถานที่ราชการหลายแห่งยังคงอยู่ที่เมืองนี้ รวมทั้งองค์กร และสถาบันต่าง ๆ
เช่น องค์กรแลกเปลี่ยนทางวิชาการ (German Academic Exchange Service)
และสภาวิจัยของเยอรมัน (DFG) มหาวิทยาลัยของเมืองนี้มีนักศึกษาประมาณ 40,000 คน
เมืองที่น่าสนใจอื่นๆ มีอีกหลายเมือง เช่น ฮันโนเวอร์ (Hannover)
ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการแสดงสินค้าอุตสาหกรรม,
สตุ๊ทการ์ท (Stuttgart) ซึ่งมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และเมืองไวมาร์ (Weimar)
ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
เก่งมากๆเลย
^_^